1. ระบอบการปกครอง 2. หลักสิทธิเสรีภาพของประชาชน สิทธิเสรีภาพของมนุษย์ที่เกิดขึ้นจริงเป็นสิทธิเสรีภาพที่กฎหมายกำหนด โดยผู้ที่จะกำหนดกฎหมายดังกล่าวคือประชาชน ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันของไทยบัญญัติว่า “การใช้อำนาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กรต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพ ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้” 3. หลักนิติธรรม มีหลัก 4 ประการ ได้แก่ อำนาจตามกฎหมาย ทุกคนเสมอภาคกันตามกฎหมาย ทุกคนที่ถูกกล่าวโทษจะต้องได้รับการพิจารณาไต่สวนตามกฎหมาย
และตุลาการและศาลต้องมีฐานะเป็นอิสระจากอำนาจของฝ่ายบริหาร การปกครองแบบเผด็จการ 2. เผด็จการเบ็ดเสร็จ ผู้นำจะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดและใช้อำนาจเด็ดขาดเพียงผู้เดียว โดยทุกอย่างจะอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ และปลูกฝังค่านิยมให้เยาวชนยึดมั่นตามแนวคิดของผู้นำ ซึ่งต้นแบบของเผด็จการเบ็ดเสร็จนิยมที่เห็นได้ชัดเจน ได้แก่ ระบบเผด็จการนาซี ระบบเผด็จการฟาสซิสต์ และ ระบบเผด็จการคอมมิวนิสต์ ความแตกต่างของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยกับระบอบการปกครองแบบเผด็จการ สรุปได้ดังนี้ อำนาจอธิปไตย เป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ รัฐธรรมนูญกำหนดให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย การบริหารราชการส่วนกลาง หมายถึง การบริหารราชการของนายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม และ หน่วยงานที่มีฐานะเทียบเท่ากรม การบริหารราชการส่วนภูมิภาค หมายถึง การที่ราชการส่วนกลางแบ่งอำนาจการบริหารบางส่วนให้ข้าราชการในส่วนภูมิภาค ส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ต่าง ๆ สามารถแก้ไขปัญหาและริเริ่มนโยบายต่าง ๆ ตามกรอบและอำนาจที่ได้รับ การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หมายถึง การบริหารราชการที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยการปกครองท้องถิ่น มี 2 ประเภท
คือ รูปแบบพิเศษ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา อำนาจตุลาการ หมายถึง
ศาลและผู้พิพากษาหรือตุลาการที่ปฏิบัติหน้าที่ในศาล ซึ่งอำนาจตุลาการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมีสาระสำคัญ 2 ประการ คือ 2. การปกครองของประเทศที่คล้ายคลึงและแตกต่างกับไทย 1. รูปแบบของรัฐ สหราชอาณาจักรเป็นรัฐเดี่ยว 2. รูปแบบการปกครอง ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 3. อำนาจอธิปไตย รัฐสภาของอังกฤษมีอำนาจในการตราหรือยกเลิกพระราชบัญญัติ พระราชบัญญัติที่รัฐสภาตราขึ้นถือเป็นกฎหมายสูงสุด ศาลไม่มีอำนาจพิพากษาว่าเป็นโมฆะ ทำได้เพียงตีความกฎหมายที่เป็นพระราชบัญญัติ และอำนาจอธิปไตยของสหราชอาณาจักรแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และ อำนาจตุลาการ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแตกต่างกับไทย ประเทศสหรัฐอเมริกา 1. รูปแบบของรัฐ สหรัฐอเมริกามีการปกครองแบบรัฐรวมที่เป็นสหพันธรัฐ 2. รูปแบบการปกครอง ปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดี 3. อำนาจอธิปไตย แบ่งเป็น อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และ อำนาจตุลาการ ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี
การพัฒนาประชาธิปไตยของไทย แนวทางการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของไทย มีดังนี้ - ควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้งและออกเสียง - ออกประกาศหรือวางระเบียบที่จำเป็น - วางระเบียบ ข้อห้ามในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีรักษาการ - กำหนดมาตรฐานและควบคุมเกี่ยวกับการเงินของพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้ง - มีคำสั่งให้บุคลากรของรัฐปฏิบัติการตามที่กฎหมายให้อำนาจ - สืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง - สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือออกเสียงประชามติใหม่ หากพบว่ามีการทุจริต - ประกาศผลการเลือกตั้ง ผลการสรรหา และผลการออกเสียง - ส่งเสริมและสนับสนุนหรือประสานงานกับหน่วยงานฝ่ายรัฐ และ องค์กรเอกชน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา 1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการเลือกตั้งแบบผสม คือ มีการเลือกตั้ง 2 แบบ ได้แก่ ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 2. การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีดังนี้ มีสัญชาติไทย หากแปลงสัญชาติต้องไม่น้อยกว่า 5 ปี อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 90 วัน ไม่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น การปกครองส่วนท้องถิ่นของไทยมีผู้บริหารท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1. การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดจะใช้เขตพื้นที่จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จะแบ่งเขตเลือกตั้งเท่ากับจำนวนสมาชิก อบจ.ที่มีในอำเภอนั้น ซึ่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกสมาชิกสภา อบจ. ได้ 1 คน 2. การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแบ่งเป็น 2 เขตเลือกตั้ง ส่วนเทศบาลเมืองแบ่งเป็น 3 เขตเลือกตั้ง และ เทศบาลนครแบ่งเป็น 4 เขตเลือกตั้ง แต่ละเขตมีนายกเทศมนตรีได้ 1 คน 3. การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลจะใช้หมู่บ้านเป็นเขตเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องลงคะแนนให้ผู้สมัครเท่ากับจำนวนสมาชิกที่พึงมีได้ในเขตนั้น เลือกได้ตำบลละ 1 คน 4. การเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กำหนดให้เขตปกครองเป็นเขตเลือกตั้งตามเกณฑ์จำนวนราษฎร 100,000 คน หากเกิน 150,000 คน ให้เพิ่มได้อีก 1เขต ส่วนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะมีเขตกรุงเทพมหานครเป็นเขตเลือกตั้งเลือกได้เพียง 1 คน 5. การเลือกตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยาและนายกเมืองพัทยา กำหนดให้มีการแบ่งเขตเมืองพัทยาออกเป็น 4 เขตเลือกตั้ง แต่ละเขตมีสมาชิกเมืองพัทยาได้เขตละ 6 คน การเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาจะใช้เขตเมืองพัทยาเป็นเขตเลือกตั้ง โดยเลือกได้ 1 คน การมีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครอง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกิจกรรม 2 ประเภท ดังนี้ 1. การมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงของประชาชน ได้แก่ การเสนอกฎหมาย ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 10,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานรัฐสภา การถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 20,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภา การออกเสียงประชามติ กรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่าเรื่องใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติหรือประชาชน 2. การมีส่วนร่วมของประชาชนตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ประชาชนต้องได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากรัฐตามแนวนโยบายพื้นฐาน ดังนี้ - การกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาประเทศ - การตัดสินใจทางการเมือง - การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ - การรวมตัวกันของกลุ่มประชาชน - การใช้สิทธิเลือกตั้ง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ รัฐธรรมนูญกำหนดให้มีการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐในเรื่องต่อไปนี้ การดำเนินคดีอาญากับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีกระบวนการดังนี้ รัฐบาล |