การนํา smart contract ไปใช้งานจําเป็นที่ต้องพิจารณาข้อจํากัด ดังนี้

  • ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
  • [ประกาศ ก.ล.ต.]
  • [ปี 2561]
  • [กจ. 16/2561 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขแ...

Best Viewed in Chrome and Firefox
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
333/3 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
โทรศัพท์ 1207 หรือ 0 2033 9999 โทรสาร 0 2033 9660
e-mail :

*นี่คือการแนะนำคำศัพท์ฉบับผู้เริ่มต้น

ศัพท์เบื้องต้นวงการคริปโตเคอร์เรนซีประจำวันนี้ขอเสนอคำว่า ‘Smart Contract’ อีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญของวงการสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ถ้าไม่มีก็คงไม่ได้

ก่อนหน้านี้เราคุยกันไปในเรื่องของคริปโตฯ ซึ่งดำเนินการ (run) อยู่บนระบบบล็อกเชน (blockchain) ซึ่งบนบล็อกเชนมีอีกส่วนสำคัญที่ไม่ใช่แค่การสร้างเหรียญขึ้นมาลิสต์บนกระดาน exchange และโอนย้ายหรือเทรดกันไปมาเท่านั้น แต่มี ‘Smart Contract’ ด้วย

Smart Contract คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กซึ่งถูกเก็บไว้ในรูปของบล็อกเชน และถ้าแปลอย่างตรงไปตรงมาก็คือ ‘สัญญาอัจฉริยะ’ ซึ่งเป็นได้ทั้งสัญญาว่าจ้าง การซื้อขาย หรือสัญญาของเอกสาร แต่แตกต่างจากสัญญาทั่วไปตรงที่สัญญาแสนฉลาดที่ว่านี้สามารถบันทึกข้อมูล ข้อตกลงสัญญา และสามารถยืนยันตัวเองได้ มันดำเนินการได้ด้วยตัวเองเมื่อเงื่อนไขที่ถูกเขียนไว้ครบถ้วน และกระจายสำเนาไปถึงทุกคนในระบบให้ตรวจสอบกันเอง โดยไม่ต้องมี ‘ตัวกลาง’ หรือมีคนมานั่งตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ซึ่งข้อดีที่สุดของมัน คือ การที่ไม่มีใครโกงสัญญาดังกล่าวได้ เพราะหากต้องการแก้ไขสัญญาต้องตามแก้ไขทุกสำเนาที่ถูกกระจายไปก่อนหน้านั้น

การทำงานของ Smart Contract ที่น่าสนใจในโลกคริปโตฯ

การทำงานเบื้องต้น คือ เมื่อคุณเขียนโค้ดโดยบอกว่า ‘ถ้าเกิด…แล้วจะเกิด…’ แล้วนำโค้ดไปใส่บนบล็อกเชน Smart Contract ก็จะพร้อมทำงาน

ในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล มีหลายบล็อกเชนที่สนับสนุนการทำงานของ Smart Contract—ที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือ ‘Ethereum’ ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานของสัญญาอัจฉริยะโดยเฉพาะ โดย วิตาลิก บูเจริน (Vitalik Buterin) ผู้พัฒนา Ethereum บอกว่า บล็อกเชนไม่ใช่แค่ใช้โอนเงินหากันไปมา มันสามารถประมวลผลโค้ด บันทึกการเปลี่ยนแปลงทุกข้อมูลลงในนั้นได้ จึงสร้าง Ethereum ขึ้นมาเป็นบล็อกเชนตัวแรกที่มาพร้อมกับสามารถในการประมวลผลโค้ด และได้นิยาม Smart Contract ว่าคือการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์หรือเงินตราเข้าไปในตัวโปรแกรม และโปรแกรมนี้จะทำงานด้วยตัวของมัน ในจุดหนึ่งมันจะทำการเช็กเงื่อนไขว่า สินทรัพย์นี้ควรจะถูกส่งต่อไปที่ใคร หรือควรจะถูกโอนคืนกลับไปให้เจ้าของ

บนการทำงานของ Ethereum ผู้ใช้งานสามารถเขียน Smart Contract เชื่อมต่อกับอะไรก็ได้ โดยสัญญาจะทำงานเมื่อใส่เหรียญ Ethereum (ETH) เข้าไปในตัวสัญญานั้นๆ โดยระบุกฎระเบียบระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเอาไว้ด้วย ซึ่งทำให้มีหลายบริการเกิดขึ้นบนบล็อกเชน Ethereum นั่นเอง อย่างเรื่องการเทรดหรือประมูล NFT ก็คือหนึ่งในนั้น

หรือทางด้านเกม ‘Cryptokitties’ ก็เป็นเกมที่สร้างบนบล็อกเชน และใช้สัญญาอัจฉริยะในการบันทึกกระบวนการแลกเปลี่ยน ผสมพันธุ์ รับเลี้ยงแมวในเกม

นอกจากนี้ยังมีบล็อกเชนอื่นๆ ที่รองรับ Smart Contract อย่าง ‘NXT’ แต่เป็นสัญญาแบบสำเร็จรูป เขียนเองเพิ่มเติมไม่ได้

ว่าแล้วก็เช็กลิสต์ความสามารถของสัญญาอัจฉริยะกันอีกที โดยมีดังนี้

– ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

– ข้อมูลที่บันทึกไว้จะอยู่ตลอดไป หากมีการเปลี่ยนแปลงสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้

– ทุกคนสามารถเข้าถึงและดูโค้ดได้ว่าเขียนอะไรไว้บ้าง

– สัญญาอัจฉริยะทำงานและยืนยันตามเงื่อนไขที่ระบุไว้อัตโนมัติ

Smart Contract ปรับใช้กับอะไรได้บ้าง?

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นแล้วกัน ยกตัวอย่างที่เก่าแก่ที่สุดของ Smart Contract นั่นก็คือ ‘ตู้กดของอัตโนมัติ’ (vending machine) เมื่อคุณใส่เงินเข้าไปตามจำนวนที่กำหนด ตู้ก็จะออกสินค้าที่เราเลือกให้โดยอัตโนมัติ ทอนเงินอัตโนมัติ แต่ถ้าเงินใส่ไปไม่พอ มันก็จะแจ้งให้เราใส่เงินเพิ่ม จนกระทั่งสินค้าไหลลงมาจากเครื่องเมื่อ ‘เงื่อนไข’ —ซึ่งก็คือคำสั่งและจำนวนเงิน—ใส่ลงไปครบ

หรือในชีวิตประจำวัน หากนาย B ซื้อรถจากนาย A ปกติเมื่อนาย B โอนเงินให้แล้ว นาย A จะต้องทำการตรวจสอบยอดโอนว่าเข้าจริงหรือไม่ ยอดครบไหม แต่หากมี Smart Contract เมื่อนาย B โอนเงินครบตามเงื่อนไข สัญญาจะดำเนินการอัตโนมัติ และโอนสิทธิ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ให้นาย B ทันที

Siam Blockchain เคยยกตัวอย่างอื่นๆ ไว้อย่างน่าสนใจด้วยถึงความสามารถของ Smart Contract เช่น การที่มันสามารถปรับใช้กับการทำงานโครงสร้างใหญ่ของสังคมอย่าง ‘การทำใบขับขี่’ ได้ด้วย คือ เมื่อต้องการต่อใบขับขี่ กรมขนส่งจะส่งข้อสอบมาให้ทำในออนไลน์ หลังจากทำเสร็จ สัญญาอัจฉริยะจะรับหน้าที่เช็กว่าผลสอบผ่านเกณฑ์หรือไม่ ถ้าผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ข้อมูลการสอบครั้งนี้ก็จะบันทึกไว้ จากนั้นผู้สอบก็โอนคริปโตฯ เป็นค่าเอกสาร เมื่อ Smart Contract ตรวจสอบว่า สอบผ่าน จ่ายเงินครบ ถือว่าบรรลุเงื่อนไขสัญญาที่ตั้งไว้ ก็จะทำการส่งใบขับขี่ให้ ซึ่งใบขับขี่ก็จะมาในรูปแบบดิจิทัลและถูกบันทึกไว้บนบล็อกเชนเช่นกัน

แน่นอนว่าในอนาคต Smart Contract น่าจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ และเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันผู้คนได้ไม่ยาก และช่วยลดการทำงานเอกสารของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคำถามว่าหากเกิดการรันโค้ดผิดพลาด หรือโค้ดถูกทำลาย (ซึ่งมันใช้คำสั่งทำลายได้) เราจะฟ้องร้องใคร ฟ้องร้องกับบล็อกเชนได้หรือไม่ (ถ้าการเงินดั้งเดิมธุรกรรมผิดพลาดยังมีธนาคารแก้ปัญหา) ดังนั้นสัญญาอัจฉริยะจึงเป็นเทคโนโลยีที่ยังคงต้องถูกพัฒนาต่อ เพื่อให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

อ้างอิงข้อมูลจาก
support.bitkub.com

siamblockchain.com

medium.com

nuuneoi.com

www.etda.or.th

You might also like

Share this article