โรงพยาบาลไหนบ้างที่ยกเลิกบัตรทอง

ยกเลิกบัตรทอง 2565 โรงพยาบาลเอกชนไหนยกเลิกรับสิทธิบัตรทอง มีผลเมื่อไหร่ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดได้ที่นี่

วันที่ 21 กันยายน 2565 ยกเลิกบัตรทอง 2565  จากกรณีที่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  หรือ สปสช. ออกมายืยันว่า โรงพยาบาลเอกชนจำนวน 9 โรงพยาบาล ยกเลิกสัญญาบริการสาธารณสุข ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง 30 บาท  

 

เหตุผลที่ สปสช. ยกเลิกบัตรทอง 2565 สำหรับโรงพยาบาลเอกชนทั้ง 9 แห่ง เนื่องจากการเบิกจ่ายไม่ถูกต้อง

ยกเลิกบัตรทอง 2565 สำหรับโรงพยาบาลเอกชนจำนวน 9 โรงพยาบาล มีดังนี้

  • รพ.มเหสักข์
  • รพ.บางนา 1
  • รพ.ประชาพัฒน์
  • รพ.นวมินทร์
  • รพ.เพชรเวช
  • รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2
  • รพ.แพทย์ปัญญา
  • รพ.บางมด
  • รพ.กล้วยน้ำไท

สิทธิบัตรทองจำนวน 696,103 คน ในจำนวนนี้มีเพียง 62,331 คน (ร้อยละ 9) ที่ใช้สิทธิรับบริการ และเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังจำนวน 24,058 คน

ล่าสุด ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ยืนยัน สปสช.ไม่ทอดทิ้งผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่กับ 9 โรงพยาบาล (รพ.) และพร้อมรองรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ หากยังไม่ได้ออกจาก รพ. หลังวันที่ 30 ก.ย. 2565 ยังคงนอนรักษาตัวต่อไปได้ จนกว่าจะหายป่วย โดย สปสช.จะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย

 ส่วนผู้ป่วยนัดรักษา 5 กลุ่ม ได้แก่

  • สตรีใกล้คลอด
  • ผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องรับเคมีบำบัดและรังสีรักษา
  • ผู้ป่วยมีนัด ทำอัลตราซาวด์,
  • ทำซีทีสแกน
  • และทำ MRI ยังคงรักษาตัวตามนัดต่อไปได้

 

ผู้ป่วยของทั้ง 9 รพ.ที่ได้รับใบส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.แห่งอื่น ยังคงได้รับสิทธิส่งตัวไปรักษาตามปกติ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ที่นัดติดตามอาการให้ไปรับการรักษาตัวต่อที่ คลินิกเวชกรรม คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และร้านยา ฯลฯ พร้อมจัดระบบบริการปฐมภูมิรูปแบบใหม่เพิ่มเติมเพื่อให้บริการ ได้แก่ ระบบบริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ที่ใดก็ได้

ผู้ป่วยเอชไอวี และวัณโรค ให้ไปรับการรักษาตัวต่อได้ในคลินิกเวชกรรม คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และร้านยา ฯลฯ

 

ส่วนผู้ป่วยที่ต้องรับการฟอกไต หรือมีนัดผ่าตัดหัวใจ ทำบอลลูนหัวใจ หรือใส่สายสวนหัวใจ ยังคงรับการรักษาที่ 9 รพ.เดิมได้ตามปกติ สำหรับผู้ที่ยังไม่เป็นผู้ป่วย แต่ได้สิทธิรับรักษาใน รพ. 9 แห่ง สามารถเลือกหน่วยบริการใหม่ได้ โดยเข้าไปลงทะเบียนในเวปไซต์ สปสช.

 จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ขณะที่ สปสช. ระบุว่า ได้จัดหาหน่วยบริการปฐมภูมิเพื่อรองรับให้การดูแล เช่น คลินิกเวชกรรม, คลินิกชุมชนอบอุ่น, คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และร้านยา พร้อมจัดระบบบริการปฐมภูมิรูปแบบใหม่เพิ่มเติม เพื่อให้บริการ ได้แก่ ระบบบริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เพื่อเพิ่มทางเลือกกับให้กับประชาชน พร้อมจัดหาโรงพยาบาลรับส่งต่อ ประสานและจัดหน่วยบริการแห่งใหม่ เพื่อดูแลผู้ป่วยที่มีนัดรักษาหรือติดตามอาการ 

จากกรณีที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ยกเลิกการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการของโรงพยาบาล (รพ.) เอกชนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 9 แห่ง ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ประกอบด้วย

6. รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2

9. รพ.กล้วยน้ำไท

ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิบัตรทอง 30 บาท (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ที่มีชื่ออยู่ในโรงพยาบาลทั้ง 9 แห่ง เป็นหน่วยปฐมภูมิ/ประจำ หน่วยบริการที่รับส่งต่อ หรือเคยไปรักษารวมถึงที่ยังรักษาที่ รพ.ทั้ง 9 แห่ง ยังคงใช้สิทธิรักษาได้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565

โดย สปสช. ได้เตรียมความพร้อมรองรับการดูแลประชากรสิทธิบัตรทอง ดังนี้

1. จัดหาหน่วยบริการปฐมภูมิรองรับประชากร ได้แก่ ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกเวชกรรม คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และร้านยา ฯลฯ

2. จัดหาระบบบริการปฐมภูมิรูปแบบใหม่เพิ่มเติม ได้แก่ ระบบบริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เพื่อเพิ่มทางเลือกกับให้กับประชาชน

3. จัดหาโรงพยาบาลรับส่งต่อ

4. ประสานและจัดหน่วยบริการแห่งใหม่เพื่อดูแลผู้ป่วยที่มีนัดรักษาหรือติดตามอาการ

ระหว่างนี้ขอให้ท่านตรวจสอบสิทธิการรักษาที่เว็บไซต์ สปสช. หรือที่ไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิกลิงก์ https://lin.ee/zzn3pU6 เลือกเมนูตรวจสอบสิทธิ หรือแอปพลิเคชัน สปสช. เลือกเมนูตรวจสอบสิทธิตนเอง

ผู้ที่สถานพยาบาลที่เข้ารับการรักษาเบื้องต้น (หน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำ) และสถานพยาบาลที่รับการส่งต่อ (หน่วยบริการรับส่งต่อทั่วไป) เป็นโรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่ง ดังนี้ รพ.ประชาพัฒน์, รพ.นวมินทร์, รพ.เพชรเวช, รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2, รพ.แพทย์ปัญญา, รพ.บางมด, รพ.กล้วยน้ำไท

กรณีไม่ใช่ผู้ป่วยรักษาต่อเนื่อง

ระหว่างนี้ก่อนถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ขอให้ลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการแห่งใหม่ในเขตพื้นที่ที่ตนพักอาศัย ได้ทางไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือแอปพลิเคชัน สปสช.

หากไม่มีหน่วยบริการในพื้นที่ให้เลือกลงทะเบียน ไม่ต้องกังวล สปสช. อยู่ระหว่างจัดหาหน่วยบริการเพิ่มเติมเพื่อให้ท่านลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำ/รับส่งต่อใหม่ โดยหากเจ็บป่วย เข้ารักษาได้ทุกหน่วยบริการปฐมภูมิใกล้บ้านที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ดูรายชื่อหน่วยบริการที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ที่เว็บไซต์ สปสช. https://www.nhso.go.th/page/hospital หรือที่เว็บไซต์ Nostra map https://map.nostramap.com/NostraMap/ หรือแอปพลิเคชัน Nostra Map เลือกชั้นข้อมูลที่เขียนว่า รายชื่อสถานพยาบาลในระบบ สปสช. เลือกประเภทการขึ้นทะเบียนที่ระบุว่า บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป หรือหน่วยบริการประจำ

ผู้ที่สถานพยาบาลเข้ารับการรักษาเบื้องต้น (หน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำ) เป็นคลินิกเอกชนหรือศูนย์บริการสาธารณสุข ที่ไม่ใช่ รพ. 9 แห่งนี้ และมีสถานพยาบาลที่รับการส่งต่อ (หน่วยบริการรับส่งต่อทั่วไป) ระบุว่า เป็นโรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่งดังนี้ รพ.มเหสักข์, รพ.บางนา 1, รพ.ประชาพัฒน์, รพ.นวมินทร์, รพ.เพชรเวช, รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2, รพ.แพทย์ปัญญา, รพ.บางมด, รพ.กล้วยน้ำไท เมื่อเจ็บป่วย ยังคงเข้ารับการรักษาได้ตามรายชื่อสถานพยาบาลที่เข้ารับการรักษาเบื้องต้นตามสิทธิได้เช่นเดิม กรณีที่จะต้องถูกส่งต่อไปรักษายังสถานพยาบาลอื่น สปสช.ได้ประสานงานให้ส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่ได้จัดหาเพิ่มให้

กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินใช้สิทธิรักษาเหมือนเดิมทุกประการ ดังนี้

เจ็บป่วยฉุกเฉินในกลุ่มสีเขียว (ไม่รุนแรง) สีเหลือง (เร่งด่วน) เข้ารักษาได้ทุกหน่วยบริการที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ดูรายชื่อหน่วยบริการที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ที่เว็บไซต์ สปสช. https://www.nhso.go.th/page/hospital หรือที่เว็บไซต์ Nostra map https://map.nostramap.com/NostraMap/ หรือแอปพลิเคชัน Nostra Map เลือกชั้นข้อมูลที่เขียนว่า รายชื่อสถานพยาบาลในระบบ สปสช.

เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติถึงแก่ชีวิต (สีแดง) เข้ารักษาได้ทุกหน่วยบริการ หรือโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนที่อยู่ใกล้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นกัน ตามนโยบาย UCEP เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่

กรณีผู้ป่วยที่ปัจจุบันยังรักษาต่อเนื่องที่ รพ.ทั้ง 9 แห่ง

กลุ่มที่มีนัดรักษาต่อเนื่อง รวมถึงผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ ที่มีนัดติดตามอาการ / ผ่าตัด / รังสีรักษา / เคมีบำบัด / หญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอด / ฯลฯ (ยกเว้นผู้ป่วยไตที่ฟอกไตกับ รพ.ทั้ง 9 แห่ง ยังคงไปฟอกไตได้ตามนัดเหมือนเดิม เนื่องจากไม่ได้ยกเลิกสัญญาการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม) ติดต่อขอรับเวชระเบียน (ข้อมูลและประวัติการรักษา) ที่โรงพยาบาลดังกล่าว ทั้งนี้ สปสช.ได้ทำหนังสือถึง รพ.ทั้ง 9 แห่ง เพื่อขอข้อมูลผู้ป่วยในกลุ่มนี้พร้อมประวัติการรักษาด้วยเช่นกัน โดยขั้นตอนหลังจากนี้ สปสช. จะประสานผู้ป่วยโดยตรง และจัดหาหน่วยบริการแห่งใหม่เพื่อดูแลต่อไป

หากยังไม่ได้รับการติดต่อประสานงานจาก สปสช. หรือไม่ได้รับความสะดวกจากการไปติดต่อขอรับเวชระเบียน ขอให้ติดต่อที่สายด่วน สปสช. 1330 กด 6 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามแนวทางต่อไป