การฟงั นับว่ามคี วามสำคัญยงิ่ ในการส่งสารขอ้ มลู ตา่ งๆ แต่ถ้าฟังไม่ถูกวธิ ีกจ็ ะไม่กอ่ ประโยชนเ์ ทา่ ท่ีควร และบางกรณีอาจเป็นโทษอกี ดว้ ย หลกั การฟังทว่ั ไปมดี ังน้ี 1. มีมารยาทในการฟงั โดยการแสดงความกระตือรือร้นทีจ่ ะฟัง ตงั้ คำถามตามความเหมาะสม ยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ที่แตกตา่ งกันออกไป และรจู้ กั ควบคุมอารมณ์ 2. ต้ังความประสงคใ์ นการฟงั ให้แน่นอน และพยายามฟังให้ได้ตามความมงุ่ หมายมากท่สี ุดใช้ วจิ ารณญาณเลือกเฟ้นแต่เรื่องท่ีควรฟัง และหลกี เลย่ี งเร่อื งทีไ่ มเ่ หมาะสม ร้จู กั แยกแยะส่วนที่เป็นขอ้ เท็จจริง และความคดิ เหน็ รจู้ กั ใช้เหตผุ ลประกอบในการลงความเหน็ รจู้ ักการใช้ศิลปะในการฟังคือ การใช้ความ สามารถและไหวพริบท่ีจะใหผ้ ู้พดู มีความสบายใจที่จะพดู และพูดได้ตรงจดุ ประสงค์ของผู้ฟัง เช่น การแสดงใหผ้ ู้ พดู เหน็ ว่าเราต้งั ใจฟัง เปิดโอกาสให้ผพู้ ูดได้พูดเต็มทีแ่ ละแทรกคำถามท่ีเหมาะสมในโอกาสอันควรจดบนั ทึก สาระสำคัญและประเดน็ ท่คี วรซักถามเพิม่ เตมิ การจบั ใจความสำคัญของเร่ือง การฟงั มคี วามม่งุ หมายประการสำคัญเพ่อื แสวงหาความรู้และ เสรมิ สรา้ งสตปิ ญั ญาการฟงั ที่จะสัมฤทธผิ์ ลดังกลา่ วจะตอ้ งมคี วามสามารถจบั ใจความสำคัญและใจความอันดบั รองของเร่ืองท่ีฟังได้รวดเร็วถูกตอ้ ง หลกั การพิจารณาใจความสำคญั และใจความสำคัญอันดบั รองมีดังนี้ 1. ฟงั เรื่องทั้งหมดให้จบ 2. เร่อื งทฟ่ี ังเก่ยี วกบั อะไร 3. มีความสำคัญอยา่ งไร 4. เหตเุ กดิ ท่ไี หน 5. เกิดจากสาเหตอุ ะไร 6. ผลที่เกดิ ขน้ึ เปน็ อยา่ งไร การฟังอย่างมวี ิจารณญาณ การฟงั นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สดุ ในการรับสาร ในชีวิตประจำวนั คนเรามี การรับฟังเร่ืองราวมากมาย การฟังคำพูดของคนทีค่ ุ้นเคยหรือใกลช้ ิดอาจจะไมก่ ่อใหเ้ กิดปญั หามากนัก เพราะ เรารู้ภมู ิหลังของผู้พดู และเรื่องท่ีรับฟงั ส่วนมาก แตล่ ะวนั แตใ่ นปจั จุบนั การสือ่ สารในดา้ นตา่ งๆ เจริญมากขึ้นไม่ จากดั แต่เพยี งแต่ฟังกับคนท่ีเราพดู ด้วยแต่เรากฟ็ ังทางสื่ออิเลคทรอนคิ ส์ต่างๆ เชน่ วทิ ยุ โทรศพั ท์เทปเสยี ง เทป ภาพวทิ ยุโทรทัศน์ ซึ่งการฟังไมไ่ ดป้ ระจันหนา้ กันบางคร้ังเป็นการสอ่ื สารทางเดียวมแี ตร่ ับฟงั เท่านนั้ ไม่สามารถ ทจี่ ะซักถามได้อยา่ งละเอยี ดถี่ถว้ นจงึ ทำให้ก่อเกิดความไม่เข้าใจไมต่ รงกัน หรอื บางคร้ังการประกาศภยั พบิ ตั ิ ต่างๆ ท่เี กดิ ขึ้นตามธรรมชาติหรอื มนษุ ย์เปน็ ผู้กระทำข้ึน การโฆษณาชวนเชอื่ และข่าวลอื เรอ่ื งต่างๆ ในการฟงั เรอื่ งราวตา่ งๆ ดังกลา่ วถ้าหากเกิดฟังแล้วเช่ือหรือไม่เชื่อแล้วนำไปปฏิบตั หิ รอื งดเวน้ การปฏิบัติ หากเกิดความ พลาดพลัง้ อาจเกิดผลเสยี หายอยา่ งรา้ ยแรงตามมาได้ ดังน้ันการฟงั ข่าวสารตา่ งๆ จะฟังอยา่ งธรรมดาไม่พนิ ิจ พเิ คราะหข์ ่าวสารท่ีไดร้ ับนัน้ ไมไ่ ด้ การวินจิ ฉัยวิเคราะหว์ ิจารณข์ า่ วสารว่าเปน็ จริงหรอื เป็นเทจ็ ควรเช่อื ถือมาก น้อยเพยี งใดจะตอ้ งใชค้ วามคิดใคร่ควรด้วยเหตุผล ปญั ญาและประสบการณ์ ทาความเข้าใจในสถานภาพและดู เจตนาของผสู้ ง่ สาร ว่ามีข้อเทจ็ จริง หรอื มปี ระโยชน์ มีคุณมโี ทษเพียงใด ควรทีจ่ ะเชอ่ื แล้วปฏิบตั ิตามหรือไม่ การฟงั สารตามลกั ษณะดงั กล่าวเรยี กวา่ การฟงั อยา่ งวิจารณญาณ ดงั นนั้ การฟังอยา่ งมวี ิจารณญาณต้อง ประกอบไปด้วยการใช้ปัญญาในการวิเคราะหพ์ ินิจพจิ ารณาไตต่ รอง เพื่อค้นหาข้อเท็จจรงิ สามารมารถวเิ คราะห์ หลักการฟังอยา่ งวิจารณญาณ การฟังอยา่ งวจิ ารณญาณมีหลกั ปฏิบัตดิ งั น้ี 1.1 พิจารณาผู้ส่งสารว่ามจี ุดมุ่งหมาย และมคี วามจริงใจในการส่งสารนนั้ เพียงใด การฟังเพื่อคน้ หาขอ้ เท็จจรงิ ใหไ้ ดข้ ้อมลู ท่ีถูกต้องเช่ือถือได้ การค้นหาข้อเท็จจริงต้องพจิ ารณาหลายๆ ดา้ นอย่างรอบคอบคือ ปฏบิ ตั ิงาน บรรยายเกยี่ วกบั ทางวิชาการ เล่าเหตกุ ารณ์ท่ไี ด้พบเหน็ ประสบมาเพอื่ ใหผ้ ูอ้ นื่ ได้มีความรู้ความ 4. ผู้พูดอาจมเี จตนาในการพูดเพอ่ื ชักจงู ใหเ้ ห็นให้คล้อยตามหรอื เปลีย่ นความคดิ ใหป้ ฏิบัติการอย่างใด 5. วเิ คราะห์นัยของเร่ืองท่ีฟัง คอื การพิจารณาสาระสำคัญของเรื่องที่ฟัง วา่ ประเด็นหลักคืออะไร ผู้พูด 5.1 ข้อมูลและความคิดเหน็ ของผู้พดู จะต้องอาศัยเหตผุ ลในการพจิ ารณาดงั น้ี ใบงานครงั้ ท่ี ๒ กล่มุ สาระความรพู้ ้นื ฐาน รายวชิ า ภาษาไทย พท31001 ชนั้ มัธยมศึกษาตอนปลาย ครั้งท่ี..........๒.........สอนวนั ท่ี …………เดอื น ………………………………………..พ.ศ. .......... 1. .ใหน้ กั ศึกษาบอกหลักในการฟงั และการดูอย่างสร้างสรรค์ ๒. วจิ ารณญาณในการฟงั และพูด หมายถึง ............................................................................................................................. ................................................. ๔.1 การวเิ คราะห์ หมายถึง .2 การวนิ ิจ หมายถงึ 5.3 การวิจารณ์ หมายถงึ แผนการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระความรูพ้ นื้ ฐาน รายวชิ า ภาษาไทย พท31001 ชั้นมธั ยมศึกษาตอนปลาย แผนการจัดการเรียนรเู้ ร่ืองที่ 2 การอา่ น เวลา 6 ชว่ั โมง ครัง้ ท่.ี .......๓...........สอนวนั ท่ี …………เดอื น ………………………………………..พ.ศ. .......... มาตรฐานการเรียนรู้ระดบั ท้องถน่ิ ท้องถนิ่ ตวั ชี้วดั วรรณกรรมท้องถิ่น มรดกทางวัฒนธรรม ของชาติ แล้วนำไปประยกุ ต์ ใช้ในการดำเนนิ ชีวติ สาระสำคญั ของการประเมินค่าวรรณคดี วรรณกรรมปจั จบุ ัน และวรรณกรรมท้องถิ่น ตลอดจนมารยาทในการอ่าน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เรอื่ งท่ีอ่านได้ วรรณกรรมปจั จบุ นั วรรณกรรมท้องถ่ินได้ ฐานะ ทีเ่ ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ของชาติ แลว้ นำไปประยกุ ต์ ใช้ในการดำเนินชวี ิต สาระการเรยี นรู้ นริ าศ พระบาท นริ าศภเู ขาทอง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก มทั นพาธา พระมหาชนก (ทศชาตชิ าดก) เช่น วรรณกรรมปัจจุบัน ได้แก่ บทละครโทรทศั น์ นวนิยาย เร่ืองสัน้ บทเพลงต่างๆ วรรณกรรมทอ้ งถ่ิน 5. การมมี ารยาทในการอา่ น คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ข้นั ที่ 2 ขน้ั แสวงหาข้อมลู และจัดการเรยี นรู้ (180 นาที) 10.ครแู ละผู้เรยี นแลกเปลยี่ นความรู้ และอภปิ รายสรปุ รว่ มกัน ข้ันท่ี 3 การปฏบิ ตั ิและนำไปประยุกตใ์ ช้ 1. ใบความรู้ การวดั ผลประเมนิ ผล เกณฑ์การวัดผลประเมนิ ผล แหลง่ การเรยี นรู้/สบื ค้นขอ้ มูลเพ่มิ เตมิ 2. กศน.ตำบล ลงช่อื ………………………………………….ครผู ู้สอน ว่าที่ร้อยโท……………………………………… ใบความรู้ คร้ังที่ ๓ กล่มุ สาระความรพู้ ืน้ ฐาน รายวชิ า ภาษาไทย พท31001 ช้ันมธั ยมศึกษาตอนปลาย แผนการจัดการเรียนรเู้ ร่ืองที่ ๓ การอ่าน เวลา 6 ชั่วโมง ครงั้ ท.่ี ..................สอนวันที่ …………เดือน ………………………………………..พ.ศ. .......... หลักการอา่ น ลักษณะของคนทอี่ ่านหนงั สือเป็น เข้าใจตรงกัน เพลารถ กบั เพลาเยน็ (เพ-ลา) การ กาน กานต์ กานท์ กาล กาฬ การณ์ กาญจน์ แต่มีความหมายต่างกนั เชน่ สำนวน หมายถึง ขอ้ ความทม่ี ีความหมายพิเศษไปจากคำที่ประกอบอยู่ในข้อความน้ันไม่ไดม้ ี คำพังเพย หมายถงึ ถ้อยคำที่กลา่ วข้ึนมาลอยๆ เป็นกลางๆมคี วามหมายเปน็ คติสอนใจวสามารถนำตคี วามแลว้ -รำไมด่ ีโทษปีโ่ ทษกลอง หมายถงึ คนทที่ ำผดิ เองแต่ไปกล่าวโทษคนอ่ืน ขชี่ ้างจบั ตั๊กแตน หมายถึง การ ใบงาน คร้งั ที่ 3 กลุ่มสาระความร้พู ื้นฐาน รายวิชา ภาษาไทย พท31001 ชน้ั มธั ยมศึกษาตอนปลาย แผนการจัดการเรียนรู้เรือ่ งที่ 2 การอา่ น เวลา 6 ชวั่ โมง คร้งั ท.ี่ ..................สอนวันที่ …………เดือน ………………………………………..พ.ศ. .......... จงตอบคำถามต่อไปนี้ แผนการจัดการเรยี นรู้ กลุ่มสาระความรพู้ น้ื ฐาน รายวิชา ภาษาไทย พท31001 ช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการจัดการเรยี นรู้เร่ืองที่ 4 หลักการใชภ้ าษา เวลา 6 ชั่วโมง ครงั้ ท่.ี ...........4......สอนวันที่ …………เดอื น ………………………………………..พ.ศ. .......... มาตรฐานการเรียนรู้ระดบั ไดถ้ ูกต้องตามฐานะของบุคคล 1. อธิบายธรรมชาตขิ องภาษา และใช้ประโยคตามเจตนา ของการสือ่ สาร ขน้ั ท่ี 1 กำหนดสภาพปญั หา ความตอ้ งการ ขัน้ ท่ี 2 ข้นั แสวงหาข้อมลู และจดั การเรียนรู้ (180 นาท)ี ข้ันท่ี 3 การปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยุกต์ใช้(120 นาที) ข้นั ท่ี 4 การประเมินผลการเรยี นรู้ เตมิ เต็มองค์ความร้พู ร้อมมอบหมายงาน 1. ใบความรู้ แหลง่ การเรียนร/ู้ สบื คน้ ข้อมูลเพิ่มเติม ลงชื่อ………………………………………….ครผู ู้สอน วา่ ท่รี อ้ ยโท……………………………………… ใบความรู้ครั้งท่ี 4 กลมุ่ สาระความรพู้ ้นื ฐาน รายวชิ า ภาษาไทย พท31001 ชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย แผนการจดั การเรยี นรู้เรอื่ งที่ 4 หลักการใชภ้ าษา เวลา 6 ช่วั โมง คร้งั ท.่ี ...........4.......สอนวันที่ …………เดือน ………………………………………..พ.ศ. .......... หลักการใช้ภาษาไทย 1. มีเสยี งสระและพยญั ชนะ (วรรณยกุ ต์มบี างภาษาเชน่ ไทย,จนี ) เสียงพยัญชนะทา้ ย เสยี งพยัญชนะทีอ่ ยูห่ ลังเสยี งสระ โครงสรา้ งของคำ ชนิดของคำเอามารวมกนั เชน่ ระดบั ภาษา 1.พิธกี าร ใชใ้ นพธิ ี คำพดู จะดูหรูหรา อลงั การ ดูเปน็ พธิ ี เช่น ในศุภวาระดถิ ีขน้ึ ปีใหม่ หลกั การใชภ้ าษาไทยเพ่อื การส่อื สารในอินเตอร์เน็ต “วันนไ้ี ด้พบกับทา่ นอธิการบดี ผมขอฉวยโอกาสอนั งดงามน้เี ล้ียงต้อนรับทา่ นนะครับ” (ทจ่ี ริงแลว้ ควรใช้ “ข้าพเจ้าไม่ทราบวา่ ท่านจะคิดยงั ไง” (คำวา่ “ยงั ไง” เป็นภาษาพดู ถ้าเปน็ ภาษาเขยี นควรใช้ “อยา่ งไร” แม่เกลยี ดคนใชฉ้ นั ฉนั เกลียดคนใชแ้ ม่ ควรแกเ้ ป็น “หมอถือว่าคนไขท้ ุกคนเปน็ คนไข้ของหมอเหมือนกนั ” ภาษาแชทท่ีมักใชผ้ ดิ ๑. คำท่ีสะกดผิดได้งา่ ย เป็นรูปแบบของคำท่มี ีการสะกดผดิ ซึ่งเกดิ จากคำท่ีมกี ารผันอักษรและเสยี งไมต่ รงกบั นอกจากน้ยี งั สามารถแบง่ ออกเปน็ กลุ่มที่ใช้ในการพดู และกลุ่มท่ีใช้ในการเขียน เปน็ ประเภทของภาษาวบิ ัติท่ใี ช้ในเวลาพดู กัน ซ่งึ บางครั้งก็ปรากฏขึน้ ในการเขียนดว้ ย แตน่ อ้ ยกว่าประเภท รปู แบบของภาษาวิบัติชนิดน้ี โดยท้งั หมดจะเปน็ คำพ้องเสียงท่ีหลายๆคำมักจะผดิ หลักของภาษาอย่เู สมอ รปู แบบของภาษาวบิ ัตชิ นิดนี้ จะเปน็ คำพอ้ งเสียง โดยสว่ นใหญ่กล่มุ นจี้ ะใช้ในเวลาเขยี นเท่านั้น และคำที่ นำมาใช้แทนกนั น้ีมกั จะเป็นคำที่ไม่มีในพจนานกุ รม ใบงานครงั้ ท่ี 4 กลุ่มสาระความรู้พื้นฐาน รายวชิ า ภาษาไทย พท31001 ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการจดั การเรยี นร้เู ร่อื งท่ี 4 หลกั การใชภ้ าษา เวลา 6 ชั่วโมง ครง้ั ท่ี............4......สอนวันที่ …………เดือน ………………………………………..พ.ศ. .......... ๑ ให้นักศกึ ษาอธิบายหลกั การใช้ภาษาไทยธรรมชาติของภาษา แผนการจัดการเรยี นรู้ กล่มุ สาระความร้พู น้ื ฐาน รายวิชา ภาษาไทย พท31001 ชน้ั มธั ยมศึกษาตอนปลาย แผนการจัดการเรยี นรูเ้ ร่ืองที่ วรรณคดี และวรรณกรรม เวลา 6 ช่วั โมง ครงั้ ที่........5..........สอนวันที่ …………เดอื น ………………………………………..พ.ศ. .......... มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ หลักการพินจิ วรรณคดี ตวั ช้ีวดั สาระสำคัญ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ และวฒั นธรรมไทย 1. ความหมายของวรรณคดีวรรณกรรมปจั จบุ ันและวรรณกรรมท้องถิ่น 2.3 ครูให้ผ้เู รียนแต่ละกลุ่มศึกษา“วรรณคดไี ทย”เรื่องขนุ ช้าง ขุนแผน พระอภัยมณี อิเหนา นิทาน เวตาล นริ าศพระบาท นริ าศภูเขาทอง ร่ายยาว มหาเวสสนั ดรชาดก มทั นพาธา พระมหาชนก (ทศชาติชาดก) เลอื กศึกษาวรรณคดที ่ชี อบจำนวน 1 เรอื่ งในประเด็นตา่ ง ๆ ดงั น้ี - ประวตั แิ ละลักษณะของเรื่องทอ่ี า่ น - วิเคราะหว์ ิจารณ์ตัวละครสำคัญของเรอ่ื งแนวคิด ค่านยิ มและคณุ คา่ ตา่ ง ๆ - ยกตวั อยา่ งบทกลอน วรรคทองในวรรณคดีท่ีชอบ - จัดทำเปน็ รายงานพร้อมนำเสนอหน้าชน้ั เรยี น และครูร่วมสรปุ ผลการอภิปรายของผเู้ รยี น 2.4 ครกู ำหนดใหผ้ ้เู รยี นไปสืบเสาะหาเรอ่ื งเล่า นิยาย นทิ าน ตำนาน ทมี่ เี นอ้ื หาเกย่ี วพนั กับวถิ ชี วี ิตของคนใน ชมุ ชน จากผ้สู ูงอายุในชุมชน แลว้ นำเร่ืองเหลา่ นัน้ มาเรยี บเรยี งเป็นลายลกั ษณ์แล้วจดั ทำเป็นรปู เล่มจัดวางเปน็ สารสนเทศใน กศน.ตำบล (เป็นกรต) 2.5 ครูกำหนดให้ผู้เรยี นเลอื กบทวรรคตอนจากวรรณกรรมทต่ี นเองสนใจเขียนลงในกระดาษท่คี รูแจกและวาด ภาพและตกแต่งใหส้ วยงามประกอบจดั ทำเปน็ สารสนเทศภายใน กศน 2.6 ครูแจกใบงานเร่ืองวรรณกรรมเพื่อเป็นการคน้ ควา้ เพิ่มเติม 2.7 ครใู หผ้ ูเ้ รียนทำแบบทดสอบรายวชิ า ภาษาไทย 2.8 ครเู ฉลยขอ้ สอบพรอ้ มให้ผเู้ รยี นแลกเปล่ียนกนั ตรวจขอ้ สอบ ขน้ั ท่ี 3 การปฏิบัติและนำไปประยุกต์ใช้ (120 นาที) 3.1 ครูและผู้เรียนร่วมกันสรปุ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกย่ี วกับวรรณคดี วรรณกรรมทอ่ี า่ นและนำแนวคิด ท่ไี ด้ไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวนั ข้นั ที่ 4 การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 4.1 ครใู หผ้ ู้เรยี นร่วมกนั ประเมินผลพรอ้ มทัง้ ปรับปรุงแก้ไขขอ้ บกพร่อง สรปุ และจดั ทำเป็นรายงานเผยแพร่ |