สิ่งที่โรงเรียนบริหารธุรกิจระดับโลกให้ความสำคัญที่สุดก็คือ ภาวะผู้นำ (Leadership) แต่คำว่า ‘ภาวะผู้นำ’ จริงๆแล้วสามารถใช้กับองค์กรอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ ศาสนา หรือการเมืองก็ตาม Show ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าภาวะผู้นําคืออะไรกัน ภาวะผู้นำแบบไหนถึงจะมีประโยชน์ที่สุดสำหรับองค์กร แล้วเราจะพัฒนาภาวะผู้นำของตัวเองได้อย่างไรบ้าง บทความนี้อาจจะยกตัวอย่างจากโลกธุรกิจมาเยอะ แต่โดยรวมแล้วข้อคิดเกี่ยวกับภาวะผู้นำสามารถใช้ได้กับหลากหลายกรณีเลยครับ Leadership หรือ ภาวะผู้นำ หมายถึงความสามารถของบุคคลในการนำพาผู้ติดตามหรือสมาชิกในองค์กร เพื่อให้ประสบความสําเร็จ ผู้นำที่ดีต้องมีความสามารถในการตัดสินใจที่ดี สามารถสร้างและสื่อสารวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนได้ และสามารถชักจูงผู้ติดตามไปสู่เป้าหมายร่วม ที่ผู้นำคนเดียวไม่สามารถทำได้ ในโลกธุรกิจ ผู้นำองค์กรไม่ใช่คนที่รู้เรื่องบัญชี การเงิน การตลาด หรือกฎหมายมากที่สุดหรอกครับ ผู้นำองค์กรที่ดีคือคนที่สามารถบริหารและชี้นำคนในองค์กรได้ เป็นตำแหน่งที่ส่งเสริมให้พนักงานคนอื่นสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และมีวิสัยทัศน์สามารถวางแผนระยะยาวให้กับองค์กรได้ ซึ่งคนส่วนมากคิดว่าทักษะที่จำเป็นที่สุดของผู้นำก็คือความสามารถในการ ‘ตัดสินใจ’ เพราะการตัดสินใจแทนผู้ติดตามกลุ่มมาก หมายความว่า ‘ผู้นำ’ ต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและมีเด็ดเดี่ยวใจเย็นที่จะเลือกตัวเลือกที่อาจจะยาก…แต่ส่งผลดีต่อองค์กรโดยรวม ‘ภาวะผู้นำ’ และ ‘ผู้นำที่ดี’ เป็นสองคำที่เรามักได้ยินพร้อมกันบ่อยๆ แต่สองคำนี้เหมือนกันไหมนะ? ผู้นำที่ดีเป็นยังไงผู้นำที่ดีคือคนที่มีความมั่นใจ รับฟังความคิดเห็นของผู้ติดตาม ตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีทักษะในการสื่อสารสูง และสามารถชักจูงคนอื่นได้ ความสำคัญของทักษะเหล่านี้ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมขององค์กร ความคาดหวังของผู้ติดตาม และ ชนิดของงานด้วย ในโลกการบริหารธุรกิจ คำที่เราได้ยินกันบ่อยที่สุดก็คือ ‘แล้วแต่’ (it depends) หมายความว่าทักษะและการตัดสินใจทุกอย่าง มีประสิทธิภาพประสิทธิผลไม่เหมือนกัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ องค์กรแต่ละที่ เช่น บริษัทก่อสร้าง บริษัทไอที โรงงาน หรือแม้แต่พรรคการเมือง ก็ต้องการผู้นำที่มีทักษะและบุคลิกไม่เหมือนกัน บริษัทที่ทำงานเฉพาะทางก็ต้องการผู้นำที่มีความรู้ด้านอุตสาหกรรมเยอะ องค์กรที่มีแรงงานรับจ้างเยอะก็อาจจะต้องการผู้นำที่สามารถบริหารแรงงานส่วนนี้ได้ดี คำที่เรามักนิยมได้ยินบ่อยก็คือ ‘ผู้นำที่ดีก็ต้องสามารถชักนำองค์กรได้ทุกชนิด’ แต่มันก็คงเหมือนการเอา ‘มีด อเนกประสงค์’ ไปเป็นมีดทำครัว ใช้งานได้เหมือนกันแต่ประสิทธิภาพต่ำกว่ากันมาก หากใครชอบเรียน ชอบศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการทำธุรกิจ การบริหารองค์กร ผมได้เขียนอีบุ๊คเรื่องข้อมูลการทำธุรกิจ ที่ถูกสอนในโรงเรียนบริหารธุรกิจทั่วโลก ผมตั้งใจทำมาก หวังว่าทุกคนจะชอบครับ อีบุ๊ค ฉลาดรู้ ฉลาดทำธุรกิจ การพัฒนาภาวะผู้นำ – ทักษะที่ผู้นำควรมีก่อนที่เราจะมาดูการพัฒนาภาวะผู้นำ เราก็ควรวิเคราะห์ก่อนว่า ‘ภาวะผู้นำ’ ส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับองค์กรในตอนนี้คืออะไรและภาวะผู้นำส่วนไหนที่ผู้นำยังขาดอยู่ โดยรวมแล้วทักษะภาวะผู้นำที่คนนิยมพัฒนากันมีดังนี้
หากคุณเป็นผู้นำองค์กรขนาดเล็ก เช่น SME คุณก็อาจจะต้องเป็นผู้นำที่ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ทำงานได้หลายอย่าง เพื่อที่จะขับเคลื่อนบริษัทให้วิ่งเร็วกว่าคู่แข่งเจ้าเก่าและเจ้าใหม่ หากคุณเป็นผู้นำองค์กรใหญ่ หน้าที่หลักของคุณก็คือการดูแลพนักงานและทำระบบงานให้คนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด คำว่า ‘ภาวะผู้นำไม่มากพอ’ เป็นคำพูดที่กว้างมากเกินไป ถึงแม้ว่าโดยรวมแล้วผู้นำคนนี้อาจจะไม่มีภาวะผู้นำ แต่คำว่าภาวะผู้นำไม่มากพอในสายตาแต่ละคนไม่เหมือนกัน ตัวอย่างภาวะผู้นำในส่วนนี้ผมอยากจะขอยกสองตัวอย่างเพื่อเป็นกรณีศึกษา ตัวอย่างผู้นำองค์กรขนาดใหญ่และผู้นำองค์กรขนาดเล็ก ตัวอย่างภาวะผู้นำองค์กรขนาดใหญ่ตัวอย่างแรกผู้นำองค์กรขนาดใหญ่ก็คือ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของบริษัทเฟสบุ๊ค ในสมัยปี 2007 ที่เฟสบุ๊คมีพนักงานแค่ 400-500 คน (ก็ถือว่าเริ่มจะกลายเป็นองค์กรขนาดใหญ่แล้ว) ผู้ถือหุ้นของเฟสบุ๊คมองว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ยังมีประสบการณ์ไม่มากพอที่จะบริหารองค์กรเฟสบุ๊คด้วยตัวเอง ทำให้เฟสบุ๊คต้องจ้าง ‘เชอริล เซนเบิก’ (Sheryl Sandberg) มาช่วยดูแลองค์กรในส่วน ‘หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ’ หรือ COO ในปีถัดมา หมายความว่าตัว มาร์ก ที่มีความรู้และวิสัยทัศน์ทางธุรกิจและเทคโนโลยี อาจจะไม่มีทักษะการบริหารองค์กรในขนาดใหญ่มากพอ หน้าที่หลักของเชอริลคือการทำให้ ‘เฟสบุ๊คมีกำไร’ ความหมายในเชิงธุรกิจก็คือการเพิ่มรายได้ (พัฒนาระบบโฆษณา) และการลดค่าใช้จ่าย (ใช้คนยังไงให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด) เรื่องของเฟสบุ๊คสอนเราได้สองอย่างเกี่ยวกับการเป็นผู้นำ อย่างแรกก็คือ หากองค์กรเรามีทรัพยากรณ์มากพอ (หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘มีเงิน’ จ้างคนนอกเข้ามาช่วย) ผู้นำที่ดีก็ควรยอมรับทักษะจุดด้อยตัวเองและหาคนที่สามารถทดแทนทักษะนี้แทน การปลดภาระที่ทักษะเราไม่เอื้ออำนวยจะทำให้เราโฟกัสส่วนที่สำคัญกว่าได้ง่ายขึ้น อย่างที่สองเราจะเห็นได้ว่าในบริษัทใหญ่ ‘ผลผลิตของผู้นำไม่กี่คน’ ไม่เยอะเท่าการที่เรา ‘บริหารพนักงานให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ’ คนหนึ่งคนไม่สามารถทำงานแทนคนห้าร้อยคนได้ ตัวอย่างภาวะผู้นำองค์กรเล็ก เช่น SMEสำหรับองค์กรเล็กอย่าง SME โดยเฉพาะองค์กรที่มีผู้นำน้อย ปัญหาขององค์กรแบบนี้ก็คือ ‘มีผู้นำที่สามารถทำการตัดสินใจได้น้อย’ ทำให้เจ้าของกิจการหรือผู้นำหลักต้องทำงานหลายอย่างเพื่อที่จะผลักดันกิจการ ตัวอย่างก็คือภัตตาคารหรือร้านอาหารเล็กๆ แบบมีหนึ่งสาขา ในกรณีที่ไม่มีผู้จัดการร้าน เจ้าของต้องดูแลพนักงาน ดูแลความเรียบร้อยของร้านเอง เจ้าของก็จะไม่มีเวลามาหาวิธีทำการตลาดใหม่ๆหรือหาวัตถุดิบราคาที่ถูกลงเป็นต้น ในกรณีนี้หน้าที่หลักของผู้นำคนนี้ก็คือการดูแลปฏิบัติการหรือดูว่าจะให้พนักงานทำงานยังไงให้ดีที่สุด แต่หน้าที่ของผู้นำส่วนการปฏิบัติการก็ต้อง ‘มีวันหมดอายุ’ ธุรกิจที่เจ้าของกิจการหรือผู้นำหลักมัวแต่พะวงอยู่กับงานปฏิบัติประจำวันก็จะไม่สามารถหาอะไรใหม่ สร้างความแตกต่าง หรือปรับตัวเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจได้ (เช่นลูกค้าประจำหาย มีคู่แข่ง โฆษณาขึ้นราคา ซัพพลายเออร์ปิดกิจการ) เพราะฉะนั้นหน้าที่หลักของผู้นำก็คือการสร้างระบบทำงานและรีบจ้างผู้จัดการร้านเพื่อ ‘กระจายงาน’ ส่วนบริหารพนักงานให้เร็วที่สุด ‘หน้าที่แรก’ ของเจ้าของกิจการ SME คือการทำทุกอย่างเองเสมอ แต่เมื่อไรที่ SME มีเงินทุนและบุคลากรมากพอ หน้าที่ของผู้นำองค์กรของ SME ก็ควรเป็นการสร้างระบบและกระจายงานเพื่อลดหน้าที่การทำ ‘งานประจำ’ สำหรับเจ้าของ ในแง่นี้ ทักษะของผู้นำบริษัท SME ก็คือการเรียนรู้ในช่วงแรก และ การกระจายงานในช่วงรองลงมา ประโยชน์ของภาวะผู้นำคนที่มีภาวะผู้นำดีก็คงมีคนชอบมีคนอยากเดินตามเยอะขึ้น อย่างไรก็ตามประโยชน์ของภาวะผู้นำนั้นสำคัญตรงที่ผลลัพธ์ที่ผู้นำมีต่อผู้ติดตามหรือองค์กร องค์กรที่มีภาวะผู้นำที่ดีย่อมสามารถขับเคลื่อนตัวได้ดีกว่าองค์กรอื่นๆ จากทักษะภาวะผู้นำที่ดีในหัวข้อข้างบน เราจะเห็นได้ว่าประโยชน์มีดังนี้
ความสำคัญของภาวะผู้นำองค์กรที่ทำงานซ้ำเหมือนกัน เจอกับคู่ค้าหรือลูกค้ากลุ่มเดิม ไม่มีคู่แข่งใหม่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ก็จะสามารถคงตัวอยู่ได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีผู้นำหรือผู้คอยบัญชาก็ตาม แต่หากเรานำ ‘ผู้นำ’ ออกไปจากระบบทำงาน เราจะเห็นได้ว่าพนักงานที่ไม่มีแรงจูงใจในการทำงานส่วนมากก็จะตั้งใจทำงานน้อยลง เหมือนคำว่าแมวไม่อยู่หนูร่าเริง และเมื่อไรที่มีคนทำตัวขี้เกียจ พนักงานคนอื่นก็จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเอาเปรียบอยู่…จนทำตัวขี้เกียจตาม ในกรณีนี้ ผู้นำมีหน้าที่ ‘สร้างกำลังใจในการทำงาน’ ให้กับพนักงาน บางคนอาจจะกระตุ้นด้วยเงิน บางคนอาจจะกระตุ้นด้วยกำลังใจแนวบวก ขึ้นอยู่กับวิธีการบริหารและวัฒนธรรมของผู้ติดตาม ซึ่งหลักการบริหารและวัฒนธรรมองค์กรก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะการเข้าใจวัฒนธรรมองค์กร ก็เป็นหน้าที่หนึ่งของคนที่มีภาวะผู้นำ หากใครสนใจศึกษาเรื่องนี้ ผมแนะนำให้อ่านบทความเรื่อง วัฒนธรรมองค์กรคืออะไร? วัฒนธรรมองค์กรที่ดีมีอะไรบ้าง? อย่างไรก็ตาม ภาวะความเป็นผู้นำจะมีความสำคัญมากขึ้น…ทุกครั้งที่องค์กรประเชิญปัญหาหรือต้องการปรับตัว เหมือนคำพูดที่ว่า ‘สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ’ ในช่วงที่องค์กรประสบปัญหา ความสำคัญของภาวะผู้นำจะอยู่ที่การตัดสินใจ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการสร้างแรงจูงใจในผู้ติดตาม (ในการช่วยกันแก้ปัญหา) บางคนอาจจะบอกด้วยว่าความสำคัญของผู้นำอาจจะอยู่ที่ ‘การเตรียมตัวล่วงหน้า’ เพื่อรองรับสถานการณ์พวกนี้ด้วยซ้ำ ความสำคัญของภาวะผู้นำขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กร ขนาดของปัญหา และขนาดของคนที่เจอผลกระทบจากภาวะผู้นำ ย้อนกลับไปเมือปี 2017 บริษัท ซัมซุงได้ผลิตมือถือรุ่น Note 7 ออกมา ซึ่งก็คือว่าเป็นมือถือตัวทำเงินหลักของบริษัทเลย แต่ปัญหามีอย่างเดียว…แบตเตอรี่มือถือระเบิด บางคนอาจจะมองว่าบริษัทไม่ควรเร่งผลิตสินค้าออกมาเร็วจนควบคุมคุณภาพไม่ได้ ซึ่งมันก็จริง แต่ตัวเลือกที่สำคัญมาจากเวลาที่ปัญหาเกิดขึ้นแล้วครับ ซัมซุมยอมเรียกคืนสินค้าทั้งหมดกว่า สองล้านเครื่อง (คิดเป็นเงินประมานหลายแสนล้านบาท) เพื่อรักษาชื่อเสียงที่เหลืออันน้อยนิดของไลน์สินค้านี้ไว้ ในกรณีนี้ผมมองว่าภาวะผู้นําจริงๆไม่ได้มาจากทักษะอะไรมากมายเลย แค่ขอให้องค์กรมีความรับผิดชอบต่อลูกค้าและต่อความผิดของตัวเองก็ถือว่ามีภาวะผู้นำสูงแล้ว หากเราดูในประเทศไทย เราจะเห็นได้ว่ายักษ์ใหญ่อย่าง ซีพี ปตท เอสซีจี สามารถส่งผลกระทบต่อพนักงานและผู้บริโภคได้เยอะมาก การตัดสินใจเล็กๆน้อยๆก็อาจจะทำให้พนักงานหลายคนตกงาน เจ้าของกิจการขนาดเล็กเจ๊งได้ ซึ่งกลุ่มคนพวกนี้ก็มีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูแลอีก ในกรณีนี้สิ่งที่คนเริ่มถกเถียงกันมากในโรงเรียนบริหารธุรกิจระดับโลกก็คือ…ผู้นำที่แท้จริงต้อง ‘นำ’ อะไรบ้าง นำแค่พนักงาน? นำแค่องค์กร? นำแค่รายได้กำไร? หรือต้องแบกรับนำทั้งประเทศ? Leadership is a responsibility, not a skill สำหรับคนที่ชอบบทความบนบล็อกนี้แล้วรู้สึกว่าอยากอ่านเพิ่ม ผมได้ทำ ‘สารบัญ’ ที่เรียบเรียงบทความพื้นฐานในการทำธุรกิจมาให้ทุกคนแล้ว สามารถ โหลดฟรีได้ที่นี่ ครับ และสุดท้ายนี้ เรื่องของการทำงานให้เร็วเป็นหัวข้อที่ผู้อ่านหลายคนเรียกร้องให้ผมเขียน ในส่วนนี้ผมได้ทำคู่มือ มินิอีบุ๊ค ทำงานให้เร็ว ทำงานอย่างฉลาด ที่ทุกคนสามารถโหลดได้ฟรีๆเลย คลิกตรงนี้ ครับ ข้อมูลในการทำธุรกิจอื่นๆที่เราแนะนำ
|