วันนี้ผมขอนำเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษามาสรุปให้ท่านผู้อ่านได้เกิดความเข้าใจถึงการปฎิบัติงานต่างๆของการศึกษาในยุคปัจจุบัน ที่ต้องนำกฏหมายมาใช้ประกอบการทำงาน เพื่อใช้เพื่อปกป้องตัวเราเอง และการทำงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด ดังนั้น การใช้งานกฏหมายที่เป็นกฎเกณฑ์ที่รัฐกำหนดขึ้น เพื่อบังคับให้มีการประพฤติปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับต่างๆ ของข้าราชการครู หากผู้ใดละเมิดหรือไม่ปฏิบัติตามก็จะได้รับโทษ และเป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันและการดำเนินงานของทุกคน โดยเฉพาะผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษา ย่อมต้องใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการดำเนินงานด้วย กฎหมายการศึกษาความสำคัญของกฎหมายการศึกษา 1. กฎหมายเป็นเครื่องมือในการดำเนินงานจัดการศึกษาของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถจัดการศึกษาเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายได้ ลักษณะของกฎหมายการศึกษา 1) ต้องมีลักษณะเป็นกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับเป็นมาตรฐานของสังคม 1. รัฐธรรมนูญ นอกจากรูปแบบของกฎหมายดังกล่าวแล้ว กฎหมายยังสามารถแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้หลายลักษณะ ตามหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่งประเภท เช่น หลักแหล่งกำเนิดของกฎหมาย หลักสภาพการบังคับของกฎหมาย หลักการใช้กฎหมาย หลักฐานะและความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน เป็นต้น โดยทั่วไปแล้วการ 1) กฎหมายมหาชน คือ กฎหมายที่กำหนดสถานะและนิติสัมพันธ์ระหว่างรัฐหรือหน่วยงานของรัฐกับเอกชน หรือหน่วยงานของรัฐด้วยกัน ในฐานะที่รัฐหรือหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ปกครอง เช่น กฎหมายอาญา กฎหมายปกครอง และกฎหมายการคลัง เป็นต้น เช่น พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2542 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธิการ .ศ.2546 พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ พ.ศ.2643 กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการนับอายุเด็ก เพื่อเข้ารับการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.2545 และระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการประเมินเทียบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาระดับอุดมศึกษาต่ำกว่าปริญญา พ.ศ.2546 เป็นต้น
ในที่นี้จะขอจำแนกประเภทตามลักษณะสาระสำคัญของกฎหมาย ซึ่งสามารถแบ่งกฎหมายการศึกษาออกเป็น ๕ ประเภท ดังนี้ การบังคับใช้กฎหมายการศึกษา อย่างไรก็ตามนักบริหารการศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบดำเนินงานให้องค์การบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ จะต้องเลือกใช้กฎหมายอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายนั้นๆ ซึ่งมีแนวทางพอสรุปได้ ดังนี้ 1. ผู้บริหารการศึกษาต้องรู้กฎหมายเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของตน เข้าใจ และสามารถปรับกฎหมายใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ การใช้กฎหมายในการบริหารและจัดการศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผู้บริหารการศึกษาจะต้องมีความรอบรู้ และเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบทบาทหน้าที่ มีความสุจริตและมีไหวพริบที่จะใช้กฎหมายตามเจตนารมณ์อย่างแท้จริง |