รัชกาลที่2มีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้าง

สยามรัฐออนไลน์ วัฒนธรรม

รัชกาลที่2มีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้าง

เชิงสารคดี/บูรพา โชติช่วง: วันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี ตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พ.ศ.2352 – 2367) นับเป็นช่วงเวลาที่ราชอาณาจักรไทยเริ่มเข้าสู่ความสงบและมีความปึกแผ่นมากกว่าสมัยที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าพระองค์จะยังทรงประกอบพระราชกรณียกิจในการบริหารราชการแผ่นดินและทำนุบำรุงพระนครสืบต่อพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบรมชนกนาถ เช่นที่เคยเป็นมา แต่ในขณะเดียวกันยังทรงให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูศิลปกรรมในแขนงต่างๆ อย่างดียิ่ง ที่สำคัญคือ การรังสรรค์งานสถาปัตยกรรมในพระนครให้มีความสง่างามยิ่งกว่ายุคสมัยที่ผ่านมา มีการขยายอาณาเขตของพระบรมมหาราชวังทางทิศตะวันตกกับทิศใต้ใหม่ นอกจากนั้นยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างและตกแต่งอาคารต่างๆ ให้มีรูปแบบสมัยใหม่โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งทอง 3 หลัง สร้างตึกแบบยุโรปและเก๋งจีนอีกเป็นจำนวนมากในบริเวณสวนขวาภายในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นที่ทรงพระสำราญและต้อนรับแขกเมือง โดยมีลักษณะของการผสมผสานศิลปวัฒนธรรมระหว่างไทยกับต่างชาติเข้าด้วยกัน ทั้งนี้เพราะภายในสวนขวาจะประกอบด้วย อ่างน้ำ ภูเขา แพเก๋ง ตุ๊กตาเท่าคนจริง พร้อมด้วยรูปสัตว์ต่างๆ ในรัชสมัยของพระองค์ โปรดเกล้าฯ ให้มีการตัดถนนเพิ่มขึ้น ถนนที่สำคัญ ได้แก่ ถนนหน้าพระธาตุ และถนนพระจันทร์ เป็นต้น แต่ถึงกระนั้นถนนที่ตัดขึ้นใหม่นี้ล้วนเป็นไปเพื่อเชื่อมการสัญจรระหว่างพระบรมมหาราชวังกับพระราชวังบวรสถานมงคลเป็นสำคัญ โดยมีเทคนิคการก่อสร้างแบบเรียบง่าย (ตำนานงานโยธา 2325–2556) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระปรีชาสามารถในด้านศิลปกรรม ทั้งด้านประติมากรรม ทรงส่งเสริมงานช่างด้านหล่อพระพุทธรูปแล้ว ยังได้ทรงพระราชอุตสาหะปั้นหุ่นพระพักตร์ของพระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลกด้วยพระองค์เอง พระประธานในพระอุโบสถวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และพระองค์ยังทรงเป็นช่างปั้นและการแกะสลักที่เชี่ยวชาญ ทรงแกะสลักบานประตูพระวิหารพระศรีศากยมุนี วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร คู่หน้าด้วยพระองค์เองร่วมกับกรมหมื่นจิตรภักดี ฯลฯ ด้านกวีนิพนธ์ ในรัชสมัยของพระองค์ได้รับการยกย่องว่า เป็นยุคทองของวรรณคดีในสมัยนั้น ด้านกาพย์กลอนเจริญสูงสุด จนมีคำกล่าวว่า “ในรัชกาลที่ 2 นั้น ใครเป็นกวีก็เป็นคนโปรด” กวีที่มีชื่อเสียงนอกจากพระองค์แล้วยังมีกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (รัชกาลที่ 3) สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส, สุนทรภู่, พระยาตรัง และนายนรินทรธิเบศร์ (อิน) เป็นต้น พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์บทกลอนมากมาย ทรงเป็นยอดกวีด้านการแต่งบทละครทั้งละครในและละครนอก มีหลายเรื่องที่มีอยู่เดิมและทรงนำมาแต่งใหม่เพื่อให้ใช้ในการแสดงได้ เช่น รามเกียรติ์ อุณรุท และอิเหนา โดยเรื่องอิเหนานี้ เรื่องเดิมมีความยาวมาก ได้ทรงพระราชนิพนธ์ใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเรื่องยาวที่สุดของพระองค์ ฯลฯ ด้านดนตรี ทรงพระปรีชาสามารถในด้านนี้ไม่น้อยไปกว่าด้านละครและฟ้อนรำ เครื่องดนตรีที่ทรงถนัดและโปรดปรานคือ ซอสามสาย ซึ่งซอคู่พระหัตถ์ที่สำคัญได้พระราชทานนามว่า “ซอสายฟ้าฟาด” และเพลงพระราชนิพนธ์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีคือ “เพลงบุหลันลอยเลื่อน” หรือ “บุหลัน (เลื่อน) ลอยฟ้า” แต่ต่อมามักจะเรียกว่า “เพลงทรงพระสุบิน” เพราะเพลงมีนี้มีกำเนิดมาจากพระสุบิน (ฝัน) ของพระองค์เอง เพลงนี้จึงเป็นที่แพร่หลายและรู้จักกันกว้างขวางมาจนทุกวันนี้ (วิกิพีเดีย) ด้วยทรงพระปรีชาสามารถในศิลปกรรมหลายด้าน สถาปัตยกรรม ประติมากรรม กวีนิพนธ์ และดนตรี ที่ปรากฏขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ยุคทอง” ทั้งสะท้อนให้เห็นถึงความสงบสุขของบ้านเมืองตลอดระยะเวลา 15 ปีแห่งการครองราชย์แล้ว ยังบ่งบอกถึงความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ที่นับว่ามีแต่เพิ่มพูนขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อล่วงสู่รัชกาลต่อมา วันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี ยังได้กำหนดให้เป็น “วันศิลปินแห่งชาติ” ผู้ทรงเป็นพระปฐมบรมศิลปินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดแจ้ง และพระราชทานนามใหม่ว่า วัดอรุณราชธาราม ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ให้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาประดิษฐานไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถ และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดอรุณราชวราราม

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๒ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระองค์ทรงมีคุณูปการยิ่งใหญ่แก่ชาติบ้านเมือง

ทรงพระปรีชาสามารถเชี่ยวชาญในศาสตร์และศิลปหลากหลาย นับได้ว่าเป็นพระมหาราชเจ้าผู้ทรงพระคุณอันยิ่งใหญ่แก่ ชาติและปวงชนชาวไทย ควรที่คนไทยทุกยุคทุกสมัย จะน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการแทนคุณแก่แผ่นดินมาตุภูมิ

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันพุธ เดือน ๔ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีกุน ตรงกับวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ ณ นิวาสสถาน ตำบลอัมพวา เมืองสมุทรสงคราม พระนามเดิม “ฉิม” ขณะนั้นกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าข้าศึกแล้ว บ้านเมืองระส่ำระสายแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า ถึง ๖ ชุมนุม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงดำรงตำแหน่งหลวงกระบัตรเมืองราชบุรี

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีพระชนมายุ ๒ พรรษา พระบรมชนกนาถทรงรับราชการในกรุงธนบุรี และได้ย้ายนิวาสสถานมาอยู่ที่ด้านใต้ของวัดระฆังโฆษิตาราม หรือ ที่เรียกกันว่า “วัดบางว้าใหญ่” เมื่อทรงพระเยาว์ ได้ทรงศึกษาเล่าเรียนกับสมเด็จพระวันรัต ทองอยู่ (วัดระฆังโฆษิตาราม) และทรงผนวชเมื่อพระชนมายุ 19 พรรษา จำพรรษา ณ วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส)

ในสมัยกรุงธนบุรี บ้านเมืองอยู่ในระหว่างศึกสงครามโดยตลอด พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้โดยเสด็จ สมเด็จพระบรมชนกนาถไปในราชการสงคราม ตั้งแต่มีพระชน พรรษา ๘ พรรษา เช่น ในการรบพม่าที่เชียงใหม่ รบพม่าที่บ้านบางแก้ว เขาชะงุ้ม แขวงเมืองราชบุรี ในการศึกอะแซหวุ่นกี้ที่เมืองพิษณุโลก ตีกรุงศรีสัตนาคนหุต ครั้งที่เชิญพระแก้วมรกตมาสู่กรุงธนบุรี และการรบที่กัมพูชา นายทองต่อ กล้วยไม้ ณ อยุธยา เขียนไว้ในบทความอ่านทางวิทยุกระจายเสียง

กรมประชาสัมพันธ์ว่า “มีเรื่องเล่าสืบ ๆ กันมาว่า ขณะเมื่อทรงพระเยาว์ ในการตามเสด็จไปในพระราชสงครามนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบรมชนกนาถ โปรดให้พระองค์ร่วมทรงม้าพระที่นั่งเกาะพระปฤษฎางค์พระองค์แล้วเอาผ้ามัด ทั้ง ๒ พระองค์ไว้ด้วยกัน เข้าสู่สมรภูมิ”

ครั้นเมื่อทรงเจริญวัยขึ้น ทรงรับตำแหน่งปลัดทัพบ้าง ยกกระบัตรทัพบ้าง และคงตามเสด็จไปกับสมเด็จพระบรมชนกนาถ ในการสงคราม จึงเป็นนักรบคู่พระทัย มีความรู้ความชำนาญ และมีประสบการณ์อย่างยอดเยี่ยมในการศึกสงคราม

รัชกาลที่2มีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้าง

รัชกาลที่2มีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้าง

รัชกาลที่2มีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้าง

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โดยเสด็จไปในการพระราชสงครามครั้งสำคัญๆ หลายครั้ง เช่น สงครามที่ลาดหญ้า ศึกพม่าที่ท่าดินแดง อันเป็นการศึกสงครามครั้งสำคัญมากในการปราบปรามขับไล่อริราชศัตรูให้พ้นจาก ผืนแผ่นดินไทย นำความร่มเย็นมาสู่พสกนิกร ทรงอุปราชาภิเษกเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล เมื่อพระชนมพรรษา ๔๑ พรรษา เมื่อพระชนมพรรษา ๔๓ พรรษา ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบต่อจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบรมชนกนาถ เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๒ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์

เหตุการณ์สำคัญ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจัดพิธีอุปราชาภิเษก ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุ้ย ในรัชกาลที่ ๑ ขึ้นเป็น สมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาเสนานุรักษ์ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลพระมหาอุปราชเจ้า สถาปนาพระราชชนนีขึ้นเป็นกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระราชชนนีในรัชกาล ๒ กรุงสยามมีการเปลี่ยนธงประจำชาติ จากธงแดง เป็นธงช้าง มีลักษณะพื้นสีแดง ตรงกลางเป็นวงกลมสีขาว มีรูปช้างเผือกสีขาวภายในวงกลม แต่เมื่อจะใช้ชักเป็นธงบนเรือสินค้า ให้งดวงกลมออกเสีย เหลือแต่รูปช้างเผือกสีขาวเท่านั้น ดังนั้น บันทึกที่พบในต่างประเทศจึงระบุว่ากรุงสยาม ใช้ธงประจำชาติเป็นรูปช้างเผือกสีขาวบนพื้นแดง ดูเรื่อง ธงชาติไทย