ครูให้นักเรียนจับกลุ่มใหม่กับเพื่อน 5-6 คน และช่วยกันสรุปกับเพื่อนในกลุ่มว่าหลังจากได้รับฟังและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนมาแล้ว นักเรียนได้เรียนรู้อะไรจากประสบการณ์เหล่านั้นบ้าง Show
ขั้นถอดบทเรียนสรุปความเข้าใจ (Student Action) นักเรียนจับกลุ่มใหม่กับ 5-6 คน และช่วยกันสรุปกับเพื่อนในกลุ่มว่าหลังจากได้รับฟังและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อนมาแล้ว นักเรียนได้เรียนรู้อะไรจากประสบการณ์เหล่านั้นบ้าง 3.3 ผลที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ครอบครัวเป็นสถาบันแรกของสังคม เมื่อครอบครัวเข้มแข็งและอบรบสั่งสอนให้สมาชิกในครอบครัวทุกคนรู้บทบาท สิทธิ เสรีภาพทั้งของตนเองและปฏิบัติตามกฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยไม่ละเมิดสิทธิ เสรีภาพของสมาชิกอื่นในสังคมก็จะนำพาให้สังคมและประเทศชาติเข้มแข็งตามไปด้วยแอมเนสตี้เรียกร้องหยุดใช้กำลังปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงระหว่างการประชุมเอเปก - สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ขอให้มีการสอบสวนกรณีใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม - ครป. ขอให้สังคมร่วมกันประณามรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรง ปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมโดยไม่มีเงื่อนไขโดยทันที - 'เพื่อไทย' ชี้รัฐบาลไทยขลาดเขลาไร้สติปัญญามาก ที่เอาตำรวจจำนวนมากเข้าทำร้ายประชาชน ต่อหน้าต่อตาผู้นำโลก และนักข่าวต่างประเทศจำนวนมาก - เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสานประณามการสลายการชุมนุมที่ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม ภาพโดย: Mob Data Thailand (อ้างใน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย) 19 พ.ย. 2565 สืบเนื่องจากการสลายการชุมนุมโดยใช้กำลังจากเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) ของ "กลุ่มราษฎรหยุดAPEC2022" บริเวณถนนดินสอ เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 9 คน ในจำนวนนั้นเป็นสื่อมวลชน 4 คน และมีผู้ชุมนุม 25 คนถูกจับกุมและถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจทุ่งสองห้อง ซึ่งไม่ใช่สถานีท้องที่ โดยตำรวจแถลงว่ามี "ตำรวจ คฝ." ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 5 นาย นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่า ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานสากลตามที่กล่าวอ้าง แทนที่จะอำนวยความสะดวกในการจัดการชุมนุม กลับสลายการชุมนุมที่รุนแรงโดยการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่มุ่งเป้าเพื่อการปะทะและการจับกุมผู้ชุมนุม ถือเป็นการละเมิดการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ และเป็นการปิดปากผู้เห็นต่าง “ผู้ชุมนุมประท้วงส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนร่วมในพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายหรือรุนแรงใดๆ แต่กลับได้รับความกระทบกระเทือนทั้งทางร่างกายและจิตใจจากการกระทำของตำรวจ มีผู้ชุมนุมที่บาดเจ็บจากการถูกยิงด้วยแก๊สน้ำตา มีสื่อมวลชนที่ถูกทุบตี ได้รับบาดเจ็บ และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งๆ ที่ใส่ปลอกแขนสื่อมวลชนและแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขากล้าที่จะใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ” “ทางการต้องยกเลิกข้อกล่าวหาและปล่อยตัวผู้ชุมนุมโดยทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข ในส่วนของการควบคุมการชุมนุม ทางการไทยควรเคารพ คุ้มครองและประกันการใช้สิทธิมนุษยชนของผู้จัดการชุมนุมและผู้เข้าร่วม รวมทั้งมีมาตรการรับมือและป้องกันความเสี่ยงต่างๆ โดยไม่ใช้ความรุนแรง และยังต้องประกันความมั่นคงปลอดภัยของผู้สื่อข่าว ผู้สังเกตการณ์การชุมนุม และประชาชนทั่วไปที่ร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมด้วย” “เราขอเรียกร้องทางการไทยให้ปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศของตน และอำนวยความสะดวก ในการใช้สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ ทางการไทยต้องอนุญาตให้ผู้ชุมนุมโดยสงบสามารถแสดงความคิดเห็นของตน โดยต้องไม่ทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มมากกว่านี้” ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และมาตรฐานการใช้กำลังตำรวจควบคุมฝูงชน เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องหาทางหยุดยั้งและแยกตัวบุคคลที่กระทำความรุนแรงออกไป แต่ต้องไม่ไปขัดขวางบุคคลอื่นที่ยังต้องการชุมนุมโดยสงบต่อไป ตำรวจอาจใช้กำลังได้เป็นแนวทางสุดท้าย เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด และเฉพาะเมื่อจำเป็นแก่การปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเอง การใช้กำลังควรมุ่งที่การยุติความรุนแรง และให้ใช้ได้ในลักษณะที่จำกัดอย่างยิ่ง โดยมุ่งลดอาการบาดเจ็บและมุ่งรักษาสิทธิที่จะมีชีวิตรอด สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ขอให้มีการสอบสวนกรณีใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมด้าน สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ออกแถลงการณ์ 'ขอให้มีการสอบสวนกรณีใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมกลุ่มราษฎร หยุด APEC 2022' ระบุว่าตามที่ กลุ่มราษฎร หยุด APEC 2022 ได้จัดชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ที่บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และประกาศเดินออกจากลานคนเมือง กรุงเทพมหานคร เพื่อไปยื่นหนังสือที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อผู้นำที่มาประชุม คือ ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออกจากการเป็นประธานการประชุม APEC เนื่องจากไม่มีความชอบธรรมในการเป็นผู้นำในการจัดประชุมคราวนี้ รวมถึงยกเลิกนโยบาย BCG และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และลาออกจากนายกรัฐมนตรี แล้วยุบสภา จัดการเลือกตั้งโดยเร็ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ได้ตั้งกำลังไม่ยอมให้กลุ่มราษฎรฯได้เคลื่อนออกจากถนนดินสอ โดยมีการแยกสื่อมวลชนและผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ออกนอกพื้นที่ จากนั้นมีการยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุม สื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บหลายรายและมีผู้ชุมนุมถูกเจ้าหน้าที่จับกุม 25 คน สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) เห็นว่าการชุมนุมและการเดินขบวน เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกโดยสงบปราศจากอาวุธซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพที่ได้รับความคุ้มครองตาม กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ICCPR และรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 อีกทั้งกลุ่มราษฎร หยุด APEC 2022 มีการแจ้งการชุมนุม ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ 2558 แล้ว หากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการชุมนุมเห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มราษฎร หยุด APEC 2022 ไม่ทำตามเงื่อนไขที่ตกลง หรือกำหนดไว้ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการชุมนุมสามารถร้องขอต่อศาล เพื่อให้สั่งให้ยุติการชุมนุม และเจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจสลายการชุมนุมก่อนศาลมีคำสั่ง แต่ในกรณีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายดังกล่าว กลับใช้กำลังเข้าจับกุมและสลายการชุมนุม ซึ่งเป็นการกระทำเกินความพอสมควรแก่เหตุ ไม่เป็นไปตามข้อปฏิบัติการสลายการชุมนุมตามหลักสากล สสส.จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล ดำเนินการดังต่อไปนี้ 1. ตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลางสอบสวนการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายและให้มีการชดเชยผู้ได้รับผลกระทำจากการสลายการชุมนุมทั้งหมด 2. ให้ปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมโดยทันที ครป. ขอให้สังคมร่วมกันประณามรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรง ปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมโดยไม่มีเงื่อนไขโดยทันที คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ออกแถลงการณ์กรณีรัฐใช้ความรุนแรงกับราษฎร หยุด APEC 2022จากกรณีที่กลุ่มราษฎรหยุด APEC 2022 ได้จัดให้มีการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธที่บริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และผู้ชุมนุมได้ประกาศเดินไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อยื่นหนังสือต่อผู้นำที่มาประชุมเอเปค เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากการเป็นประธานการประชุม เนื่องจากไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ให้ยกเลิกนโยบายเศรษฐกิจเศรษฐกิจสีเขียวที่กลุ่มทุนผูกขาดกำหนดและชี้นำ และเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ลาออกจากนายกรัฐมนตรี แล้วยุบสภา และจัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว แต่ปรากฎว่าผู้ชุมนุมถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนใช้กำลังเข้าสลาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการใช้กระสุนยางที่ดวงตา การทำร้ายร่างกายผู้ชุมนุม ผู้สื่อข่าว และพระสงฆ์ และมีการจับกุมผู้ชุมนุมและผู้สื่อข่าวจำนวน 25 คน คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เห็นว่าการชุมนุมและเดินขบวนของผู้ชุมนุมเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ซึ่งได้รับการคุ้มครองตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่รัฐไทยได้ให้สัตยาบันไว้ และยังได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 นอกจากนั้นผู้ชุมนุมยังได้แจ้งการชุมนุม ตามพระราชบัญญัติชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ซึ่งผู้ชุมนุมไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขที่ตกลง หรือที่กำหนดไว้ หากเจ้าหน้าที่เห็นว่าผู้ชุมนุมไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลง หรือกำหนดไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลผู้ชุมนุมสามารถร้องขอต่อศาลเพื่อสั่งให้ยุติการชุมนุม หากผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตาม จึงจะมีอำนาจในการสลายการชุมนุม โดยต้องปฏิบัติตามหลักสากล การเข้าสลายการชุมนุมโดยใช้ความรุนแรงและจับกุมผู้ชุมนุมและผู้สื่อข่าวจึงขัดต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 และ ครป.ยังมีคำถามว่าการใช้กำลังสลายการชุมนุมครั้งนี้เป็นการปฏิบัติอย่างผิดขั้นตอน มิได้เป็นไปตามหลักสากล ไม่เป็นสัดส่วน และใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ ครป.เห็นว่า กรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการบริหารจัดการกับการชุมนุม ทั้งที่สามารถจัดการให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ที่สำคัญอีกประการก็คือ การชุมนุมทางการเมืองระหว่างการประชุมครั้งสำคัญทั่วโลกเป็นที่รับรู้และยอมรับการชุมนุมว่าเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ที่กติการะหว่างประเทศให้การรับรอง อีกทั้งยังเป็นดัชนีที่สำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า ประเทศนั้นมีความเป็นประชาธิปไตยมากน้อยเพียงใด เคารพสิทธิมนุษยชนมากน้อยแค่ไหน หรือเป็นอำนาจนิยมโดยสมบูรณ์เฉกเช่นพม่าที่ล้าหลังอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ในกรณีนี้ รัฐยังมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ได้ โดยการให้ผู้ชุมนุมเดินทางเข้าไปยื่นหนังสือก็จะไม่มีภาพของการใช้ความรุนแรง และรัฐบาลเองก็จะได้รับเสียงชื่นชมในสายตาของประชาคมโลก ดังนั้น ครป. จึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลและสังคมไทยดังนี้ ประการที่หนึ่ง ขอให้สังคมร่วมกันประณามรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรง และการจับกุมผู้ชุมนุมและผู้สื่อข่าว ที่ขัดต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 และขัดต่อกฎหมายจากการสลายการชุมนุมโดยไม่เป็นไปตามกฎหมาย และไม่เป็นไปตามหลักสากล ประการที่สอง ขอให้องค์กรที่อิสระและเป็นกลาง ได้แก่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงการสลายการชุมนุมครั้งนี้ โดยเฉพาะประเด็นการสลายการชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมฝูงชนไม่ได้ขออำนาจศาล บริเวณที่มีการสลายการชุมนุมมิได้ถูกประกาศตามพระราชกฤษฎีกาในสถานการณ์ฉุกเฉินเพราะอยู่นอกเขตรัศมี 5 กิโลเมตร การใช้กระสุนยางข้ามขั้นตอนและทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ประการที่สาม ให้รัฐบาลสั่งการให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมโดยไม่มีเงื่อนไขโดยทันที เนื่องจากการจับกุมโดยมิชอบ และหยุดสั่งดำเนินคดีกลั่นแกล้งคุกคามแกนนำภาคประชาชนทันที ประการที่สี่ รัฐบาลต้องดูแล และชดเชยเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย 'เพื่อไทย' ชี้รัฐบาลไทยขลาดเขลาไร้สติปัญญามาก ที่เอาตำรวจจำนวนมากเข้าทำร้ายประชาชน ต่อหน้าต่อตาผู้นำโลก และนักข่าวต่างประเทศจำนวนมากทีมสื่อพรรคเพื่อไทยรายงานว่าศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลขลาดเขลาไร้สติปัญญา ทำผิดอย่างมาก ในการนำกองทัพตำรวจ เข้าทำร้ายนักศึกษาประชาชน ที่แสดงออกอย่างสงบ ที่ไม่เห็นด้วยกับหัวข้อการประชุม APEC และไม่เห็นด้วยกับการให้นายกรัฐมนตรีไทย ที่ทำรัฐประหารมา เป็นเจ้าภาพในการประชุมครั้งนี้ ประเทศในกลุ่ม APEC เกือบทั้งหมด เป็นประเทศประชาธิปไตย ผู้นำได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชน มีรัฐธรรมนูญที่ปกป้องสิทธิและเสรีภาพ ประชาชนสามารถชุมนุมแสดงความไม่เห็นด้วย ต่อนโยบายและการกระทำของรัฐบาล ผู้นำโลกรู้และเข้าใจถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นอย่างดี การที่รัฐบาลไทย ใช้กำลังตำรวจจำนวนมาก เข้าทำร้ายนักศึกษาประชาชนที่ชุมนุมโดยปราศจากอาวุธนั้น ผิดรัฐธรรมนูญไทย นับได้ว่าเป็นความผิดของรัฐบาล การบุกเข้าโจมตีทำร้าย การใช้กระสุนยางยิงประชาชน นับว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ทำให้ประชาชนบาดเจ็บมากมาย แม้นักข่าวต่างประเทศก็ได้รับบาดเจ็บด้วย การกระทำที่เลวร้ายต่อประชาชนของรัฐบาลไทย ต่อหน้าสายตาผู้นำโลกที่มาร่วมประชุม เป็นความขลาดเขลาเบาปัญญาของผู้นำไทย ที่แสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของความเป็นเผด็จการ ที่ผู้นำทั่วโลกไม่ยอมรับ วิธีการเช่นนี้ จะทำให้รัฐบาลไทย เป็นที่รังเกียจของสังคมโลก เป็นการทำลายภาพพจน์และวัฒนธรรมของประเทศ และทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ผลของการจัดประชุม APEC ในครั้งนี้ แทนที่จะเป็นผลบวกต่อประเทศและประชาชนไทย กลับกลายเป็นความเสียหายมากมายต่อรัฐบาลและภาพพจน์ของประเทศไทย จึงขอให้รัฐบาลไทยรีบเอากองทัพตำรวจกลับออกไป แล้วปล่อยให้นักศึกษาประชาชนได้แสดงความคิดเห็น ตามสิทธิเสรีภาพที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญไทย อย่างน้อยก็อาจจะรักษาหน้าตาของประเทศไทยไว้ได้บ้าง ศ.สุชาติ กล่าว ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายจับตาการตัดสินใจเลือกอนาคตทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังจบการประชุมเอเปค ว่า แม้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเป็นผู้อนุมัติให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมเอเปค แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการอยู่เป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมเอเปคถือเป็นความฝันอันสูงสุดความฝันหนึ่งของพล.อ.ประยุทธ์ ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แทบไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน การปฏิรูปการเมืองเป็นเพียงวาทกรรมที่ว่างเปล่า เขียนรัฐธรรมนูญที่ดีไซน์มาเพื่อให้พรรคพลังประชารัฐได้เปรียบพรรคการเมืองอื่น พล.อ.ประยุทธ์ ลับลวงพรางคนอื่น จนอาจเผลอลับลวงพรางตัวเองไปด้วย การประชุมเอเปคที่พล.อ.ประยุทธ์ตั้งตารอรูดม่านปิดฉากแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องตัดสินใจกำหนดอนาคตทางการเมืองของตัวเองให้ชัดเจน จะไปต่อกับพลังประชารัฐ หรือกลับคำให้การ เปลี่ยนใจไปต่อกับพรรคการเมืองใหม่ หรือเลือกปิดฉากอนาคตการเมืองของตนตัวเองหลังจบเอเปคต้องตัดสินใจให้ชัด “2ปีที่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้ จะไม่มีความหมายหากประชาชนไม่เลือก พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจอย่างไรเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ได้ถอดบทเรียนว่า การสร้างพรรคการเมืองที่ไม่ได้เป็นสถาบันทางการเมือง การเป็นพรรคเฉพาะกิจหรือพรรคทหาร จะเป็นสมการที่นำไปสู่ความล่มสลาย”นายอนุสรณ์ กล่าว เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสานประณามการสลายการชุมนุมที่ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรมเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) ออกแถลงการณ์ “ประณามการสลายการชุมนุมที่ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม” ระบุว่าเหตุการณ์สลายการชุมนุมของตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ต่อกลุ่มผู้ชุมนุมราษฎรหยุด APEC2022 ในช่วงเที่ยงของวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นมา ตามที่ปรากฏต่อสายตาของผู้คนทั่วประเทศและทั่วโลกไปแล้วนั้น ได้เผยให้เห็นธาตุแท้ของรัฐเผด็จการอำนาจนิยมไทยอย่างชัดแจ้งอีกครั้งหนึ่ง ผลการสลายการชุมนุมที่ไร้สติ ทั้งโดยฝ่ายบัญชาการ และตำรวจควบคุมฝูงชน นำมาสู่การจับกุมผู้ชุมนุมจำนวน 25 คน การบาดเจ็บของผู้ชุมนุมจำนวนมาก และหนึ่งในจำนวนผู้บาดเจ็บที่อาการสาหัสคือ พายุ บุญโสภณ ผู้ปฏิบัติงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) ‘แนวร่วมมธ.’ วอนผู้นำเอเปค ‘เตือน รบ.ไทย’ หยุดทำร้ายคนเห็นต่าง ชวน คฝ.หลุดพ้นการกดขี่ ‘กลับมายืนข้างปชช.’แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เผยแพร่แถลงการณ์ ต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุมดังกล่าว โดยระบุว่าเบื้องหลังรอยยิ้มทักทาย และภายใต้คำกล่าวสุนทรพจน์สวยหรูตามแบบอย่างครรลองอารยะประเทศ ด้วยเวลาเพียง 3 วัน ระหว่างการประชุม APEC 2022 ณ ประเทศไทย พวกท่านคงเห็นแล้วว่า อะไรกำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทยขณะนี้ (What happening in Thailand) รัฐบาลผด็จการในคราบประชาธิปไตยของเรา ได้แสดงการละมิสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงให้ประจักษ์แก่สายตาของพวกท่าน อย่างที่พวกเราประชาชนแทบไม่จำเป็นต้องบรรยายขยายความความเลวร้ายใดๆ ของรัฐบาลเพิ่มเติมแก่พวกท่านอีก ในขณะที่การประชุมของท่านกำลังดำเนินอยู่ ห่างออกไปเพียงไม่กี่กิโลมตร เจ้าหน้าความมั่นคงภายใต้การบังคับบัญขาสูงสุด โดยนายกรัฐมนตรี ได้ไล่ทุบตีและกราดยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมที่ปราศจากเครื่องป้องกันอย่างบ้าคลั่ง มีผู้ใด้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นอาจต้องสูญเสียการมองเห็นไปตลอดชีวิต การใช้กำลังกดปราบปรามที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกรณีเฉพาะในระหว่างการประชุม APEC 2022 เท่านั้น แต่ด้วยข้อกล่าวอ้างอย่างการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย ความรุนแรงที่รัฐเผด็จการกระทำต่อประชาชน เกิดขึ้นจนแทบจะกลายเป็นเหตุการณ์ปกติ แน่นอนว่าในบรรดากรณีทั้งหลาย รวมทั้งในกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นการใช้อาวุธและใช้กำลังสลายการชุมนุม ที่ละเมิดต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights) และหลักการพื้นฐานว่าด้วยการใช้กำลังและอาวุธโดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย (Basic Principles of the Use of Force and Firearms by Law Enforcement Officials) ทั้งยังละเมิดกฎหมายภายในประเทศ อย่าง คู่มือการปฏิบัติงานพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558, พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ รวมถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พวกเราขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไม่มีผู้ชุมนุมคนใดต้องการที่จะทำลายการประชุม APEC 2022 หรือก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้นำประเทศ พวกเราเพียงแต่อยากจะส่งสารถึงพวกท่าน ดังที่พวกท่านน่าจะตระหนักดีแล้วว่า สถานการณ์ในประเทศไทยปัจจุบันนี้น่ากังวลเพียงใดต่อประเด็นสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิในการแสดงความคิดเห็น และสิทธิในการชุมนุมสาธารณะ เราขอวิงวอนให้พวกท่านโปรดรับฟังเรา และเตือนต่อรัฐบาลของประเทศไทยให้หยุดคุกคามและทำร้ายผู้เห็นต่างที่ต่อสู้เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย และเราขอเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งหลาย ขอพวกท่านโปรดมองเข้าไปยังนัยตาของบุคคลที่ยืนอยู่ ณ ปลายกระบอกปืนของท่าน บุคคลผู้มีเลือดเนื้อและความเจ็บปวดเช่นเดียวกับผู้คนที่ท่านรักและห่วงใย พวกเขาเหล่านั้นอาจเป็นใครบางคนที่ท่านเคยรู้จัก อาจเป็นญาติพี่น้องห่างๆ ที่ท่านเคยพบ พวกเขาอาจเป็นอนาคตมิตรสหายที่ดีในวันที่ท่านทนทุกข์ หรืออาจเป็นอดีตเพื่อนร่วมสุขที่ ณ ภูมิลำเนา ทั้งพวกเขาและท่านต่างเป็นมนุษย์ผู้มีความเจ็บปวด ความขุ่นเคือง ความสุข และความเศร้าเช่นเดียวกัน และด้วยภาระหน้าที่ อาชีพ หรือคำสั่งที่ทำให้พวกท่านจำเป็นต้องยืนอยู่หลังแนวโล่ตรงอีกฟากฝั่งของท้องถนน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ท่านจำเป็นต้องเห็นเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าของพวกท่านเป็นศัตรู พวกเราเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจว่า ในบรรดาพวกท่านทั้งหมด ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว ที่ตัดสินใจเข้ารับราชการเพื่อก้าวเท้าออกจากบ้านด้วยความมุ่งหวังที่จะทำร้ายบุคคลที่ท่านไม่เคยแม้แต่จะเคยพบหน้าค่าตา คำสั่งของเผด็จการไม่อาจเปลี่ยนให้ท่านกลายเป็นปีศาจ เช่นเดียวกับความขัดแย้งทางการเมือง ที่ไม่เคยหยุดพวกเราให้เชื่อมั่นว่า สักวันท่านจะหวนกลับมายืนอยู่เคียงข้างประชาชน พวกเราประชาชนต่างมุ่งหวังและใฝ่ฝันถึงสังคมที่ดีกว่า สังคมที่พวกท่านจะไม่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจกดขี่ของไคร สังคมที่พวกท่านจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ และเพื่ออนาคตของตัวท่าน และพวกเราทุกคน โปรดกลับมายืนอยู่เคียงข้างประชาชน การเคารพสิทธิของตนเองมีอะไรบ้าง2. แนวทางการปฏิบัติตนในการเคารพสิทธิของตนเองและผู้อื่น
1. เคารพสิทธิของกันและกัน โดยไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น สามารถแสดงออกได้หลายประการ เช่น การแสดงความคิดเห็น การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เป็นต้น 2. รู้จักใช้สิทธิของตนเองและแนะนำให้ผู้อื่นรู้จักใช้สิทธิของตนเอง
การเคารพสิทธิหน้าที่ต่อผู้อื่นสามารถทำได้อย่างไรบ้างเคารพสิทธิของกันและกัน โดยไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น สามารถแสดงออกได้หลายประดาร เช่น การแสดงความคิดเห็น การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เป็นต้น. รู้จักใช้สิทธิของตนเองและแนะนำให้ผู้อื่นรู้จักใช้สิทธิของตนเอง. สิทธิและเสรีภาพมีเรื่องอะไรบ้างสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย • สิทธิในความเป็นบุคคล • สิทธิในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน • เสรีภาพในการเดินทางและการเลือกถิ่นที่อยู่ • เสรีภาพในเคหะสถาน สิทธิพื้นฐานของคนไทยในรัฐธรรมนูญ (ต่อ) เสรีภาพในการนับถือศาสนา • เสรีภาพในการสื่อสาร • เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น • เสรีภาพในการประกอบอาชีพ
สิทธิของปวงชนชาวไทยมีอะไรบ้างบอกมา 3 ข้อเสรีภาพในการนับถือศาสนา ประชาชนจะเลือกนับถือศาสนาใดก็ได้ที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เสรีภาพทางการเมือง ประชาชนมีเสรีภาพในการรวมตัวการตั้งพรรคการเมืองตามระบบประชาธิปไตย เสรีภาพของสื่อมวลชน สื่อมวลชนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสนอข่าวสาร ได้อย่างอิสระ
|