สงสัยไหมว่าทำไมชาวต่างชาติจึงเลือกเรียนภาษาไทย? แล้วเราสอนอะไรให้ชาวต่างชาติบ้าง? เรื่องใดสอนยาก เรื่องใดสอนง่าย? ครูหนุ่ย (คุณฑีฆายุ เจียมจวนขาว) ผู้ช่วยครูใหญ่ จาก ศุมา สถาบันภาษาและวัฒนธรรม จะมาบอกเล่าประสบการณ์การสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติให้เราฟังกัน ทำไมชาวต่างชาติเรียนภาษาไทย ชาวต่างชาติเรียนภาษาไทยเพื่อใช้ภาษาไทยสื่อสารกับคนไทย มีเหตุผลต่างๆ เช่น
สอนอะไรให้ชาวต่างชาติบ้าง
เรื่องที่สอนง่ายและเรื่องที่สอนยาก
Written by : Nattapol Klanwari เราจะสังเกตเห็นได้ว่าชาวต่างชาติมาทำงานหรือมาอยู่ในประเทศไทยพักเดียวสามารถพูดภาษาไทยได้ อาจไม่ชัด 100% แต่ก็เรียกว่าไม่อดตายก็แล้วกัน แต่สำหรับคนไทยแล้ว การพูดภาษาต่างประเทศดูจะยากเอาการ ผมได้อ่านบทความหนึ่งแต่จำไม่ได้แล้วว่าจากแหล่งไหนซึ่งได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจทีเดียวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่สามารถทำให้ลูกหลานชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยพูดภาษาดั้งเดิมของตนเองไม่ได้ เช่น คนจีนที่มาอยู่ในประเทศไทย รุ่นอาม่า อากง หรือเตี่ยก็ยังพูดภาษาจีนกันไม่ว่าจะเป็นจีนกลาง จีนไหหลำ จีนแต้จิ๋ว จีนแคะ ฯลฯ แล้วแต่แหล่งที่คนจีนนี้เดินทางมา แต่พอรุ่นลูกหลาน เหลน กลายเป็นว่าพูดจีนกันไม่ได้แล้ว จะต่างจากครอบครัวจีนที่เดินทางไปอยู่ประเทศอื่นที่ยังคงพูดภาษาจีนในครอบครัวกันต่อเนื่อง เป็นจุดหนึ่งที่ประเทศที่มีชาวจีนไปตั้งรกรากงงกันใหญ่หาว่าประเทศไทยกลืนภาษาอื่นไปได้อย่างไร (ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่พูดจีนแต้จิ๋วไม่ค่อยได้แล้ว ตั้งแต่อาม่าไม่อยู่) นอกจากนั้นเราพยายามที่จะจ้างครูชาวต่างชาติเข้ามาสอนภาษาต่างชาติโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งหวังว่าชาวต่างชาติที่พูดภาษาไทยไม่ได้จะได้นำพาให้นักเรียนไทยพูดภาษาอังกฤษได้ กึ่งๆ บีบบังคับไปในตัว แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม เพราะพอสอนได้สักพักเพียงไม่กี่เดือน ทั้งครูชาวต่างชาติและเด็กไทยพูดภาษาไทยกันเฉยเลย กลายเป็นว่าครูต่างชาติเก่งภาษาไทยเด็กไทยพูดภาษาอังกฤษไม่ดีขึ้นเท่าที่ครูต่างชาติพูดภาษาไทย จากที่ผมได้มีโอกาสสัมผัสกับการเรียนภาษาต่างประเทศมาบ้าง ที่มากหน่อยก็คือภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น เรียนภาษาฝรั่งเศสเพียงนิดหน่อย ก็เลยลองวิเคราะห์แยกแยะความแตกต่างของภาษาไทยเทียบกับภาษาอื่นๆ ที่พอมีประสบการณ์เกี่ยวข้อง ผมเน้นที่ภาษาพูดง่ายๆ ก็แล้วกันเพราะผมไม่ใช่นักภาษาศาสตร์ การพูดภาษาไทยเป็นการพูดเฉพาะคำตรงๆ ไม่มีการผันรูป พูดตัดเป็นคำๆ เช่น คำว่า "กิน" ไม่มีการเปลี่ยนรูปใดๆ "กินแล้ว" ก็เติมคำว่า "แล้ว" ต่อท้าย ภาษาไทยพูดตัดเป็นคำๆ ไม่มีการลากเสียงมาเชื่อมกัน เช่น "ฉัน กิน ข้าว" ถึงแม้จะมีคำสมาส เช่น ประวัติ + ศาสตร์ = ประวัติศาสตร์ ก็อ่านแยกเป็นคำๆ "ประ-หวัด-ติ-สาด" หรือคำสนธิ เช่น มหา + อรรณพ = มหรรณพ ก็อ่าน "มะ-หัน-นบ" ซึ่งก็เป็นคำที่มีให้สำเร็จรูปแล้วไม่ต้องมาทำการสมาสหรือสนธิด้วยตัวเอง สำหรับภาษาอังกฤษมีการผันรูปของคำกริยา เช่น กิน = eat หรือ eats ตามประธานนำหน้า เช่น I, He, You เป็นต้น การออกเสียงในภาษาอังกฤษมีการเชื่อมลากเสียงต่อกัน เช่น It is ฝรั่งก็มักพูดออกเสียงว่า "อิท..ทีส" เป็นต้น นี่ยังไม่รวมการแปลงในรูปถูกกระทำ เช่น ถูกกิน (be eaten) ฯลฯ ผมขอชวนท่านผู้อ่านไปร่วมสนุกกับภาษาญี่ปุ่นสักนิดหน่อย ซึ่งผมมีโอกาสได้เรียนภาษาญี่ปุ่นตอนที่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น 4 ปี แต่ผมเรียนกับเซนเซ หรือคุณครูที่เป็นอาสาสมัครสอนตามที่ทำการเทศบาล โดยในชั้นผมจะเป็นรุ่นเดอะเลยเพราะนักเรียนคนอื่นจะเป็นนักศึกษาต่างชาติที่เข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้วใช้วันเวลาว่างไปเรียน (อายเด็กๆ เหมือนกันครับ แต่ต้องอดทน)
ตัวอย่างหนังสือที่ผมใช้ประกอบการเรียนภาษาญี่ปุ่น นักเรียนคนอื่นเรียนกันรอบเดียวหรือครั้งเดียว ผมลงเรียน 3 รอบซ้ำกันเลย ขอยกตัวอย่างคำกริยาที่หมายถึง "กิน" เพื่อให้ไปในแนวทางเดียวกับที่เริ่มภาษาไทยและอังกฤษไว้ในตอนต้น คำกริยาจะมีการผันรูปในการใช้เยอะมาก ลองไปดูกัน たべる taberu กิน (ในรูปดิกชันนารี) คำคุณศัพท์หรือ Adjective ก็มีการผันรูปในการใช้ในแต่ละกรณีอีก คงไม่ต้องแปลกใจที่ผมเรียนซ้ำซะ 3 รอบ ตัวอักษรที่เห็นข้างบนเป็นแบบ
Hirakana ยังมีแบบ Katakana ที่ใช้เขียนคำที่มาจากภาษาต่างชาติ เช่น McDonald = マクドナルド พูดออกเสียงว่า "มา-กุ-โด-นา-รุ-โดะ" และยังมีตัวอักษรแบบ Kanji อีกก็คือตัวอักษรที่ยากๆ แบบตัวหนังสือจีน เช่น 娘 อ่านว่า むすめ - mu su me แปลว่าลูกสาว ผมจะอ่านเขียนได้เพียงแค่
Hirakana และ Katakana สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งที่มีนักกอล์ฟเป็นชาวญี่ปุ่นมาก ก็พยายามสอนให้พนักงาพูดภาษาญึ่ปุ่น เริ่มเรียนไปสักเดือน นักกอล์ฟชาวญี่ปุ่นที่เพิ่งเข้ามาไทย พูดไทยที่จำเป็นได้ภายในไม่ถึงเดือน ตกลงไม่ต้องเรียนกันแล้ว เดี๋ยวคนญี่ปุ่นก็พูดไทยเอง เป็นไงครับ นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมชาวต่างชาติมาเมืองไทยได้พักเดียวถึงได้พูดภาษาไทยได้เร็ว ขณะที่คนไทยพูดภาษาต่างชาติกันได้ยากหน่อย แต่ก็อย่าเพิ่งท้อนะครับ สู้ๆ กันต่อไป
การเรียนรู้หรือ Learning ต้องอยู่กับชีวิตเราตลอดเวลาตราบใดที่ยังหายใจอยู่ หลังเลิกเรียนทั้ง Sensei และนักเรียนก็ไป Kampai กัน
こさこだせんせい และภรรยา ที่สอนภาษาญี่ปุ่นผม สอนจนกลายเป็นญาติสนิทไปเลย เดินทางมาเที่ยวหาผมที่กรุงเทพสองครั้งแล้ว ผมมีโอกาสไปเยี่ยมท่านที่ฟุกุโอกะหนึ่งครั้ง เดี๋ยวจะหาโอกาสไปเที่ยวหาท่านอีก ภรรยาท่านจะมีกิจกรรมไปอ่านหนังสือนิทานให้เด็กๆ ฟังที่โรงเรียนประถมใกล้ๆ บ้าน แบบจิตอาสา รวมทั้ง Sensei ที่สอนภาษาญี่ปุ่นด้วย และนี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ผมคิดมาช่วยแนะแนวทางให้คุณครูสอนหรือจัดกิจกรรมให้นักเรียน นักศึกษาพูดสื่อสารภาษาต่างประเทศให้ได้แทนที่จะเรียนหลักไวยากรณ์เพียงอย่างเดียว よろしくおねがいします |