โครงงานเปลือกไข่ไล่มด 5 บท

โครงการสะเต็มศึกษา

หน่วยบูรณาการวิถีพอเพียง

เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด

โดย

1.เด็กชาย ธนิศร สิทธิโชค ม.2/12 เลขที่3
2.เด็กหญิง กชกานต์ เส้งลั่น ม.2/12 เลขที่7
3.เด็กหญิง จุไรรัตน์ บุญสุวรรณ ม.2/12 เลขที่11
4.เด็กหญิง ณัฐณิชา พงศ์พิทักษ์ ม.2/12 เลขที่16
5.เด็กหญิง พิมพ์มาดา ธรรมชาติ ม.2/12 เลขที่26

ครูประจำวิชา

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คุณครูปราณี  ทองรมย์

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ คุณครูสายน้ำผึ้ง ประสานสงค์

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย คุณครูละม้าย ชูสุวรรณ

กลุ่มสาระการเรียนสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม คุณครูเฉลิมศรี  ศิวติณฑุโก

กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา คุณครูธีรยุทร บุญมณี

กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ คุณครูสุเมศ เพ็งโอ

กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี คุณครูสุนันทา ดนัยสร

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ T.Grace M Betz    T.Kilday

กลุ่มสาระการเรียนรู้กิจกรรมแนะแนว คุณครูฐิติมา

โรงเรียน วรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา

รายงานเล่มนี้เป็นส่วนประกอบของโครงงานสะเต็มศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/12

บทคัดย่อ

โครงงานสะเต็มศึกษาเรื่อง เปลือกไข่ไล่มด มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาวิธีการเเละประดิษฐ์ทดลองจากเปลือกไข่ที่เหลือใช้เเละเพื่อลดปริมาณขยะที่เกิดจากเปลือกไข่ต่างๆวิธีการดำเนินการโครงงานเริ่มต้นจาก สืบค้นข้อมูลเเละหาไอเดียใหม่ๆ ส่วนวิธีการทำ คือนำเปลือกไข่ไปตากแดดหรือย่างไฟให้กรอบแล้วนำมาบดให้ละเอียดจนเป็นผงแป้งให้ได้ประมาณครึ่งแก้ว นำดินสอพองและปูนปลาสเตอร์มาผสมอย่างละครึ่งแก้ว ใส่น้ำส้มสายชูนิดหน่อยให้ผงที่ผสมกันแล้วไม่เหลวเกินไป เทใส่หลอดชานมแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง

นอกจากนี้ยังทำให้ผู้จัดทำโครงงานได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง คือไม่ฟุ่มเฟือย ประหยัด ตามเงื่อนไขความรู้คือรอบรู้ศึกษาวิธีการทำก่อนลงมือทำ จากการที่นำเทียบประโยชน์กับชอล์กไล่มดที่มีวางขายทั่วไปในท้องตลาดพบว่ามีประสิทธิภาพเท่าเทียมกันคือสามารถไล่มดได้ ดังนั้นจึงเห็นว่าเหมาะที่จะทำชอล์กที่ปราศสารเคมีใช้กันเองในครัวเรือนวัสดุก็หาง่ายภายในครัวเรือน เป็นวัสดุเหลือใช้ภายในบ้าน ราคาไม่แพงสำหรับท่านจะนำไปเป็นต้นแบบในการทำสามารถทำได้หรือจะนำเปลือกไข่จะเผาแล้ว หรือยังไม่เผา ป่นโรยตามพื้นดินในแปลงปลูกดอกไม้ก็ย่อมทำได้เช่นกัน

กิตติกรรมประกาศ

โครงงานประดิษฐ์เรื่อง เปลือกไข่ไล่มด สำเร็จลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อยอย่างดียิ่งเพราะความกรุณาของ อาจารย์ปรารถนา  พลศรี อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ที่ให้คำแนะนำ ปรึกษาตรวจแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ให้ความช่วยเหลือมาตลอด

คณะผู้จัดทำ

บทที่ 1

บทนำ

1.แนวคิดที่มาและความสำคัญของโครงงาน

       เนื่องจากปัจจุบันมดและแมลงหลายชนิดที่สร้างความรำคาญและก่อความเสียหายให้แก่มนุษย์     มดบางชนิดมีพิษ เช่น  มดคันไฟ  มดตะนอย  มดลิ้นงูเห่า เป็นต้น  เรามักจะพบมดตามบ้านเรือน  ดังนั้นเราจึงต้องหาวิธีการกำจัดมดโดยไม่ต้องใช้สารเคมีซึ่งมีอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม  และร่างกายของมนุษย์ เราจึงคิดค้นหรือทดลองการทำเปลือกไข่กำจัดมดโดยนำเปลือกไข่ไก่  เปลือกไข่เป็ด และ เปลือกไข่นกกระทามาเปรียบเทียบว่าเปลือกไข่ชนิดใดกำจัดมดได้ดีกว่ากัน โครงงานนี้เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจโดยนำวัสดุอุปกรณ์ที่เรามีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น เปลือกไข่ ดินสอพอง ไม้บรรทัดเป็นต้น ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่เป็นภัยแก่ร่างกาย เป็นแนวทางในการหารายได้ การประกอบอาชีพเสริม และได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์
2.วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1.เพื่อทดลองทำยากำจัดมดจากวัสดุธรรมชาติ คือ เปลือกไข่ไก่  เปลือกไข่เป็ด และเปลือกไข่นกกระทา
2.เปรียบเทียบว่าเปลือกไข่ชนิดใด มีความเหมาะสมที่จะนำมากำจัดมดได้ดีที่สุด
3.ขอบเขตและข้อจำกัดของโครงงาน 
เปลือกไข่ไก่ ไข่เป็ด และไข่นกกระทา
ปูนปลาสเตอร์
ดินสอพอง
ไม้บรรทัด
หลอดชาไข่มุก
ครก
สาก

4.ประโยชน์ที่ได้รับ1. ได้ทราบว่าเปลือกไข่ไก่ไล่มดได้
2. สามารถนำเปลือกไข่ไก่มาทำยากันมดไว้ใช้เองและเผยแพร่ในชุมชน
3. สามารถกำจัดมดได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
4. ได้ชอล์กไล่มดที่ปราศจากสารเคมีที่ทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์และสิ่งแวดล้อม

บทที่ 2

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

            ในการศึกษาโครงงานเรื่องเปลือกไข่ไล่มดผู้จัดทำได้รวบรวมแนวคิดต่างๆจากเอกสารที่เกี่ยวข้องดังนี้

2.1 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

เศรษฐกิจพอเพียง คือ ปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชี้แนวทางการดำเนินชีวิตให้แก่ปวงชนชาวไทยมาเป็นระยะเวลานาน ในช่วงตั้งแต่ก่อนการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เพื่อมุ่งให้พสกนิกรได้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างยั่งยืน มั่นคง และปลอดภัย ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ประโยชน์ของเศรษฐกิจพอเพียง
1.ให้ประชาชนพออยู่พอกินสมควรแก่อัตภาพในระดับที่ประหยัด ไม่อดอยากและเลี้ยงตนเอง

ได้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง
2. ในหน้าแล้งมีน้ำน้อย ก็สามารถเอาน้ำที่เก็บไว้ในสระมาปลูกพืชผักต่าง ๆ ที่ใช้น้ำน้อยได้
โดยไม่ต้องเบียดเบียนชลประทาน
3. ในปีที่ฝนตกตามฤดูกาลโดยมีน้ำดีตลอดปีทฤษฎีใหม่น้ำก็สามารถสร้างรายได้ให้ร่ำรวยขึ้นได้
4. ในกรณีที่เกิดอุทกภัยก็สามารถที่จะฟื้นตัวและช่วยตนเองได้ในระดับหนึ่ง โดยทางราชการ
ไม่ต้องช่วยเหลือมากเกินไป อันเป็นการประหยัดงบประมาณด้วย
2.2 เปลือกไข่ไก่
เปลือกไข่ คือ มีสีน้ำตาลหรือสีขาว ขึ้นอยู่กับชนิดของแม่ไก่ สีขาวไม่มีผลต่อคุณค่าทางโภชนาการของไข่ ส่วนประกอบสำคัญของเปลือกไข่คือ แคลเซียมเป็นส่วนใหญ่ มีลักษณะเป็นแท่งๆมาต่อกันในการสร้างเปลือกไข่แต่ละฟองนั้นจะใช้แคลเซียมประมาณ 2 กรัม มีคลลาเจนสานเป็นตัวตาข่าย และมีหินปูนทำให้เปลือกไข่แข็ง มีสารเคลือบที่สามารถป้องกันเชื้อแบคทีเรียไม่ให้เข้าไปในตัวไข่ได้ ความแข็งแรงของเปลือกไข่ขึ้นอยู่กับการกินอาหารของแม่ไก่ 
ประโยชน์ของเปลือกไข่
1.เปลือกไข่ไล่มด
 : นำเปลือกไข่ที่ย่างบดละเอียดแล้ว ส่วนไปผสมกับน้ำ ส่วน คนให้เข้ากันแล้วทิ้งไว้ซัก 1-2 ชั่วโมง ใส่ในขวดเสปรย์แล้วฉีดบริเวณที่มีมดอยู่มดจะไม่มาได่เพ่นพ่านกวนใจแถวนั้นอีกเลย หรือจะนำเปลือกไข่บดละเอียดไปโรยบริเวณที่มีมดอยู่ก็สามารถไล่มดได้เช่นกัน แต่การนำไปละลายน้ำก่อนจะมีประสิทธิภาพมากกว่า
2. เปลือกไข่ซักผ้า : นำเปลือกไปที่บดละเอียดแล้วไปผสมกับโซดาซักผ้า จากนั้นก็นำมาซักผ้าเพียงเท่านี้ผ้าก็จะขาวสะอาดมากขึ้น
3. เปลือกไข่เป็นเชื้อเพลิง : นำเปลือกที่ทุบจนละเอียดแล้วห่อด้วยกระดาษจากนั้นก็นำไปวางไว้ใต้ฟืน จะช่วยก่อไฟให้ติดง่ายมากขึ้น
4. เปลือกไข่เพิ่มแคลเซียม : นำเปลือกไข่บดละเอียดไปหุงปนกับข้าวสารจะทำให้แคลเซียมที่อยู่ในข้าวที่หุงนั้นมีมากขึ้นกว่าข้าวที่หุงแบบปกติ
5. เปลือกไข่ทำความสะอาดขวดน้ำ : นำเปลือกไข่ไปทุบแบบหยาบจากนั้นก็ไปใส่ในขวดที่ต้องการทำความสะอาดแต่ในขวดนั้นจะต้องมีน้ำผสมอยู่เล็กน้อยจากนั้นก็เขย่าขวดได้เลย เพียงเท่านี้ขวดน้ำก็จะสะอาด
6. เปลือกไข่เป็นปุ๋ย : เปลือกไข่นั้นสามารถเป็นปุ๋ยให้แก่ต้นไม้ได้เนื่องจากเปลือกไข่จะให้ธาตุแคลเซียมแก่ต้นได้ เพียงแค่นำเปลือกไข่ไปปักหรือโรยไว้ในดินบริเวณใกล้ๆ กับต้นไม้ที่ปลูกเท่านั้นเอง
7. เปลือกไข่ไล่แมลงหรือเพลี้ย :  นำเปลือกไข่ทั้งลูกเสียบไม้ แล้วนำไปปักในกระถางต้นไม้หรือแปลงผักมักจะมีแมลงหรือเพลี้ยมากัดกิน ในเปลือกไข่จะมีกำมะถันที่จะช่วยไล่เพลี้ยให้ไปไกลๆ
2.3 ปูนปลาสเตอร์
ปูนปลาสเตอร์ทำจากแร่ยิปซัม ซึ่งมีชื่อเรียกทางเคมีว่า แคลเซียม
แคลเซียมซัลเฟตไดไฮเดรตในโครงสร้างผลึกจะมี2หน่วยต่อแคลเซียมซัลเฟต1หน่วย เมื่อนำยิปซัมมาเผาแคลไซน์น้ำบางส่วนจะระเหยออกไปกลายเป็นปูนปลาสเตอร์ซึ่งมีชื่อเรียกทางเคมีว่า แคลเซียมเฮมิไฮเดรตในโครงผลึกจะมีน้ำเพียง1หน่วยต่อแคลเซียมซัลเฟต2หน่วย เป็นปฎิกิริยากับน้ำเกิดเป็นผลึกรูปเข็มของยิปซั่มและกลายเป็นก้อนแข็งอีกครั้งประโยชน์ของปูนปลาสเตอร์
1. ใช้สำหรับผลิตแม่พิมพ์ในงานอุตสาหกรรม
2. ใช้ขึ้นรูปชิ้นงานหัตถกรรมต่างๆ ตุ๊กกระตา และรูปปั้นต่างๆ
3. ใช้ขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ครัวเรือน อาทิ ถ้วย โถ จาน ชาม
4. ใช้ขึ้นรูปเครื่องใช้สุขภัณฑ์ต่างๆ อาทิ ถังน้ำ โถชักโครก
5. ใช้ขึ้นรูปในงานทันตกรรม
6. ใช้ขึ้นรูปผลิตแผ่นกระเบื้องมุงหลังคา
7. ใช้ฉาบ ปุปิดผนัง รอยต่อ รอยแตกหรือใช้ฉาบปิดตกแต่งงานก่อสร้างต่างๆ
2.4ดินสอพอง
ดินสอพองคือหินปูนเนื้อมาร์คที่เป็นดินที่เนื้อเป็นสารประกอบแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นส่วนใหญ่        

 เมื่อ มะนาวบีบใส่เมื่อทำปฏิกิริยากับแคลเซียมเป็นฟองฟูขึ้นดูเผินๆก็เห็นนั้นพองตัวขึ้นจึงเรียกดินสอพอง ประโยชน์ของดินสอพอง
1. ดินสอพองถือเป็นสมุนไพรรสยาเย็น ใช้แก้พิษร้อนกับร่างกาย ถอนพิษอักเสบ แก้ผด ผื่น และคันและ      ที่พิเศษคือเป็นยาห้ามเหงื่อนอกจากไม่ทำให้ร่างกายเหนียวเหนอะจากอากาศร้อนแล้วยังทำให้ร่างกาย         เย็นสบาย
2. การใช้ดินสอพองประหน้า สามารถป้องกันแดด ด้วยมีฤทธิ์คล้ายยากันแดดชนิดกายภาพ และนักวิจัย เพิ่งพบว่าเป็นยากันแดดได้ดี
3. มีสรรพคุณช่วยขจัดสิวเสี้ยน ลดอาการปวดบวมจากการอักเสบเขียวช้ำ ช่วยปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น เมื่อนำมาผสมกับสมุนไพรแล้วนำมาขัดผิว ขัดตัว พอกหน้า จะได้ผลดียิ่งขึ้น เหมาะกับผิวมัน เพราะหากใช้กับผิวแห้งจะทำให้ผิวยิ่งแห้งไปกว่าเดิม
 4. ใช้ขัดผิว คือ ดินสอพองผสมขมิ้นและมะขามเปียก ขัดหน้าขัดผิว ช่วยให้ผิวพรรณสดใสสวยงาม หรือใช้ดินสอพองผสมขมิ้นลิ้นทะเลและพิมเสนใช้ลอกฝ้าเป็นต้น
 5. นำดินสอพองมาผสมกับใบทองพันชั่งก็มีสรรพคุณชั้นเยี่ยมในการรักษากลากเกลื้อนได้เช่นกัน
6. ใช้ดินสองพอง ขมิ้นชัน ไพล เหงือกปลาหมอ ผสมรวมกัน ถ้าใช้เต็มสูตรนอกจากได้สีออกเหลืองๆ แล้ว เมื่อนำไปทาตัวไปจะเป็นเหมือนการขัดผิวนั่นเอง
7. ใช้ทาแก้ผิวหนังแพ้ ลมพิษ และผื่นคัน ให้ผสมดินสอพองกับใบเสลดพังพอนตัวเมีย (พญายอ) สูตรนี้เป็นแป้งน้ำไทยหรือเรียกว่าคาลาไมน์สมุนไพร (จะมีสีเขียว) ถ้าจะเปลี่ยนเป็นสีสันฉูดตาขึ้นบ้าง เหยาะน้ำยาอุทัยใส่ดินสอพอง ละลายน้ำ ก็จะได้แป้งน้ำสีสวยๆ อีกขนานหนึ่งหรืออยากได้สีส้มแสด ก็เอาชาดอกคำฝอยมาชงน้ำร้อน ใช้น้ำมาผสมดินสอพอง หรือต้องการสีน้ำเงินม่วงเด็ดดอกอัญชัน มาขยี้ละลายน้ำถ้าต้องการสีแดงไปถากเอาเปลือกต้นสะเดาใส่น้ำต้มให้เดือดหรือที่หาง่ายๆก็ใช้ดอกกระเจี๊ยบแดงต้มน้ำก็ได้สีแดง
 8. ช่วยดับพิษร้อนถอนพิษเผ็ดที่โดนพริกใช้ดินสอพองผสมน้ำทาบริเวณที่ร้อน
 9. ผสมน้ำมะกรูด หรือน้ำมะนาว ทาแก้หัวโน

บทที่ 3

วิธีการดำเนินงานโครงงาน

วัสดุอุปกรณ์และวิธีการดําเนินงาน

วัสดุอุปกรณ์

เปลือกไข่ไก่                                                         10 ฟอง

เปลือกไข่เป็ด                                                         10 ฟอง

ดินสอพอง

ปูนปลาสเตอร์

ครก สาก    

บทที่ 4

ผลการดำเนินงาน

4.1 ผลการดำเนินงาน

      จากการทำโครงงานเปลือกไข่ไล่มด

ทำให้ผู้จัดทำได้ศึกษาวิธีการนำเปลือกไข่มาใช้ใหม่และประดิษฐ์เป็นเปลือกไข่ไล่มด

การคิดไอเดียซึ่งเป็นการช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

ผลงานสำเร็จ

โครงงานเปลือกไข่ไล่มด 5 บท

บทที่ 5

สรุปอภิปรายและข้อเสนอแนะ

5.1 สรุปผลการดำเนินงานโครงงาน

            ผลการทำโครงงานสิ่งประดิษฐ์เปลือกไข่ไล่มดทำให้ผู้จัดทำโครงงานได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตามหลักความมีเหตุผล คือ พอประมาณ

ใช้เปลือกไข่ที่เหลือใช้เป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ฟุ่มเฟือย ตามเงื่อนไขความรู้ คือ รอบรู้

ศึกษาวิธีการทำเปลือกไข่ไล่มดให้กระจ่างก่อนลงมือทำ

5.2 ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำโครงงาน

          1. ลดปริมาณเปลือกไข่ และเพิ่มมูลค่า

          2. พัฒนาทักษะ และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

          3. ฝึกกระบวนการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม

5.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางในการพัฒนา

                1. ควรล้างเปลือกไข่ให้สะอาดดีเพื่อไม่ให้มีกลิ่นคาว

2.ระวังไม่ให้แป้งปูนปลาสเตอร์ถึงมือเด็ก

ภาคผนวก

โครงงานเปลือกไข่ไล่มด 5 บท

 บรรณานุกรม

ประโยชน์จากเปลือกไข่ สืบค้นเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2561

เปลือกไข่ไล่มด สืบค้นเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2561

https://www.tipsza.com