พระ อภัย มณี ครอง ชีวิต คู่ กับ นางผีเสื้อสมุทร ข้อใด กล่าว ไม่ถูก ต้อง

พระ อภัย มณี ครอง ชีวิต คู่ กับ นางผีเสื้อสมุทร ข้อใด กล่าว ไม่ถูก ต้อง

Advertisement

พระอภัยมณี  ถูกนางผีเสื้อสมุทรจับตัวไป ขังไว้ในถ้ำ นานกว่า  8 ปี จนมีลูกด้วยกัน 1 คน คือ สินสมุทร ซึ่งอายุครบ 8 ปี พอดี แล้วอยู่มาวันหนึงพระอภัยมณีก็ให้ลูกเปิดปากถ้ำ และให้ครอบครัวเงือกพาหนี  จนเป็นเหตุให้เงือกตา เงือกยายที่พาหนี ต้องตายหมด และนางผีเสื้อ ต้องตายไป 

                  "ถ้านักเรียนเป็นพระอภัยมณี  นักเรียนจะหนีจากนางผีเสื้อสมุทรไหม"     เป็นคำถามที่ถามนักเรียนใน ขณะที่เรียนเรื่องพระอภัยมณี  นักเรียนตอบเป็นเสียงเดียว  หนีค่ะ  / หนีครับ  

                "เพราะอะไร ถึงต้องหนี อยู่กันมาตั้ง 8 ปี จนมีลูกด้วยกัน 1 คน และนางผีเสื้อสมุทรก็รัก รักพระอภัยมาก ดูแลทุกอย่าง"  นักเรียนคิด ๆ  แล้วตอบว่า    " หนีเพราะ ไม่รัก"  

               "ใช่แล้ว  พระอภัยไม่รักนางผีเสื้อสมุทรเลย"   ถึงจะมีลูกด้วยกันก็ยังหนี 

              บางคนก็ว่า น่าสงสารนางผีเสื้อสมุทรนะ  ถูกผัวทิ้ง    นานาความคิด ของนักเรียน ม.3 

             คำถามต่อไป   " นักเรียนคิดว่า เหตุการณ์แบบนี้ ในปัจจุบันนี้ มีไหม"  

                                   "มีอาจารย์  มี  ขนาดไม่ใช่ผีเสื้อสมุทร และไม่ได้ถูกลักพาตัว  ยังพาลูกหนีเมียเลยก็มี"    แล้วก็มีเสียงหนึ่งตามมา   

                                "เดี๋ยวสินสมุทร ก็เป็นเด็กมีปัญหา ครอบครัวแตกแยก" 

แล้วชั่วโมงนั้นก็ไปถึง เรื่องปัญหาครอบครัวโดยไม่ได้ตั้งใจ ...... พระอภัยมณีก็ไม่จบอีก ไว้ต่อชั่วโมงต่อไป .......

  ฝ่ายเงือกน้ำคำนับอภิวาท ข้าพระบาททราบสิ้นทุกถิ่นฐาน
อันน้ำนี้มีนามตามบุราณ อโนมานเคียงกันสีทันดร
เป็นเขตแคว้นแดนที่นางผีเสื้อ ข้างฝ่ายเหนือถึงมหิงษะสิงขร
ข้างทิศใต้ไปเกาะแก้วมังกร หนทางจรเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา
ไปกลางย่านบ้านเรือนหามีไม่ สมุทรไทซึ้งซึกลึกหนักหนา
แต่สำเภาชาวเกาะเมืองลังกา เขาแล่นมามีบ้างอยู่ลางปี
ถ้าเสียเรือเหลือคนแล้วนางเงือก ขึ้นมาเลือกเอาไปชมประสมศรี
เหมือนพวกพ้องของข้ารู้พาที ด้วยเดิมทีปู่ย่าเป็นมานุษย์
อายุข้าห้าร้อยแปดสิบเศษ จึงแจ้งเหตุแถวทางกลางสมุทร
แม้นจะหนีผีเสื้อด้วยแรงรุทร เห็นไม่สุดสิ้นแดนด้วยแสนไกล
แต่โยคีมีมนต์อยู่ตนหนึ่ง อายุถึงพันเศษถือเพศไสย
อยู่เกาะแก้วพิสดารสำราญใจ กินลูกไม้เผือกมันเป็นพรรณผลา
พวกเรือแตกแขกฝรั่งแลอังกฤษ ขึ้นเป็นศิษย์อยู่สำนักนั้นหนักหนา
ด้วยโยคีมีมนต์ดลวิชา ปราบบรรดาภูติพรายไม่กรายไป
แม้นพระองค์ทรงฤทธิ์จะคิดหนี ถึงโยคีเข้าสำนักไม่ตักษัย
เผื่อสำเภาเขาซัดพลัดเข้าไป ก็จะได้โดยสารไปบ้านเมือง
แต่ทางไกลไม่น้อยถึงร้อยโยชน์ ล้วนเขาโขดคีรีรัตน์ขนัดเนื่อง

/a>

ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก


            ฝ่ายเงือกน้ำเมื่อรู้ว่าพ่อแม่ถูกนางผีเสื้อฆ่าตายก็เศร้าโศกเสียใจ เข้ามาลาพระอภัย ขอตายตามพ่อแม่ของตน พระอภัยจึงปลอบโยน และรับว่าจะอุปถัมภ์ และขออยู่พึ่งบุญบารมีของพระโยคี  นางเงือกน้ำจึงค่อยคลายใจ พระอภัยจึงขอให้พระโยคีให้นางได้อาศัยอยู่ด้วย พระโยคีก็ยินดีแล้ว เสกด้ายสายสิญจน์ให้นางสวมไว้ป้องกันภัย พระอภัยกับโอรสก็ได้อาศัยอยู่กับพระโยคี ให้โอรสได้เรียนวิชาไสยเพทพระเวทมนต์จากพระโยคี
            ฝ่ายพระอภัยเมื่อค่อยสร่างโศกแล้วก็คิดถึงนางเงือกน้ำ จึงไปหา ณ ที่อยู่ บอกว่าคิดถึงบุญคุณของนางเงือกที่พาหนีรอดมาได้ ในที่สุดทั้งสองก็ได้เสียกัน
เจ้าโฉมงามทรามสงวนนวลละออง อย่าขัดข้องคิดหมางระคางใจ
ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์ ไม่จำกัดห้ามปรามตามวิสัย
นาคมนุษย์ครุฑาสุราลัย สุดแต่ใจปรองดองจะครองกัน ฯ

ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล


  จะกล่าวเรื่องเมืองผลึกราชฐาน  ป้อมปราการเชิงเทินล้วนเนินผา
ซุ้มทวารบานบังใบเสมา ล้วนศิลาเลื่อมลายดูพรายพราว
มีปราสาทสูงเยี่ยมขึ้นเทียมเมฆ อดิเรกรุ้งฟ้าเวหาหาว
นภศูลแสงแก้วดูแวววาว ดังดวงดาวเด่นกระจ่างอยู่กลางวัน
พระโรงธารชานพักตำหนักแก้ว แต่ล้วนแล้วด้วยมุกดาฝาผนัง
ทั้งเสื้อผ้าเงินทองสิบสองคลัง ก็มั่งคั่งยิ่งกว่าทุกธานี
อันไพร่ฟ้าประชาชนออกล้นหลาม นิคมคามประเทศล้วนเศรษฐี
ทั้งโหราพฤฒามาตย์ราชกวี ชาวบุรีเริงรื่นทุกคืนวัน
พระนามท้าวเจ้าบุรินทร์สิลราช พระนางนาฎนามมิ่งมณฑาสวรรค์
มีบุตรีศรีนลาฎดังดวงจันทร์ ชื่อสุวรรณมาลีนีรมล
เจ้าลังกามาขอให้โอรส ได้กำหนดนัดวิวาห์สถาผล
ถึงเดือนเก้าเขาจะแต่งการมงคล แต่กุศลสองไม่เคยได้เชยชม ฯ
            ฝ่ายพระบุตรีฝันว่าได้ไปชมชลาลัย เห็นดวงแก้วแววสว่างอยู่กลางเกาะ นางก็เหาะลอยลิบไปหยิบได้ เมื่อตื่นขึ้นก็เสียใจ ไม่แต่งองค์สรงเสวยและไสยาสน์ พี่เลี้ยงจึงนำความไปทูลพระบิดา ท้าวสิลราชได้ทราบความแล้วจึงให้โหรทำนาย โหรทำนายว่าดีร้ายพอกึ่งกัน จะจากไกลไอศวรรย์ จะลือลั่นโลกาทั้งธานี จะได้คู่สร้างแล้วได้ครองเมือง ท้าวสิลราชจึงให้จัดเรือ เพื่อพาพระธิดาไปชมเขาลำเนาเกาะ จะได้สิ้นเคราะห์เนื่องจากว่าได้จากเมืองไปตามคำทำนาย ฝ่ายมนตรีกรมท่าในก็ไปเตรียมเรือออกเดินทาง
ต่างยุดเสาสำเภาใส่ทั้งใบผ้า  เลือกล้าต้าต้นหนล้วนคนแข็ง
ปืนฝรั่งกังก้าทั้งหน้าท้าย มีปืนรายรอบข้างสล้างสลับ
 แล้วลอยเลื่อนเคลื่อนคลามาประทับ คอยเรียงรับอยู่ที่ท่าหน้าธานี
ฯลฯ
พระทรงนั่งยังแท่นท้ายบาหลี ฝูงนารีแซ่ซ้องอยู่ห้องกั้น
เหล่าล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น  เร่งให้ขันกว้านโห้โล้สำเภา
ทั้งหน้าหลังดั้งกันลั่นม้าล่อ แล้วขันช่อชักใบขึ้นใส่เสา
พอออกอ่าวลมอุตรามาเพลาเพลา แล่นสำเภาผางผางมากลางชล
ฯลฯ
ชมมัจฉาสารพัดพวกสัตว์ร้าย เห็นคล้ายคล้ายว่ายเคล้าสำเภาจร
ฝูงกระโห้โลมาขึ้นคลาคล่ำ บ้างผุดดำเคลื่อนคล้อยลอยสลอน
ทั้งกริงกรางเต่าปลาในสาคร เที่ยวสัญจรหากินในสินธู
ฝูงฉลามล้วนฉลามมาตามคลื่น ฉนากตื่นชมฉนากไม่จากคู่
ปลาวาฬวนพ่นฟองขึ้นฟ่องฟู ทั้งราหูเหราสารพัน ฯ
            เป็นกองกรรมจำเพาะจะจากกัน เกิดลมสลาตันพัดมาตั้งแต่เย็นจนเที่ยงคืนก็ยังไม่สงบ เรือผจญคลื่นอยู่ในทะเลถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน พวกล้าต้าต้นหนก็ทูลท้าวสิลราช ให้ทั้งบายศรีเพื่อบวงผีถามทางกลางคงคา ท้าวสิลราชก็โปรดให้ทำตามที่เสนอก็ได้ความว่า ให้เดินเรือไปทางทิศอีสาน ก็จะพบผู้วิเศษข้างเพทไสย แล้วให้ถามหนทางต่อไป
            ฝ่ายสำเภาของพวกตามเสด็จก็กลับเข้ากรุงแล้วไปทูลความให้อัครเทวีทราบ พระอัครเทวีจึงให้โหรพยากรณ์ โหรจับยามดูแล้วก็รู้ว่า ชายจะวายชีวี แต่สตรีจะได้มาแต่ช้านาน แต่จะทำนายไปตามจริงก็เกรงว่า ทางอัครเทวีจะเศร้าโศรกเสียใจ จึงทายดีเข้าไว้ว่า อีกสองปีจึงจะกลับมา พระนางได้ฟังจึงคลายโศก แล้วหารือกับเสนีที่จะคิดอ่านต่อไป มหาอำมาตย์ทูลว่าขอให้เกณฑ์เรือสักห้าร้อย ไปเที่ยวปักธงทุกเกาะ เขียนหนังสือแจ้งไว้ว่า ทุกแห่งบอกหนทางไปยังเมืองผลึก
            ฝ่ายท้าวลังกาซึ่งมานัดวันวิวาห์จึงสั่งให้อุศเรน ผู้เป็นบุตร ยกกำลังทางเรือมาห้าพัน เมื่อมาถึงอ่าวเมืองผลึก ก็ยิงปืนเป็นสัญญา แล้วจอดทอดสมอคอยฟังข่าวจากชาวบุรี
            ฝ่ายอัครชายาทราบความแล้ว ก็ให้เสนาผู้ใหญ่ไปแจ้งความให้ท้าวเจ้าเกาะลังกาว่า ท้าวสิลราชไม่ได้อยู่ในเมือง ขอให้องค์อุศเรนคอยพระธิดาอยู่ธานี ท้าวเจ้าลังกาได้รับแจ้งเหตุ จึงตรัสบอกอุศเรนให้ตรึกตรองดูว่า ควรจะทำอย่างไรต่อไป อุศเรนมีความเสียดายนางสุวรรณมาลียิ่งนัก แล้วคิดเห็นว่าถ้าจะกลับลังกาก็น่าอดสู ครั้นจะอยู่ก็อายหน้า จึงคิดที่จะไปตามนาง โดยให้พระบิดากลับไปกรุงลังกา แล้วอุศเรนก็ยกกองเรือออกทะเลไป ตั้งใจว่าหากไม่พบนางก็จะไม่เดินทางกลับ

ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี

            กล่าวถึงพระอภัยมณีกับสินสมุทอยู่กับพระโยคี ก็ได้หัดภาษาฝรั่ง ทั้งจีน จาม จนพูดคล่องทั้งสองคน อยู่ต่อมาเกิดศรัทธาในธรรม จึงขอบวชกับพระโยคี พร้อมกับสินสมุท
            กล่าวถึงสำเภาท้าวสิลราช ถูกลมพัดลอยน้ำไปถึงสิบห้าคืน ก็มาถึงเกาะแก้วพิสดาร จึงพากันไปพบพระโยคี ได้ไต่ถามทุกข์สุขกันแล้ว พระโยคีก็เล่าเรื่องของพระอภัยกับสินสมุทที่ได้มาอยู่ที่เกาะนี้ ท้าวสิลราชได้ไต่ถามพระอภัยมณี ถึงเรื่องหนหลัง พระอภัยก็แจ้งให้ทราบทุกประการ ท้าวสิลราชทราบเรื่องวิชาเป่าปี่ของพระอภัยแล้ว ก็อยากฟัง พระอภัยจึงให้สินสมุทลาสิกขา แล้วเป่าปี่ให้ฟังแทน

จึงลาศีลทรงภูษาผ้าสไบ ถือปี่ไปยังสาลาหน้าคีรี
ประณตนั่งบังคลบรมนาถ อยู่ริมอาสน์อัยกาตาฤาษี
ภาวนาอาคมให้ลมดี แล้วเป่าปี่แปลงเพลงวังเวงใจ
ทำแหบหวนครวญว่าสาลิกาแก้ว ค่ำลงแล้วขวัญอ่อนจะนอนไหน
หนาวน้ำค้างพร่างพรมพนมไพร จะหนาวใจสาลิกาทุกราตรี ฯ
            บรรดาผู้ที่ได้ฟังเพลงปี่ต่างก็หลับกันหมด พระอภัยได้เข้าไปชมพระธิดาอย่างใกล้ชิด ก็เกิดความรักแล้วให้สินสมุทหยุดเป่าปี่ จากนั้นจึงไปตีระฆังปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้น พระโยคีบอกให้สินสมุทไปขอเป็นบุตรพระธิดา สินสมุทก็มีความยินดี พระธิดาก็รับไว้ จากนั้น ท้าวสิลราชก็ถามทางกลับเมืองจากพระโยคี พระโยคีพิเคราะห์ตามสังเกตุข้างเพทไสย ก็รู้ว่าพระอภัยจะได้คู่ ส่วนท้าวสิลราชและไพร่พลทั้งหลายจะวอดวาย เพราะกรรมตามมาทัน จึงกล่าวคำเป็นท่ามกลางว่า กรุงผลึกนั้นอยู่ทางทิศอีสาน เส้นทางที่ไปนั้นกันดารมาก ให้เอาเสบียงจากเกาะแก้วพิสดารเตรียมไปใช้
            ฝ่ายพระอภัยได้ไปขออนุญาตพระโยคี ขอเดินทางกลับไปพร้อมกับพระธิดาและสินสมุท พระโยคีจึงฝากพวกแขกฝรั่ง ที่ค้างอยู่บนเกาะไปด้วย โดยพระโยคีฝากไปกับท้าวสิลราช โดยที่พระอภัยยังอยู่ในเพศโยคี