“การปลูกป่า” เหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่จริงๆแล้วมีอะไรมากกว่าการรณรงค์ให้คนเมืองรวมตัวกันไปทำโครงการCSR หรือ การห้ามไม่ให้เกษตรกรระดับชาวบ้านทำกินในพื้นที่ป่า… การปลูกป่าต้องปลูกให้มีโครงสร้างระบบนิเวศใกล้เคียงสภาพป่าจริง และให้คนทำมาหากินพอเพียงใกล้ๆป่าได้… Show
1) ไม้ใช้สอย 2) ไม้กินได้ 3) ไม้เศรษฐกิจ แต่ปลูกให้คล้ายสภาพป่าจริงๆ ราษฎรที่อาศัยและทำมาหากินในป่าและบริเวณใกล้ป่า ปลูกแล้วจะได้ประโยชน์อย่างพอเพียง ดังนี้ 1) พออยู่ หมายถึง ไม้เศรษฐกิจปลูกไว้สร้างที่อยู่อาศัย และจำหน่าย จัดโครงสร้างและลำดับชั้นต้นไม้ในป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง เป็นการจัดโครงสร้าง พันธุ์ไม้ให้มีสภาพใกล้เคียงกับป่า เพื่อเป็นประโยชน์ต่อความสมดุลของระบบนิเวศ โดยให้มีชั้นเรือนยอด 3 ชั้น ได้แก่ เรือนยอดชั้นบน เรือนยอดชั้นกลาง เรือนยอดชั้นล่าง และหากจัดโครงสร้างด้านการใช้ประโยชน์จะเป็น 4 ระดับ คือ ชั้นบน ชั้นกลาง ชั้นล่างและชั้นใต้ดิน ตามรูปแบบเกษตร 4 ชั้น พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประโยชน์ของป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง พอกิน คือ การปลูกต้นไม้ที่กินได้ รวมทั้งใช้เป็นยาสมุนไพร ไม้ในกลุ่มนี้ เช่น แค มะรุม ทุเรียน สะตอ ผักหวาน ฝาง แห้ม กล้วย ฟักข้าว ไม้ผลต่าง ๆ คือ การปลูกต้นไม้ให้เป็นป่าไม้ สำหรับทำเครื่องใช้สอยในครัวเรือน อาทิ ทำฟืน เผาถ่าน ทำงานหัตถกรรม หรือทำน้ำยาซักล้าง ไม้ในกลุ่มนี้ เช่น มะคำดีควาย หวาย ไผ่ หมีเหม็น คือ การปลูกต้นไม้ที่ใช้เนื้อไม้และไม้เชิงเศรษฐกิจให้เป็นป่า ไม้กลุ่มนี้เป็นไม้อายุยืนเพื่อใช้สร้างบ้าน ทำเครื่องเรือน ต้นไม้กลุ่มนี้ เช่น ตะเคียนทอง ยางนา สัก พะยูง พยอม คือ ประโยชน์อย่างที่ 4 ที่เกิดจากการปลูกป่า 3 อย่าง จะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศดินและน้ำให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ ร่มรื่น และฉ่ำเย็นขึ้นมา การปลูกป่า 5 ระดับแบบกสิกรรมธรรมชาติ ประกอบด้วยต้นไม้หลากหลายชนิดพันธุ์ โดยเราสามารถจัดแบ่งตามระดับช่วงความสูงและระบบนิเวศได้ 5 ระดับ ดังนี้
|