การศึกษา เรื่อง ปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัยด้านองค์การ ที่มีผลต่อพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานของพนักงานระดับปฏิบัติการ ประจำการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 ภาคกลาง โดยมีวัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานของพนักงานระดับปฏิบัติการ ประจำการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และเพื่อศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านองค์การกับพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานของพนักงานระดับปฏิบัติการ ประจำการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การศึกษาวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยมีกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ คือ พนักงานระดับปฏิบัติการประจำการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3
ภาคกลาง จำนวน 350 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม แบ่งออกเป็น แบบสอบถามแบบปลายปิด (Closed-end Questionnaire) สำหรับกลุ่มตัวอย่าง และแบบสอบถามแบบปลายเปิด (Opened-end Questionnaire) สำหรับผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย (จป.วิชาชีพ) การวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยครั้งนี้ ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ วิเคราะห์หาค่าสถิติบรรยาย หาค่าเฉลี่ย ร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สถิติอ้างอิง ได้แก่ การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผลการทดสอบสมมุติฐาน พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงาน ได้แก่ การรับรู้ ข้อมูลการข่าวสารด้านความปลอดภัยในการทำงาน
บรรยากาศด้านความปลอดภัย และการจัดสภาพแวดล้อม อุปกรณ์ และเครื่องมือในการทำงาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนทัศนคติที่มีต่อความปลอดภัย ค่านิยม การได้รับแรงจูงใจด้านความปลอดภัย การกำหนดนโยบาย และทิศทางองค์การ และการจัดให้มีการฝึกอบรม ไม่มีผลต่อพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงาน Downloads
Download data is not yet available. References
กระทรวงสาธารณะสุข. (2535). กรมอนามัย. กองอาชีวอนามัย. คู่มือการปฏิบัติงานอาชีวอนามัยสำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข. นนทบุรี : กระทรวงสาธารณสุข สราวุธ สุธรรมาสา และคณะ. (2544).
แนวทางการสร้างความเข้มแข็งให้กับคณะกรรมการความปลอดภัยในโรงงานในประเทศไทย (Guideline for strengthening to safety committee in factory in Thailand). กรุงเทพมหานคร: กระทรวงแรงงาน. |