พฤติกรรมองค์การ (Organization Behavior) ปิยวรรณ หอมจันทร์ หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พฤติกรรมองค์การ Organization Behavior ปิยวรรณ หอมจันทร์ ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พฤติกรรมองค์การ Organization Behavior ปิยวรรณ หอมจันทร์ หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ~ ก ~ ค ำน ำ หนังสือเรื่อง “พฤติกรรมองค์การ(Organization Behavior)”มุ่งเน้น ให้นิสิตเข้าใจถึงความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับทฤษฎีและพฤติกรรมองค์การ ความหมาย และภาวะผู้น าในองค์การ เนื่องจากวิชาพฤติกรรมองค์การ(Organization Behavior)นี้ เนื้อหา ศึกษารายละเอยด แต่ละหัวข้อเรื่องจากเอกสาร หรือหนังสืออนๆ (Organization Behavior)” เล่มนี้จะอานวยประโยชน์ต่อการเรียนการสอน ปิยวรรณ หอมจันทร์ หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ ~ ข ~ สารบัญ เรื่อง หน้า สารบัญ ข บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับพฤติกรรมองค์การ
1.2 ความหมายของพฤติกรรมองค์การ 2 1.6 การวิเคราะห์พฤติกรรมองค์การ 10 บทที่ 2 ทฤษฎีพฤติกรรมมนุษย์ในองค์การ 2.4 สรุป 25 บทที่ 3 สภาพแวดล้อมในองค์การ 3.5 ลักษณะของสภาพแวดล้อมองค์การ 44 ~ ค ~ สารบัญ (ต่อ) เรื่อง หน้า บทที่ 3 สภาพแวดล้อมในองค์การ 3.8 สรุป 55 4.1 บทน า 59 4.4 ทัศนคติ 68 5.1 บทน า 75 5.4 เหตุผลที่บุคคลเข้าร่วมในกลุ่ม 79 5.8 รูปแบบของกลุ่มที่มีประสิทธิผล 87 ~ ง ~ สารบัญ (ต่อ) เรื่อง หน้า 5.9 อิทธิพลต่อประสิทธิภาพกลุ่ม 89 ค าถามท้ายบท 94 6.2 ความหมายของการติดต่อสื่อสาร 97 6.5 ลักษณะเครือข่ายการติดต่อสื่อสาร 108 ค าถามท้ายบท 117 7.3 ความส าคัญของแรงจูงใจ 123 7.6 สรุป 143 ~ จ ~ สารบัญ (ต่อ) เรื่อง หน้า อ้างอิงท้ายบท 146 8.3 ประสิทธิผลของภาวะผู้น า 151 ค าถามท้ายบท 178 9.2 การจัดการความขัดแย้ง 181 ค าถามท้ายบท 200 10.3 ที่มาของอ านาจ 203 10.6 กลวิธีการใช้อิทธิพลทางการเมือง 213 ~ ฉ ~ สารบัญ (ต่อ) เรื่อง หน้า 10.8 จริยธรรม อ านาจ และการเมือง 215 บทที่ 10อ านาจและการเมองในองค์การ อ้างอิงท้ายบท 221 บทท ๑ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับพฤติกรรมองค์การ ๑.๑ บทน า การศึกษาเรื่องพฤติกรรมองค์การ มีความจ าเป็นที่เราจะต้องเข้าใจ ความหมายของค าว่า “พฤติกรรมของมนุษย์ในองค์การ”
(Human Behavior in ื่ ความร่วมมือ ความขัดแย้ง และแบบฉบับปฏิสัมพนธ์ (Interaction) เป็นอย่างไร วิทยา มานุษยวิทยา เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ มาประกอบ เมื่อพจารณาใน ได้ การที่จะเข้าใจพฤติกรรมองค์การได้ดีนั้น จึงจ
าเป็นต้องเข้าใจพฤติกรรมของ ~ ๒ ~ ๑.๒ ความหมายของพฤติกรรมองค์การ พฤติกรรมองค์การมาจากการรวมค าสองค าเข้าด้วยกันคือ ค าว่า ๆ ตัวบุคคลนั้น ค าว่า องค์การ (Organization) หมายถึง
องค์รวมของบุคคลที่มี หลากหลาย ดังนี้ พฤติกรรมระดับบุคคล กลุ่ม และองค์การ โดยใช้ความรู้ทางพฤติกรรมศาสตร์ ซึ่ง บริหารความรู้เหล่านี้ช่วยขยายโลกทัศน์ของผู้ศึกษาให้พจารณาปัญหาจากแง่มุม ๑ สมยศ นาวีการ, การบรหารและพฤตกรรมองค์การ, (กรุงเทพมหานคร : ~ ๓ ~ Robert A. Baron
ได้อธิบายเอาไว้ว่า พฤติกรรมองค์การเป็น วิชาที่เกี่ยวกับการอธิบายการท าความเข้าใจการคาดคะเนและการควบคุม สถานการณ์การจ้างงานการปฏิบัติงาน การออกจากงาน ประสิทธิภาพ การศึกษาพฤติกรรมของบุคคลและกลุ่มภายในองค์การ ซึ่งความเข้าใจดังกล่าว จะ ๒ ~ ๔ ~ Baron and Greenberg กล่าวว่าพฤติกรรมองค์การ หมายถึง ๑.๓ ความส าคัญของพฤติกรรมองค์การ
ผู้บริหารในยุคแรก ๆ มองบุคคลว่า เป็นปัจจัยการผลิตอย่างหนึ่ง ๗ ~ ๕ ~ ั เพอให้เกิดความเข้าใจและสามารถท านายพฤติกรรมในองค์การได้ ตลอดจน ึ
การศึกษาพฤติกรรมองค์การจะท าให้ผู้บริหารเข้าใจธรรมชาติและความต้องการ ~ ๖ ~ หรือตัวแปรใดเข้าไป จะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมอะไรขึ้น ซึ่งน ามาสู่การแก้ไขปัญหา ให้บุคลากรท างานได้บรรลุตามเป้าหมายและได้รับรางวัล เป็นต้น และการเมืองภายในองค์การ จะช่วยให้ผู้บริหารเข้าใจกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับ ให้เกิดการท างานร่วมกันได้เป็นอย่างดี เปลี่ยนแปลงภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบต่อองค์การ ฯลฯ นโยบายขององค์การได้ ~ ๗ ~
ตลอดจนเข้าใจผู้บริหารและบุคคลอนและสภาวะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการก าหนด ๑.๔ องค์ประกอบขององค์การ องค์การต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์การของรัฐหรือองค์การธุรกิจต่างมี ึ มีความส าคัญ แต่จุดมุ่งหมายขององค์การโดยรวมมีความส าคัญมากกว่า เพราะจะ ด าเนินงานขององค์การนั้น ๆ โดยการออกแบบโครงสร้างขององค์การ นอกจากจะ ๆ แล้วยังเกี่ยวข้องกับการจัดกลุ่มกิจกรรมในการท างานเป็นแผนกหรือฝ่ายต่างๆ ๙ จิรศักดิ์ จิยะนันท์ และคณะ, องค์การและการจัดการ,
(กรุงเทพมหานคร : ธี ~ ๘ ~ ิ และความก้าวหน้า ขององค์การ และสภาพแวดล้อมภายในองค์การ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ ผู้ใช้บริการ คู่แข่งขัน ผู้ขายวัตถุดิบ วัสดุ อปกรณ์ในการด
าเนินงาน ตลาดแรงงาน ิ ~ ๙ ~ ๑.๕ ลักษณะของวิชาพฤติกรรมองค์การ วิชาพฤติกรรมโครงการมีลักษณะที่แตกต่างจากวิชาบริหาร เพราะมี ศาสตร์หลายๆ แขนง เช่น จิตวิทยา
สังคมวิทยา มานุษวิทยา รัฐศาสตร์และ ๓. วิชาพฤติกรรมองค์การ ใช้เครื่องมือและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ใน องค์การทั้ง ๓ ระดับคือเริ่มท าการศึกษาตั้งแต่พฤติกรรมระดับบุคคลซึ่งเป็น ๑๐ ~ ๑๐ ~ ๖. วิชาพฤติกรรมองค์การ ท าการศึกษาเพอน าไปประยุกต์ใช้กับงาน ๑.๖ การวิเคราะห์พฤติกรรมองค์การ เนื่องจากพฤติกรรมองค์การเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล หลายฝ่ายดังนั้นในการศึกษาจึงมีความจ าเป็นต้องท าการศึกษาให้ครอบคลุมหลาย ื้ ละคนอย่างละเอยดเพราะปัจจัยดังกล่าวมีผลกระทบต่อพฤติกรรมของบุคคลและ ื่ ๓. ระดับองค์การ เป็นการศึกษาถึงภาพรวมขององค์การทั้งหมด แต่ ๑๑ สุพานี สฤษฎ์วานิช, พฤตกรรมองค์การสมัยใหม่: แนวคิดและทฤษฎี, ~ ๑๑ ~ แต่ละองค์การที่แตกต่างกันการแสดงออกและพฤติกรรมของบุคคลในองค์การจะ งาน ดังนั้นในการศึกษาพฤติกรรมระดับองค์การจึงเป็นสิ่งส าคัญและมีความ จะเห็นได้ว่าในการศึกษาพฤติกรรมองค์การนั้นต้องท าการศึกษา ในกลุ่ม อ านาจทีมงาน เป็นต้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะท าให้ทราบถึงความเคลื่อนไหว ื่ ๑.๗ สรุป พฤติกรรมองค์การเป็นการศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ ทัศนคติค่านิยม ความสามารถในการรับรู้การเรียนรู้ของคุณผลปฏิบัติงานของคนในองค์การ ~ ๑๒ ~ อานาจความขัดแย้งพฤติกรรมระหว่างกลุ่มการติดต่อสื่อสารพลังของกลุ่มทีมงาน มนุษย์วิทยาศึกษาเกี่ยวกับการเปรียบเทียบค่านิยมการวิเคราะห์วัฒนธรรมที่ รัฐศาสตร์ศึกษาเกี่ยวกับความขัดแย้งอานาจการเมืองภายในองค์การการวิเคราะห์ เกี่ยวกับนิสัยอายุเพศสถานภาพสมรสบุคลิกภาพทัศนคติค่านิยมความสามารถ เกี่ยวกับนโยบายการบริหารทรัพยากรมนุษย์วัฒนธรรมองค์การโครงสร้างและการ การบริหารงานในองค์การและปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการในองค์การ ~ ๑๓ ~ ค าถามท้ายบท ๑. จงให้ความความหมายของพฤติกรรมองค์การมาพอเข้าใจ ๒. พฤติกรรมองค์การมีความส าคัญอย่างไร จงอธิบายมาพอเข้าใจ ๓. องค์ประกอบของพฤติกรรมองค์การ มีอะไรบ้าง ๔. ลักษณะของวิชาพฤติกรรมองค์การมีอะไรบ้าง ๕. จงวิเคราะห์พฤติกรรมองค์การพร้อมยกตัวอย่างมาประกอบ ๖. พฤติกรรมองค์การแบ่งขอบเขตการศึกษา ออกเป็นกี่ระดับ จงอธิบาย ๗. การศึกษาพฤติกรรมองค์การมีความส าคัญต่อผู้บริหารอย่างไร จงอธิบายพร้อม ๘. ในปัจจุบันพฤติกรรมองค์การมีความส าคัญอย่างไรในการบริหารงานในองค์การ ~ ๑๔ ~ อ้างอิงท้ายบท จิรศักดิ์ จิยะนันท์ และคณะ.
องค์การและการจัดการ. กรุงเทพมหานคร : ธี ส านักพิมพ์ผู้จัดการ, ๒๕๔๓. Understanding and. Managing the Human Side of th.ed).. New York: Dryden Press. Harcourt Barce College, people and. Organizations. 5th ed.
U.S.A. : Houghton Robert A. Baron and Jerald Greenberg. Behavior Organization. 3 Wiley & Sons, 2000. บทท ๒ ๒.๑ บทน า
การศึกษาวิวัฒนาการเกี่ยวกับทฤษฎีพฤติกรรมองค์การตั้งแต่สมัยอดีตเป็นต้น เกี่ยวกับพฤติกรรมโครงการในอดีตซึ่งความรู้ดังกล่าวจะเป็นข้อมูลที่ส าคัญในการศึกษา องค์การ และเพื่อที่จะท างานร่วมกับผู้อื่นในองค์การได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม การศึกษาเพอให้เข้าใจธรรมชาติพนฐานของบุคคลและองค์การ ทั้งในมิติเฉพาะหน้าที่เป็น ๒.๒ ทฤษฎีองค์การก่อน ค.ศ. 1900 ในสมัยนั้นยังไม่มีหลักฐานแน่นอนว่ามีทฤษฎีอะไรเกิดขึ้นบ้างแต่ก็มีบุคคล วางหลักการเกี่ยวกับการแบ่งงานกันท า ๒.๒.๑ การจัดการแบบวิทยาศาสตร์ บุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือ Frederick w. Taylor ผู้ที่ ~ ๑๖ ~ วิทยาศาสตร์ จะท าให้สามารถค้นหาวิธีการท างานที่ดีที่สุดได้ เขาได้ เขียนผลงานเรื่อง ื่ ได้มากขึ้นท าให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น
หลักการบริหารทางวิทยาศาสตร์ ดังกล่าวมาแล้วเขาได้เน้นเกี่ยวกับปัญหาด้าน ๑ ~ ๑๗ ~ ๒.๓ ทฤษฎีคลาสสิก ๒.๓.๑ แนวคิดของ Gulick, H. Lutherand Urwick, F. Lyndall (ลูเทอร์ ล่วงหน้าเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานในอนาคต 2. การจัดองค์การ คือ จัดให้มีโครงสร้างของงานและอานาจหน้าที่เพอให้
เพอให้ได้บุคคลที่มีความเหมาะสมกับต าแหน่งงานเป็นการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิด หัวหน้าจะมีหน้าที่ในการสั่งการเพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาท างานต่างๆ ในหน้าที่ ซึ่งการสั่งการ ความส
าเร็จของงานภายในองค์การ ปัญหาอะไรต่อการด าเนินงาน หรืองานนั้นส าเร็จตามเป้าหมายก็มีความจ าเป็นต้องรายงาน ๒ ~ ๑๘ ~ ในเรื่องเกี่ยวกับการก าหนดหน้าที่ของผู้บริหาร Harold Koonz (แฮโรลด์ ดี. บาร์ นาร์ด ได้เขียนหนังสือชื่อ The Functions of the executive เขามี ๓ Koontz, Harold, Cyril O’Donnell and Heinz Weihrich, Essentials of ~ ๑๙ ~ 2. เอกภาพของการบังคับบัญชา ในการท างานต่างๆ เพอให้เกิดประสิทธิภาพ การปฏิบัติงานในองค์การเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาหลายอย่างการติดต่อสื่อสารภายในแผนก ๒.๓.๓ แนวคิดของแมกซ์เวเบอร์ Max weber (แมกซ์เวเบอร์) เป็นนักสังคมวิทยาชาวเยอรมันผลงานของเขา ระบบราชการเป็นระบบการท างานที่ขาดประสิทธิภาพ เพราะมีความล่าช้า ยุ่งยาก ไม่ การก าหนดสายการบังคับบัญชาเอาไว้ชัดเจนอย่างจากเบื้องสูงลงเบื้องล่างการสั่งการก็ ๕ ~ ๒๐ ~ 4. มีการก าหนดกฎระเบียบข้อบังคับเอาไว้ให้ทุกคนได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ั
เกี่ยวข้องกับการจัดโครงสร้างองค์การเป็นการก าหนดหลักเกณฑ์อย่างมีระบบในการ ๒.๓.๔ แนวคิดของ เอลตัน มาโย ั ั 2. เน้นภาวะผู้น าแบบประชาธิปไตยการท างานในองค์การจะประสบ 3. เน้นวิธีการท างานที่ดีที่สุดเอลตัน มาโยมีความเห็นสอดคล้องกับ frederick ๖ ~ ๒๑ ~ ๒.๓.๕ แนวคิดของ Mary Parker follett Mary Parker follett สนใจด้านจิตวิทยาและได้น ามาใช้ในธุรกิจและ หน้าที่อย่างเป็นทางการเพราะถ้าท
าอะไรเป็นแบบทางการไปเสียหมดจะท าให้ ๒.๓.๖ แนวคิดของเฮอร์เบิร์ต ไซมอน เฮอร์เบิร์ต ไซมอน ได้เสนอทฤษฎีในการตัดสินใจเขาได้ประยุกต์แนวความคิด มนุษย์จึงท าการตัดสินใจไปตามความเข้าใจของตน ไซม่อนได้อธิบายเกี่ยวกับแนวคิดในการ ตัดสินใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติหน้าที่จ าเป็นต้องใช้การจูงใจหลายด้านเพอให้งานนั้น ๗ follet, Mary Parker, Dynamic Administration, (New York : Harper and Row. ~ ๒๒ ~ ๒.๓.๗ แนวคิดของแคตซ์และคาห์น แคตซ์และคาห์น ได้เสนอแนวคิดองค์การเป็นระบบเปิดการมีความสัมพนธ์กับ 4. การที่องค์การมีเป้าหมายมีวัตถุประสงค์มีหน้าที่หลายๆ อย่างอาจเป็น ๒.๓.๘ แนวคิดของ เอ็ดเวิร์ด ทอร์นไดก์ ๑๐ ในการท างานที่ดีท าให้พนักงานมีความพงพอใจในการท างานเพมขึ้นการประมวลผลการ ๙ Katz, D., & Kahn, R.L., The Social Psychology of Organization (2nd ed.), ~ ๒๓ ~ ื่
๒.๓.๙ แนวคิดของจอห์น วัตสัน ให้มนุษย์สร้างพฤติกรรมออกมา เช่น ถ้าผู้บริหารใช้การจูงใจพนักงานโดยการให้รางวัล เกิดขึ้นจะท
าให้เราสามารถเข้าใจได้ว่า ท าให้พนักงานจึงมีพฤติกรรมในทางบวก เพราะเขา ๑๑ ~ ๒๔ ~ ๒.๓.๑๐ แนวคิดของซิกมัน ฟรอยด์ ซิกมัน ฟรอยด์ เป็นจิตแพทย์ชาวออสเตรเลียเขาได้อธิบายว่าจิตของมนุษย์มี มักจะเก็บกดลงไปในจิตใต้ส านึก คือ ความต้องการก้าวร้าวกับความต้องการทางเพศ ซึ่งจะ ิ ในวิถีทางที่สังคมยอมรับ ก็จะสามารถแก้ปัญหาและขจัดความทุกข์ให้แก่ตนได้ และอุดมคติต่างๆที่ผ่านการปลูกฝังเรียนรู้มา ดังนั้น super ego จึงเป็นสิ่งคอยควบคุมเพอ ๑๒ ~ ๒๕ ~ ื่ ๒.๔ สรุป ทฤษฎีพฤติกรรมองค์การเป็นการศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการของทฤษฎี พฤติกรรมองค์การตั้งแต่อดีตซึ่งจะท าให้ทราบถึงแนวคิดในด้านต่างๆ เกี่ยวกับพฤติกรรม กิจกรรมด้านเทคนิค กิจกรรมด้านการค้า กิจกรรมด้านการเงิน กิจกรรมด้านความมั่นคง การอ านวยการ การประสานงาน การรายงาน การจัดท างบประมาณ แนวคิดของบาร์นาร์ด ตัน มาโย เน้นการศึกษาทัศนคติของคน ภาวะผู้น าแบบประชาธิปไตยในการท างานที่ดีที่สุด องค์การอย่างมากเพราะจะท าให้เข้าใจบทบาทหน้าที่สภาพแวดล้อมต่างๆ ในองค์การ ~ ๒๖ ~ ค าถามท้ายบท ๑. จงวิเคราะห์หลักทฤษฎีองค์การก่อน ค.ศ. 1900 ๒. จงวิเคราะห์หลักทฤษฎีคลาสสิก ๓. จงวิเคราะห์แนวคิดของซิกมัน ฟรอยด์ ๔. จงวิเคราะห์แนวคิดของจอห์น วัตสัน ๕. จงวิเคราะห์แนวคิดของ Mary Parker follett ๖. จงวิเคราะห์แนวคิดของบาร์นาร์ด (Barnard) ๗. จงวิเคราะห์แนวคิดของเฮอร์เบิร์ต ไซมอน ๘. จงวิเคราะห์แนวคิดของแมกซ์เวเบอร์ ~ ๒๗ ~ อ้างอิงท้ายบท ั Gregg. Russell, 1941. Katz. D.. & Kahn. R.L.. The Social Psychology of Organization 2nd ed.. New Management. 3 rd ed. New Delhi : TATA McGraw-Hill, 1982. Mayo. Elton. The Human Problems of an Industrial Civilization. Boston: Taylor. Frederick W. The Principles of Scientific Management. New York: บทท ๓ สภาพแวดล้อมในองค์การ ๓.๑ บทน า การด
าเนินงานขององค์การในปัจจุบันได้รับผลกระทบอย่างมากจาก การท าความเข้าใจและศึกษาถึงสภาพแวดล้อมขององค์การจึงเป็น ๓.๒ ความหมายของสภาพแวดล้อม ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์ ได้กล่าวว่า สภาพแวดล้อมขององค์การ ~ ๒๙ ~ ท างานและการเข้าถึงทรัพยากรที่หายาก ได้แก วัตถุดิบ คนงานที่มีความเชี่ยวชาญ ๑ ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์, ทฤษฎีองค์การสมัยใหม่, (พิมพ์ครั้งที่ ๕), ๕ Richard L. Daft, Organization theory and design, edition.
applications, edition. (Englewood Cliffs New Jersey: Prentice – Hall Inc., ~ ๓๐ ~ กล่าวโดยสรุป สภาพแวดล้อมองค์การ หมายถึง สภาพการณ์หรือสิ่ง มีปัญหาในการจัดการกับสภาพแวดล้อมภายในและบรรยากาศในการท างานใน สะดวกในการจัดการเพราะขึ้นอยู่กับองค์การเอง ๓.๓ ปัจจัยสภาพแวดล้อมขององค์การ สภาพแวดล้อมขององค์การว่าประกอบด้วยปัจจัยหรือส่วนต่าง ๆ 10 ในส่วนนี้จะพจารณาในเรื่องการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ระบบการเงิน ๗ Richard L. Daft, Organization Theory and Design, pp. 71-72. ~ ๓๑ ~ ิ 9. ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม (socio-cultural sector) จะเป็น การศึกษาของประชาชน ศาสนา จริยธรรมในการท างาน การบริโภค การ ปัจจัยที่ใช้พจารณาสภาพแวดล้อมองค์การของ Richard L. Daft ทั้ง ~ ๓๒ ~ ๓.๔ ประเภทของสภาพแวดล้อมองค์การ จากปัจจัยที่ใช้พจารณาสภาพแวดล้อมขององค์การนักวิชาการได้แบ่ง (Internal environment) ซึ่งในแต่ละประเภทจะมีรายละเอียดดังนี้ คือ climate) เป็นปัจจัยที่เกี่ยวกับภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจของประเทศที่องค์การ ๘ พิทยา บวรวัฒนา, ทฤษฎีองค์การสาธารณะ, หน้า ๑๑๙-๑๒๓. ~ ๓๓ ~ ที่เป็นรายได้ของรัฐ ความต้องการของสังคมที่มีต่อบริการของรัฐ ซึ่งอาจแปรผัน ั กันและส่งผลกระทบต่อองค์การต่างกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเข้ามาควบคุมการท างาน
เมืองและกฎหมายอาจหมายถึงระบบการเมืองการปกครองของประทศนั้น ๆ ด้วย ๑๑ Heinz Weihrich and Harold koontz, Management a global perspective, edition. (Singapore: McGraw – Hill, Inc., 1993), pp. 59–61. ~ ๓๔ ~ 3) ปัจจัยด้านเทคโนโลยี (technology) ได้แก่ ระดับของ ด้านหนึ่งเท่านั้น เช่น ความก้าวหน้าในการติดต่อสื่อสาร ระบบข้อมูลข่าวสาร 5) เหตุการณ์และแนวโน้มระหว่างประทศ ซึ่งสภาพการณ์ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและคาดการณ์ได้ ๑๒ Heinz Weihrich and Harold koontz, Management a global ~ ๓๕ ~ ขององค์การในรูปแบบ ISO
การมีกฎระเบียบของโลก หรือองค์การระหว่าง ิ องค์การโดยตรง การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั่วไปขององค์การนี้มีค าที่เรารียกว่า ภายนอกขององค์การที่ส่งผลกระทบต่อความส าเร็จในการท างานและการบรรลุ และให้ความส าคัญกับสภาพแวดล้อมเฉพาะขององค์การมาก สภาพแวดล้อม ~ ๓๖ ~ ๑๓ เป็นหน้าที่หลักขององค์การ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ลูกค้าขององค์การต่าง ๆ มีการ ด าเนินการแบบครบวงจร แต่จะมีกิจการประเภทนี้ไมมากนัก โดยทั่วไปองค์การยัง บอกถึงความส าเร็จและประสิทธิผลในการด าเนินงานขององค์การ ในการศึกษา แล้ว ๑๓ Jay B. Barney and Ricky W. Griffin, The
Management of ~ ๓๗ ~ ดังนั้นคู่ แข่งจึงอาจได้แก่ ผู้ที่ผลิตสินค้าหรือบริการแบบเดียวกับองค์การหรือผลิต
อาจเป็นคู่แข่งกับบริษัทผลิตน้ าอดลมในการแย่งชิงน้ าตาล ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่ ผู้ขาย การแข่งขันในด้านนี้ยิ่งมีมากและมีความรุนแรง ต้น ส าหรับองค์การราชการ การพิจารณาคู่แข่งเป็นเรื่องยาก ทั้งนี้เพราะหน่วยงาน ด าเนินการในหลาย ๆ เรื่องจึงเป็นเรื่องของการใช้อานาจบังคับและการดูแลความ สงบเรียบร้อยของสังคม ซึ่งมีอานาจตามกฎหมายให้อานาจในการด าเนินการเรื่อง ไว้
และเป็นเรื่องของกลไกในการควบคุมของสังคม คู่แข่งของหน่วยงานราชการที่ ~ ๓๘ ~ ื่ กฎหมายและดูแลให้องค์การปฏิบัติตามระเบียบที่ได้วางไว้ การสร้างความเป็น กฎหมายก าหนดเข้ามาท างานได้ เป็นต้น ในส่วนของการควบคุมโดยกลุ่ม องค์การต้องทบทวนหรือหยุดด าเนินการในเรื่องดังกล่าว เช่น กรณีโรงงาน ประเทศไทยระบบราชการจะถูกควบคุมโดยหน่วยงานราชการที่สูงกว่าและ ประท้วงการปฏิบัติงานของหน่วยราชการได้จนท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน ด าเนินลักษณะเครือข่ายที่จะต้องท างานให้สอดคล้องกัน การท างานในลักษณะ ~ ๓๙ ~ กับองค์การอื่น ๆ ซึ่งการร่วมกับหน่วยงานอื่นนี้องค์การจะต้องมีการปรับระบบการ ั 6) ผู้ถือหุ้น (stockholders) ถือเป็นเจ้าของกิจการซึ่งจะมี เป็นเจ้าของเงินทุนในกิจการ ผู้ถือหุ้นมักจะมุ่งประโยชน์ขององค์การโดยพยายาม ปัจจัยด้านนี้อยู่มาก องค์การจึงมักจะให้ความสนใจกับปัจจัยในด้านนี้มาก การ จะพจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปัจจัยด้านลูกค้า ปัจจัยด้านคู่แข่งหรือของที่ใช้ ~ ๔๐ ~ ท างานขององค์การ (opportunity) และภัยอปสรรคที่องค์การอาจจะเผชิญ องค์การที่มีผลต่อการด าเนินกิจการขององค์การ การศึกษาหรือวิเคราะห์ ความส าคัญของสภาพแวดล้อมภายในองค์การไป ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วองค์การที่
องค์การไม่สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การได้ ขององค์การในที่สุด ดังนั้น ในส่วนนี้จะพจารณาถึงปัจจัยสภาพแวดล้อมภายใน ซึ่งท าหน้าที่ในการรับสภาพแวดล้อมขององค์การและก าหนดทิศทางในการท างาน ในการก าหนดแนวทางการปฏิบัติงาน แปลงแผนและนโยบายไปสู่การปฏิบัติจริง ของ Pascale และ Athons แห่งบริษัทที่ปรึกษา McKinsey ได้แบ่งระบบย่อย ~ ๔๑ ~ ขององค์การ (strategies) ซึ่งเป็นเหมือน hard-ware ขององค์การ ระบบบุคคลใน goal/share value/share vision) เป็นตัวเชื่อม soft-ware และ hard-wear ให้ ท างานร่วมกันในองค์การ การมีระบบผู้น า แบบของผู้น า การน
าจะท าให้การ ในองค์การ (communication) ระบบการจูงใจในองค์การ (motivation) และ รางวัลแก่พนักงาน การออกแบบงาน บรรยากาศในการท างาน ความสัมพนธ์กับ ๑๕ Judith R. Gordon and associates, Management and Organizational |