ที่ ฝันเฟื่อง ต้อง ปราดเปรื่อง เรื่อง ชีวิต คิด สรรหา อาชีพ อะไร

ฉันจะเป็น

Uploaded by

นฤพนธ์ สายเสมา

100% found this document useful (5 votes)

21K views

2 pages

Copyright

© Attribution Non-Commercial (BY-NC)

Available Formats

PDF, TXT or read online from Scribd

Share this document

Did you find this document useful?

Is this content inappropriate?

Report this Document

100% found this document useful (5 votes)

21K views2 pages

ฉันจะเป็น

Uploaded by

นฤพนธ์ สายเสมา

Full description

โจทย์ปัญหา

ที่ ฝันเฟื่อง ต้อง ปราดเปรื่อง เรื่อง ชีวิต คิด สรรหา อาชีพ อะไร

  • มัธยมต้น
  • วิชาอื่น ๆ

ช่วยอธิบายวิธีคิดหน่อยค่ะ

คุณครู Qanda - 彡 JUN_TIMA

ที่ ฝันเฟื่อง ต้อง ปราดเปรื่อง เรื่อง ชีวิต คิด สรรหา อาชีพ อะไร

โปรดแจ้งหากมีคําถามเพิ่มเติมหลังจากดูวิธีแก้โจทย์!

ยังไม่เข้าใจใช่ไหม?

ลองถามคำถามกับคุณครู QANDA!

โจทย์ที่คล้ายกันกับโจทย์ข้อนี้

ที่ ฝันเฟื่อง ต้อง ปราดเปรื่อง เรื่อง ชีวิต คิด สรรหา อาชีพ อะไร

  • มัธยมต้น
  • ภาษาไทย

ที่ ฝันเฟื่อง ต้อง ปราดเปรื่อง เรื่อง ชีวิต คิด สรรหา อาชีพ อะไร

โลกของการทำงานเป็นอีกโลกหนึ่งซึ่งคุณต้องก้าวเข้าไปอยู่ และถ้าจะพูดว่าคุณต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้มากกว่าโลกใบอื่นก็คงจะไม่ผิด

 คุณรู้ไหมว่า คนเราต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกของการทำงานใบนี้ ถึง 1 ใน 3 ของชีวิต หรือคิดเป็นชั่วโมงแล้วละก็ เบ็ดเสร็จคุณใช้เวลาอยู่ในการทำงานมากถึง 100,000 ชั่วโมง นี่ยังไม่รวมระยะเวลาทั้งหมดเกือบ 15 – 17 ปี ที่คุณใช้ในการศึกษาเล่าเรียน ซึ่งถือเป็นการ “เตรียมตัวของคุณเองก่อนให้พร้อมที่จะทำงาน”

เพราะฉะนั้น ถ้าเราคิดคำนวณกันจริงๆ แล้วละก้อ มนุษย์เราใช้เวลาอยู่กับการทำงานมากกว่าครึ่งชีวิต ในการทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ทั้งการเรียนหนังสือ เพื่อให้มีความรู้ความสามารถพอที่จะงานได้ และก้าวเข้ามาในโลกของการทำงานอย่างเต็มตัว

ถ้าจะพูดว่า “คนเราทุกคนต้องทำงาน” ก็คงจะไม่ผิด การทำงาน เป็นอีกโลกหนึ่ง ที่ไม่ว่าใครก็ตาม คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่เราใช้เวลาเรียนอยู่เป็นสิบๆ ปี ก็เพื่อที่จะได้มีความรู้ ความสามารถพอที่จะทำงานได้ เรียนจบแล้วก็ต้องทำงานเป็นสูตรสำเร็จเลยก็ว่าได้ หรือบางท่านอาจจะไม่ได้เรียนหนังสือ แต่กระโดดข้ามขั้นเข้ามาทำงานเลย แต่ไม่ว่ากรณีใดๆ คุณก็หนีการทำงานไปไม่พ้น

แรงจูงใจสำคัญอีกประการที่ทำให้คนเราต้องทำงานก็คือ “เงินเดือน”

เพราะคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเราต้องใช้เงินจับจ่ายซื้อหามาทั้งสิ้น ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนเราจำเป็นต้องทำงาน

ถ้าเราทำงาน เราก็จะมีเงินเดือน ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราไม่ทำงาน เราก็จะไม่มีเงิน มันแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าลำพังชีวิตคุณคนเดียวคงไม่เป็นอะไรหรอก แต่ไหนคุณต้องมีภาระในการดูแลครอบครัว ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว เพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่ท่านเองได้อดทนทำงานหนักมาค่อนชีวิตเพื่อเลี้ยงดูเรา

ครั้นจะนั่งๆ นอนๆ อยู่กับบ้าน งานการไม่ทำ แบมือขอเงินพ่อแม่ ก็คงรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน อีกอย่าง พ่อกับแม่ก็คงไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดชีวิต วันหนึ่งท่านก็ต้องจากเราไป เพราะฉะนั้น การทำงานจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ เลี้ยงดูตัวเองได้

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า คนเราใช้ชีวิตอยู่ในโลกของการทำงานถึง 1 ใน 3 ของชีวิต และคนเราทุกคน คงจะหนีการทำงานไปไม่พ้น (ยกเว้นเสียแต่ว่า คุณจะมีมรดกร้อยล้าน พันล้าน ให้นั่งกินนอนกินไปตลอดชีวิตนั่นแหละ) เพราะฉะนั้น การเลือกอาชีพที่คุณจะทำนั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญมากทีเดียว เพราะว่าคนเราต้องใช้ชีวิตอยู่กับการทำงานเป็นเวลานาน ถ้าเราเลือกอาชีพที่ไม่เหมาะสมกับตัวเรา ก็จะทำให้เราไม่มีความสุขเวลาที่ต้องทำงาน รู้สึกว่าการทำงานเป็นงานที่น่าเบื่อหน่าย ต้องคอยเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ เพื่อค้นหางานที่เราชอบ งานที่เราถนัด

ลองคิดเล่นๆ ดูซิว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ คุณจะต้องเปลี่ยนงานอีกสักกี่รอบ กว่าคุณจะค้นหาตัวเองพบ เมื่อคุณต้องเปลี่ยนงานอยู่บ่อยๆ โอกาสที่จะเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงานนั้น ก็จะลดลงไปทุกที เพราะฉะนั้น ก่อนที่คุณจะตัดสินใจประกอบอาชีพอะไรนั้น มาค้นหาตัวคุณเองกันก่อนดีกว่า ว่าคุณนั้นเหมาะสมกับอาชีพอะไร

ประการแรก คุณควรจะเริ่มสังเกตตัวคุณเองก่อนว่า คุณมีความสนใจอยากทำงานด้านไหน คุณมีความสามารถ ความถนัดด้านไหนเป็นพิเศษ คนเรานั้นมีความถนัด มีความสามารถต่างกัน ด้วยเหตุนี้จึงมีอาชีพมากมายให้คุณเลือกได้ตามความสนใจที่คุณอยากจะเป็น

บางงานคุณอาจเห็นว่าเขาทำแล้วมีความสุข สนุกกับการทำงาน ทำให้คุณอยากทำอาชีพนั้นบ้าง แต่พอได้เข้าไปสัมผัสงานนั้นจริงๆ แล้ว มันกลับทำให้คุณรู้สึกอึดอัด ไม่มีความสุขกับการทำงานเสียเลย

นี่เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นว่า “งานนั้นอาจะเหมาะสำหรับกับคนคนหนึ่ง แต่อาจจะไม่เหมาะกับอีกคนคนหนึ่งได้

อีกคำถามหนึ่งที่สามารถช่วยสำรวจตัวคุณได้อย่างดีก็คือ....ถามตัวคุณเองว่า คุณต้องการมีอาชีพอะไร? อาชีพในความฝันของคุณคืออะไร?

จะว่าไปแล้วคำถามนี้ ก็ตอบยากอยู่เหมือนกัน เพราะบางครั้ง เรามุ่งมั่นมาตั้งแต่เล็กแล้วว่า เราอยากจะเป็นอะไร โตขึ้นฉันจะต้องประกอบอาชีพนั้นให้ได้ แต่พอโตขึ้นแล้วจนกระทั่งเราไปทำงานนั้นจริงๆ เรากลับรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด หรือย่างที่เราชอบเลย

บางคนก็ไม่อาจค้นหาตนเองได้ว่าจริงๆ แล้วชีวิตต้องการอะไรกันแน่ จบแล้วควรจะเดินไปทางไหนดี การหาคำตอบให้กับตัวเองนี่แหละที่เราคิดว่าเป็นสิ่งที่ยากมากๆ บางคนก็สุดแสนจะโชคดี มีความชัดเจนในตัวเองว่า จริงๆ แล้วชีวิตต้องการอะไร และมุ่งมั่นเดินตามความคิดฝันที่ตนเองวางเอาไว้จนประสบความสำเร็จ

ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่า อาชีพที่คุณอยากทำนั้นจะเหมาะกับคุณหรือเปล่า คุณอาจจะลองหาข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่คุณสนใจมาศึกษา คิดใคร่ครวญให้ถี่ถ้วนก่อนก็ได้ว่าคุณอยากทำอาชีพนั้นจริงๆ หรือเปล่า

คุณอาจจะลองหาข้อมูลจากหนังสือ อินเตอร์เน็ต หรือลองถามจากผู้ที่มีประสบการณ์ในด้านการทำงานตำแหน่งนั้นโดยตรงก็ได้ ลองหาข้อมูลดูว่าในอาชีพนั้นๆ หรือตำแหน่งนั้นๆ ต้องทำอะไรบ้าง ใช้ความสามารถด้านไหน แล้วคุณสมบัติของคุณนั้น ตรงตามลักษณะงานที่คุณอยากจะทำหรือเปล่า

หลังจากศึกษาข้อมูลแล้ว คุณยังรู้สึกรักและสนใจที่จะทำอาชีพนั้นอยู่หรือไม่ ถ้าความรู้สึกของคุณยังไม่เปลี่ยนแปลงแล้วละก็ เดินหน้าต่อไปได้อย่างสบาย

ถ้าหลังจากคุณคิดแล้วคิดอีก ก็ยังไม่สามารถตอบตนเองได้ว่า คุณอยากทำงานอะไร หันไปทางไหนก็มืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าจะเริ่มสำรวจตัวเองอย่างไรดี ถ้าอย่างนั้น เราลองมาเริ่มสำรวจตัวเองไปพร้อมๆ กันเลย

ก็อย่างที่เรากล่าวไปแล้วว่า การเลือกประกอบอาชีพนั้น ควรเลือกจากความถนัด ความสนใจ และจากบุคลิกภาพของคุณ เพราะฉะนั้น เรามาเริ่มจากการค้นหาความถนัดของคุณก่อนดีกว่า

ความถนัดนี้ เราอาจจะเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า “ทักษะ” คนบางคนมักจะกล่าวหรือคิดดูถูกตัวเองว่า ตัวเองไม่มีทักษะอะไรเลย ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ผิดอย่างแรงเลยทีเดียว เพราะโดยธรรมชาติแล้ว คนเรามีความสามารถ มีทักษะที่ตัวเองถนัดกันทุกคน เพียงแต่ว่า ตัวเราจะสามารถค้นหาเจอหรือไม่เท่านั้นเอง

การที่คุณรู้ว่าตัวเองมีทักษะด้านไหนเด่นชัด ยังเป็นข้อได้เปรียบของคุณในเวลาสอบสัมภาษณ์อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีทักษะในการเจรจา ร่าเริง สนุกสนานแล้วละก้อ คุณอาจจะเหมาะสมกับอาชีพประเภท ทนาย นายหน้า พนักงานขาย แอร์โฮสเตส นักจัดรายการวิทยุ เป็นต้น

หรือถ้าคุณมีทักษะในการเขียนหรือการพูด มีความถนัดด้านภาษาใดภาษาหนึ่งโดยเฉพาะ คุณก็อาจประกอบอาชีพนักเขียน นักแปล หรือล่ามก็ได้

อย่างไรก็ตาม ความถนัดหรือทักษะของคุณ ก็มาจากวิชาความรู้ที่คุณร่ำเรียนมาด้วยส่วนหนึ่ง เพราะการเรียนในสาขาที่คุณชอบหรือคุณถนัด ก็เป็นการช่วยเสริมสร้างหรือการพัฒนาทักษะนั้นให้เก่งมากยิ่งขึ้น

แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไปว่า ทักษะที่คุณมีอยู่จะต้องเกิดจากการเรียนรู้อย่างเป็นจริงเป็นจังเท่านั้น อย่างเช่น คนที่วาดภาพเก่ง ก็ไม่จำเป็นต้องเกิดจากการเรียนวาดภาพตามทฤษฎีมาเท่านั้น แต่อาศัยการใช้เวลาในการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และความตั้งใจอย่างจริงจังเพียงเท่านี้ ก็สามารถวาดภาพเก่งได้

เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “คุณต้องพยายามค้นหาตนเองให้เจอ” ค้นหาความถนัดหรือทักษะของคุณให้พบ และมีความตั้งใจจริงในการพัฒนาทักษะนั้นๆ ของคุณ

สมมุติว่า คุณยังค้นหาความถนัดของตนเองไม่เจอ คุณก็อาจจะเปลี่ยนไปเริ่มจากการ “ค้นหาบุคลิกภาพ” ของตนเองก่อนก็ได้

ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า “บุคลิกภาพ” กันก่อน

บุคลิกภาพ หมายถึง ลักษณะทางกายภาพของบุคคล รวมไปถึงรูปร่างหน้าตาและลักษณะที่ไม่สามารถถ่ายทอดให้ปรากฏสู่สายตาได้ เช่น นิสัยใจคอ ความรู้สึกนึกคิด ความชอบ ความสนใจในสิ่งต่างๆ ของคนเราแต่ละคน ย่อมมีบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันออกไป

การทำงานก็เช่นเดียวกัน งานแต่ละชนิดนั้น ย่อมต้องการผู้ที่มีลักษณะเด่นทางด้านบุคลิกภาพที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น ถ้าคุณเป็นคนละเอียด รอบคอบ ทำงานเป็นระเบียบเรียบร้อย คุณก็เหมาะที่จะไปทำงานเป็นพนักงานบัญชี เช่นนี้เป็นต้น

สำหรับบางท่านที่รู้แล้วว่า ตัวเองมีบุคลิกภาพอะไรที่โดดเด่น แต่ยังนึกไม่ออกว่า บุคลิกภาพของคุณนั้นเหมาะสมกับอาชีพอะไรหรือสามารถทำอะไรได้บ้าง เราก็มีตัวอย่าง การจำแนกประเภทอาชีพตามบุคลิกภาพ มาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้กับคุณๆ ด้วย

บทกลอน "นานาอาชีพ"
“อันอาชีพในโลกนี้มีหลายอย่าง เลือกถูกทางอนาคตจะสดใจ

จงศึกษางานทั้งหลายให้เข้าใจ ว่างานไหนจะไปได้ให้คิดดู

ขอให้คิดถึงปัญญาความสามารถ ว่าฉลาดเรียนสิ่งใดไม่อดสู

แม้นถนัดเรามีด้วยจักช่วยชู ให้มุ่งสู่เป้าหมายได้สมใจ

จะเป็นครูต้องเสียงดังพูดฟังชัด หรือถนัดชี้แจงแถลงไข

จะเป็นหมอต้องมีธรรมประจำใจ จะต้องไม่รังเกียจโรคทุกข์โศกคน

เป็นตำรวจต้องเมตตาประชาราษฎร์ ไม่ขี้ขลาดปราบเหล่าร้ายได้ทุกหน

เป็นทหารต้องทรหดต้องอดทน ต้องพลีตนเพื่อปกป้องคุ้มครองไทย

เป็นนายช่างถนัดงานด้านศิลปะ ต้องจินตนาการดีที่แจ่มใส

เป็นนายช่างเครื่องยนต์และกลไก ต้องฝักใฝ่ชอบประดิษฐ์คิดดัดแปลง

เป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ปราดเปรื่อง ต้องเก่งเรื่องเคมีและสีแสง

เป็นดาราต้องชอบงานการแสดง รู้จักแสร้งแสดงท่าได้น่าชม

เป็นพ่อค้าธุรกิจชอบคิดค้า ต้องสรรหาบริการดีที่เหมาะสม

จะเป็นนักปกครองดีมีคนชม ต้องไม่ข่มขู่ประชาจนน่ากลัว

เป็นแม่บ้านงานคล่องต้องสันทัด ปรนนิบัติไม่ชิงชังทั้งลูกผัว

เป็นพยาบาลงานโรคภัยต้องไม่กลัว คนดีชั่วไม่รังเกียจนึกเกลียดชัง

จะทำงานด้านเกษตรประเทศไทย ต้องสนใจพัฒนาไม่ล้าหลัง

จะเป็นนักอักษรศาสตร์ปราดเปรื่องดัง ก็ต้องนั่งอ่านค้นคว้าวิชาการ

จะเป็นนักประวัติศาสตร์ที่ปราดเปรื่อง ต้องเก่งเรื่องการค้นคว้าหาหลักฐาน

จะเป็นนักโบราณคดีที่ชำนาญ ต้องเก่งด้านการขุดค้นจนรู้ดี

จะเป็นนักคณิตศาสตร์ฉลาดล้ำ ต้องจดจำสูตรทั้งหลายได้เร็วรี่

จะเป็นผู้เชี่ยวชาญการดนตรี เรื่องดีดสีตีเป่าต้องเข้าใจ

หากใจชอบทำงานด้านสงเคราะห์ เราต้องเหมาะที่จะช่วยด้วยเลื่อมใจ

จะเป็นผู้เชี่ยวชาญการวิจัย ต้องอาศัยสถิติพิจารณา

อยากจะเป็นนักประพันธ์ที่ฝันเฟื่อง ต้องปราดเปรื่องเรื่องชีวิตคิดสรรหา

อยากจะเป็นนักเภสัชจัดเรื่องยา ต้องรู้ค่ายาที่แท้แก้โรคภัย

อยากจะเป็นนักจัดรายการชาญฉลาด ต้องสามารถจูงใจคนจนหลงใหล

อยากเป็นนักภาษาศาสตร์ปราดเปรื่องไกล ต้องฝักใฝ่เรื่องภาษาวาจาคน

แม้นอยากจะทำงานด้านป่าไม้ ต้องกล้าตายผจญภัยในไพรสณฑ์

อยากเป็นแพทย์ที่ช่ำชองฟันของคน ต้องไม่บ่นว่าคนนี้เหม็นขี้ฟัน

อยากเป็นหมอเส้นสายกายบำบัด ต้องสันทัดบีบนวดใครไม่เดียดฉันท์

อยากทำงานที่เก่งกาจราชทัณฑ์ ต้องไม่หวั่นนักโทษใดใจทมิฬ

อยากเป็นนักธรณีที่ปราดเปรื่อง ต้องเก่งเรื่องแร่-น้ำมันและชั้นหิน

อยากทำการงานใดในเครื่องบิน ต้องบ้าบิ่นขึ้นเวหาท้าความตาย

อยากทำงานบริการของเราต้องคล่อง เสนอสนองทุกคนไปไม่ขาดหาย

อยากทำงานด้านบัญชีมีมากมาย ในเราไซร้ต้องยึดถือความชื่อตรง

จะทำงาน น.ส.พ.ขอเตือนจิต จะต้องคิดถึงจรรยาอย่าลืมหลง

จะเป็นนักสำรวจตรวจป่าดง อย่าลุ่มหลงว่าที่ไหนภัยไม่มี

จะเป็นพวกสัปเหร่ออย่าเห่อยศ ต้องทรหดไม่ขยาดขลาดกลัวผี

จะเป็นเลขานุการงานต้องดี ทั้งเร็วรี่ปรนนิบัติผู้จัดการ

จะเป็นนักเศรษฐศาสตร์ผู้ปราดเปรื่อง ต้องรู้เรื่องการทำกินทุกถิ่นฐาน

จะเป็นนักเทคโนโลยีที่ชำนาญ ศาสตร์ทุกด้านต้องประยุกต์ได้ทุกทาง

จะเป็นนักประชาสัมพันธ์ผู้สันทัด ต้องเจนจัดสัมพันธ์ประชาอย่าเมินหมาง

จะเป็นแชมป์นักกีฬาอย่าละวาง ต้องเสริมสร้างบำรุงกายให้แข้งแรง

จะเป็นช่างเสริมสวยรวยลูกค้า เรื่องสนทนาต้องคุยได้หลายแขนง

เป็นกรรมกรต้องปราดเปรียวด้วยเรี่ยวแรง ที่แข็งแกร่งอุตสาหะมานะมี

จะเป็นนักการเมืองผู้เปรื่องปราด ต้องสามารถให้คนชมสมศักดิ์ศรี

เป็นนักเทศน์ต้องชำนาญโวหารดี รู้จัดชี้ตัวอย่างชัดสร้างศรัทธา

เป็นหมอดูใช้วิชาโหราศาสตร์ ต้องสามารถทายถึงแก่นแม่นหนักหนา

เป็นมัคคุเทศก์ต้องพูดดีมีวิชา รู้จักค่าสิ่งทั้งหลายชี้ให้ชม

เป็นนักปรุงอาหารชาญฉลาด ต้องสามารถปรุงแต่งจัดสัดส่วนผสม

จะเป็นทูตต้องพูดดีมีคนชม ทั้งเหมาะสมในเรื่องงานการทูตดี

จะเป็นนักบริหารด้านต่างต่าง ต้องเก่งวางบุคคลให้ได้ถูกที่

อันอาชีพอื่นนั้นไซร้หลายหมื่นมี ต้องถ้วนถี่ดูให้แม่นแก่นของงาน

จะเป็นนักอะไรนั้นเลือกกันเถิด ต่างชูเชิดชาติได้หลายสถาน

แต่อย่าเป็นทรราชย์ชาติใจมาร คิดล้างผลาญอธิปไตยของไทยเอย”

ที่มา http://www.trat.go.th/board/index.php?topic=6046.0;wap2‎