อัปเดตเมื่อ 16 ต.ค. 2564 Show
มนุษย์จะมีพฤติกรรมและการแสดงออกจากความต้องการตามลำดับขั้น ลำดับขั้นของความต้องการไม่จำเป็นที่จะต้องตายตัว สามารถเปลี่ยนแปลงและยืดหยุ่นได้ตามปัจจัยภายนอก
และความแตกต่างระหว่างบุคคล พฤติกรรมต่างๆ ของมนุษย์มักจะเกิดขึ้นจากความต้องการมากกว่าหนึ่งอย่างร่วมกัน มากกว่าเกิดจากความต้องการใดเพียงด้านเดียว อะไรเป็นแรงจูงใจให้มนุษย์คนหนึ่งทำอะไรบางอย่าง? คำถามนี้เป็นคำถามที่เกิดขึ้นและมีหลากหลายคนที่พยายามหาคำตอบ หนึ่งในคำตอบที่ได้รับความนิยมและแพร่หลายคือ ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ ซึ่งจะอธิบายเกี่ยวกับความต้องการของมนุษย์ ซึ่งเป็นสาเหตุของแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ
เนื้อหาในบทความ
ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ (Maslow's Hierarchy of Needs) คืออะไร?ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ คือ แนวคิดทางจิตวิทยาที่เสนอว่า มนุษย์จะถูกกระตุ้นให้เติมเต็มความต้องการขั้นพื้นฐานในลำดับต้นก่อนที่จะมีพัฒนาความต้องการนี้ออกไปจากด้านล่างสู่ด้านบน ซึ่งคือความต้องการด้านต่างๆ ดังนี้
โดยทฤษฎีนี้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ซึ่งเกิดจากนักจิตวิทยาชื่อ อับราฮัม มาสโลว์ (Abraham Maslow) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1943 ในงานเขียนชื่อ A Theory of Human Motivation และในหนังสือชื่อ Motivation and Personality ความต้องการของมนุษย์รูปแบบต่างๆ ตามทฤษฎีของมาสโลว์ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ (Maslow's Hierarchy of Needs) ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์มักจะถูกแสดงด้วยรูปภาพพีระมิด ซึ่งสิ่งที่อยู่ล่างสุดคือความต้องการขั้นพื้นฐานมากที่สุด และลำดับที่สูงขึ้นจะเป็นความต้องการที่มีความซับซ้อนขั้นจนถึงยอดของพีระมิด ความต้องการที่อยู่ด้านล่างจะต้องถูกเติมเต็มก่อนที่มนุษย์จะมีความสนใจความต้องการในขั้นถัดไป ความต้องการด้านกายภาพ (Physiological Needs)ความต้องการทางกายภาย เป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์เพื่อที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้เช่น
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงสิ่งพื้นฐานอื่นๆ เช่น ที่พักหลบภัย เครื่องนุ่มห่ม สารอาหารที่เหมาะสม และมาสโลว์ยังรวมการสืบพันธุ์ด้วย เพราะการสืบพันธุ์เป็นการเอาชีวิตรอดของเผ่าพันธ์ ความต้องการด้านความมั่นคง ปลอดภัย (Safety and Security Needs)ความต้องการด้านความมั่นคง ปลอดภัย ความต้องการในลำดับนี้จะมีความซับซ้อนมากขึ้น มนุษย์อยากจะควบคุมและดูแลสิ่งต่างๆ ในชีวิต ดังนั้นความปลอดภัยและความมั่นคงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยตัวอย่างของความต้องการด้านนี้คือ
เพราะเราต้องการคาดเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้นอย่างที่มันเป็นไป เราไม่ชอบความเสี่ยงที่ดูแล้วเป็นไปได้ไม่ดี ความต้องการด้านความรัก หรือการเป็นเจ้าของ (Love/Sense of Belongings)ความต้องการด้านความรัก หรือการเป็นเจ้าของ มีควาสัมพันธ์ที่ดี ได้รับความรัก หรือรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ความต้องการนี้เป็นความต้องการที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความรู้สึก ซึ่งเป็นความต้องการทางด้านสังคม (Social Needs) โดยที่สภาวะอารมณ์ ความสัมพันธ์เหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมต่างๆ ตามมา
ความต้องการในขั้นนี้ยังรวมไปถึง การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มต่างๆ เช่น เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว กลุ่มทางศาสนา ด้วยเช่นกัน ความต้องการด้านความเคารพ (Esteem Needs)ความต้องการด้านความเคารพ ความต้องการด้านความเคารพเกิดขึ้นเมื่อความต้องการด้านอื่นๆ ได้รับการตอบสนองแล้ว ในระดับนี้เราจะต้องการความเคารพนับถือจากคนอื่น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น
ความต้องการด้านนี้ยังรวมไปถึงสิ่งต่างๆ เช่น ความรู้สึกมีคุณค่า หรือ self-esteem เช่นกัน คนที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านความเคารพจะมีความรู้สึกมั่นใจในความสามารถของตนเอง ในขณะที่คนที่ขาด self-esteem และการเคารพจากคนอื่นๆ อาจทำให้เกิดความรู้สึกด้อยค่ากว่าคนอื่น ซึ่งมาสโลว์กล่าวว่าความต้องการการยอมรับนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเด็กและวัยรุ่น การบรรลุความหมาย หรือความสมบูรณ์ของชีวิต (Self-Actualization)การบรรลุความหมาย หรือความสมบูรณ์ของชีวิต เป็นสิ่งที่อยู่สูงสุดในระดับของความต้องการตามทฤษฎีของมาสโลว์ ซึ่งมันหมายถึงการตระหนักในความสามารถของคนๆ หนึ่ง ความต้องการที่จะเป็นในสิ่งที่คนๆ หนึ่งสามารถเป็นได้ เป็นสิ่งที่มีความเฉพาะเจาะจงเช่น คนๆ หนึ่งถูกเติมเต็มจากตัวเองในการทำบางอย่างให้ดีที่สุด เป็นการบรรลุศักยภาพของตัวเอง และพัฒนาตัวเองเช่น
ประเภทของความต้องการความต้องการทั้ง 5 นี้สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม
Deficiency NeedsDeficiency needs (D-needs) เป็นความต้องการที่เกิดขึ้นเมื่อมีความขาด และจะจูงใจให้มนุษย์ทำอะไรบางอย่างเมื่อมันไม่ได้รับการตอบสนอง ความต้องการในกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นและยาวนานขึ้นหากมันถูกปฏิเสธ เช่น หากคุณอยู่ในสภาวะที่ขาดแคลนอาหาร คุณจะรู้สึกหิวมากยิ่งขึ้นและต้องการกินมากขึ้น Being Needs or Growth NeedsBeing needs (B-needs) เป็นความต้องการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการขาดอะไรบางอย่าง แต่เป็นความต้องการ ความปราถนาของมนุษย์ที่จะเติบโต และครั้งหนึ่งที่ความต้องการในการเติบโตนี้ได้รับความพอใจแล้ว เราจะไปถึงความต้องการระดับสูงสุดคือ Self-actualization ทฤษฎีความต้องการของมาสโลว์ ได้บอกไว้ว่าเราจะต้องได้รับความพึงพอใจในความต้องการ Deficiency needs (D-needs) ก่อนที่จะได้รับความต้องการ Being needs (B-needs) การเสนอเพิ่มเติมของทฤษฎีความต้องการของมาสโลว์มาสโลว์ (Maslow) มีการพัฒนาทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการเป็นช่วงระยะเวลานาน (เช่นงานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1943 และยังมีการพัฒนาในลำดับถัดมาเช่นปี ค.ศ. 1962 หรือ ค.ศ. 1987)ทำให้หลายครั้งที่อาจเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับทฤษฎีของเขา ในปี ค.ศ. 1987 มาสโลว์ได้กล่าวว่าลำดับขั้นในทฤษฎีความต้องการไม่จำเป็นต้องตายตัว ซึ่งสามารถยืดหยุ่นได้ตามสภาพแวดล้อม ปัจจัยภายนอก และความแตกต่างระหว่างบุคคล เช่นในบางคน self-esteem อาจสำคัญมากกว่า หรือบางคนการทำงานสร้างสรรค์ในอยู่ในหมวดหมู่ self-actualization อาจเกิดขึ้นมากกว่าความต้องการพื้นฐานอื่นๆ ความพอใจในความต้องการแต่ละขั้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในสภาวะที่มีพร้อมทุกอย่างหรือไม่มีเลย (all or none) นั่นหมายความว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับความพอใจ 100 เปอร์เซ็นต์ในความต้องการพื้นฐานแต่ละขั้น ก่อนที่ความต้องการขั้นถัดไปจะปรากฏขึ้น ความต้องการในแต่ละขั้นนี้ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่สูงขึ้น พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เพียงอย่างเดียว แต่มันอาจมีโอกาสที่จะลดลงมาด้วยก็ได้จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเช่น การอย่าร้าง การตกงาน เป็นต้น นอกจากนี้พฤติกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกิดจาก การได้รับแรงจูงใจในหลายๆ อย่างไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดจากความต้องการในลำดับขั้นต่างๆ เพียงอย่างเดียว และมากไปกว่านั้นพฤติกรรมต่างๆ มักจะเกิดจากความต้องการพื้นฐานหลายๆ อย่างพร้อมกันมากกว่าจะขับเคลื่อนด้วยความต้องการเพียงอย่างเดียว การวิจารณ์ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ (Maslow's Hierarchy of Needs)แม้ว่าทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์จะได้รับความนิยมและแพร่หลายไปจำนวนมาก แต่ก็มีผู้ที่วิจารณ์ทฤษฎีนี้อยู่ โดยการวิจารณ์ข้อผิดพลาดในสองประเด็นคือ
ประโยชน์และการประยุกต์ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ตัวอย่างของการใช้ประโยชน์ในทฤษฎีนี้ในวงกว้างเช่น
แหล่งอ้างอิงและข้อมูลเพิ่มเติม
Urbinner เป็นพื้นที่ให้ทุกคนได้เติบโตจากการเรียนรู้ในทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยทีมนักจัดกระบวนการจะพาคุณไปเรียนรู้ทักษะที่นำไปสู่การเข้าใจตัวเอง สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และการตระหนักรู้ร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถทำในสิ่งที่มีคุณค่าและความหมายสำหรับตัวเอง องค์กร และชุมชนของเราได้ มนุษย์มีความต้องการอยู่2ประการอะไรบ้างสาระสําคัญ 1. ความต้องการของมนุษย์แบ่งออกเป็นสองอย่าง คือ ความต้องการทางร่างกาย และความต้องการทางสังคมหรือทางจิตใจ 2. ความต้องการของมนุษย์ในองค์การ แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ 2.1 มนุษย์ มีความต้องการตลอดเวลา 2.2 เมื่อได้รับการตอบสนองแล้ว ก็จะไม่เป็นแรงจูงใจสําหรับพฤติกรรมนั้น
มนุษย์มีความต้องการกี่ขั้นอะไรบ้างเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อของ Abraham Maslow กับทฤษฎีที่เชื่อว่ามนุษย์จะมีลำดับความต้องการแบ่งออกเป็น 5 ขั้น คือ 1. Physiological Needs ความต้องการพื้นฐาน เช่น อาหาร น้ำ เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัย 2. Safety Needs ความต้องการด้านความปลอดภัย 3. Love and belonging Needs ความต้องการเป็นที่รักและเป็นส่วนหนึ่ง 4. ...
มนุษย์มีความต้องการที่เหมือนกันคืออะไรมนุษย์มีความต้องการมากมายหลายอย่าง แต่ในแง่ของความสัมพันธ์ มนุษย์มีความต้องการพื้นฐานที่เหมือนกันทุกคนก็คือ 1. ความรู้สึก “เป็นคนสำคัญ” ฉะนั้นจงทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญ ยกให้เขาเป็นคนสำคัญ เช่น การใส่ใจกับผู้อื่น จำชื่อเพื่อนได้ มีของมาฝาก ขอรับคำปรึกษาหรือความช่วยเหลือ
อะไรคือปัญหาหรือความต้องการของมนุษย์ความต้องการของมนุษย์คือความอยากได้ ซึ่งเมื่อเกิดความอยากได้ จึงต้องพยายามดิ้นรนหาสิ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการนั้นๆ เมื่อร่างกายได้รับการตอบสนองแล้วก็จะเกิดความต้องการใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทน ดังนั้น ความต้องการของมนุษย์จึงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
|