Show แยกขยะให้ถูกวิธี ดีต่อเรา ดีต่อโลก! รู้จักของประเภทถังขยะกัน! ขยะอินทรีย์ คือ ขยะที่เน่าเสียและย่อยสลายได้เร็ว เช่น เศษอาหาร เปลือกผลไม้ เศษผัก เนื้อสัตว์ เศษใบไม้แห้ง ประโยชน์จากการแยกขยะ : นำไปทำปุ๋ยหมักชีวภาพ ใส่ต้นไม้ แปลงผักสวนครัวได้ 2. ถังขยะสำหรับขยะทั่วไป (สีน้ำเงิน) เป็นขยะที่มักจะย่อยสลายไม่ได้ หรือย่อยสลายยากแต่ไม่เป็นพิษและไม่คุ้มค่าต่อการรีไซเคิล จำเป็นต้องหาวิธีกำจัดอย่างถูกวิธี เช่น ซองขนม กล่องโฟม ถุงพลาสติก ภาชนะปนเปื้อนอาหาร กระดาษชานอ้อย ประโยชน์จากการแยกขยะ : นำผ่านเทคโนโลยีการผลิตเพื่อนำกลับมาใช้เป็นวัสดุใหม่ 3.ถังขยะสำหรับขยะรีไซเคิล (สีเหลือง) ขยะรีไซเคิลก็คือขยะที่เราทิ้งไปแล้วสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำอีกครั้งได้ ไม่ใช่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เช่น ขวดพลาสติก, ถุงพลาสติก, ขวดแก้ว, กระป๋อง, กล่องกระดาษ, กระดาษ ประโยชน์จากการแยกขยะ: ผลิตขาเทียม ผลิตหลังคารีไซเคิล ผลิตหลอดไฟ ผลิตจีวรพระสงฆ์ 4. ถังขยะสำหรับขยะอันตราย (สีแดง) ขยะอันตราย คือ ขยะที่มีสารปนเปื้อนวัตถุอันตรายชนิดต่างๆ เช่น สารพิษ วัตถุติดเชื้อได้ วัตถุกัดกร่อน เช่น ถ่านไฟฉาย, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, ยาหมดอายุ, วัตถุไวไฟ, กระป๋องเสปรย์ ประโยชน์จากการแยกขยะ: แยกขยะเพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีตาม เพื่อไม่ไห้รั่วซึมลงแหล่งน้ำ หรือชั้นผิวดิน ส่วนข้อดีของการแยกขยะก็มีมากมาย! ไม่ว่าจะเป็น ช่วยลดปริมาณขยะ ประหยัดงบในการกำจัดขยะ ลดการสิ้นเปลืองพลังงานและทรัพยากร รักษาสิ่งแวดล้อมลดมลพิษในโลก
การแยกขยะ คืออะไร แล้วมัน #ช่วยคุณได้อย่างไรทุกวันนี้ ปัญหาเรื่องการจัดการขยะ ถือเป็นหนึ่งปัญหาระดับโลก เลยก็ว่าได้ ยิ่งมนุษย์มีพัฒนาการด้านความเจริญทางวัตถุมากขึ้น ขยะจากความเจริญ ก็มีมากขึ้น และที่สำคัญ ขยะที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ก็มีมากขึ้นเช่นกัน เรามักจะได้เห็นข่าว เกี่ยวกับปัญหาขยะต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นทางทะเล ต่อสัตว์น้ำ หรือขยะอันตราย ปะปนลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ก่อให้เกิดผลเสียมากมาย คนจำนวนมากทราบถึงข้อมูลเหล่านี้อย่างผ่าน ๆ แต่ในชีวิตประจำวัน อาจจะนึกไม่ถึงว่า ตัวเราคนเดียว มีผลกระทบกับปัญหานี้อย่างไร หรือเราคนเดียว จะช่วยอะไรกับเรื่องนี้ได้บ้าง จึงเป็นธรรมดา ที่จะไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนัก แต่ผมก็เชื่อว่า หลาย ๆ คน ต้องเคยนึกสงสัยเรื่องนี้ ไม่มากก็น้อย ว่า ขยะ ที่เราทิ้ง ๆ กัน ปลายทางของมัน ทิ้งแล้ว ไปไหน? ประเทศไทยเรา เป็นประเทศที่มีการสร้างขยะเฉลี่ยอยู่ที่อันดับ 70-80 ของโลก โดยประชากรหนึ่งคน จะผลิตขยะเฉลี่ย 1.1-1.5 กิโลกรัม ต่อวัน จากข้อมูลปี 59 พบว่าขยะตกค้างในไทย หากนำมากองรวมกัน จะมีขนาดเท่ากับตึกใบหยก 147 ตึกเลยทีเดียว! โดยขยะส่วนมาก 64% เป็นขยะอินทรีย์ เช่น กิ่งไม้ เศษอาหาร อีก 30% เป็นขยะรีไซเคิล 3% เป็นขยะทั่วไป และ 3% เป็นขยะของเสียอันตราย จากจำนวนขยะที่กล่าวมา มีการจัดการที่ถูกต้องตามกรรมวิธี เพียง 49% เท่านั้น ผลกระทบจากกองขยะที่ไม่ถูกนำไปจัดการอย่างถูกต้อง นอกจากการนำไปเผาในที่โล่ง และของเหลวอันตรายที่ซึมออกมาแล้ว เมื่อเกิดการหมักยังทำให้เกิดก๊าซ ที่ส่งผลกระทบต่อมลภาวะทางอากาส เช่น Methane, Carbondioxide และ Hydrogen Sulfide (ก๊าซไข่เน่า) อีกด้วย หากไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในการจัดการ ทั้งในระดับภาครัฐ และระดับท้องถิ่นเกิดขึ้น ขยะทับถมในประเทศจะมีกองขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนวันนึง มันก็จะ..ล้น... หนึ่งในตัวแปรสำคัญของปัญหาในการจัดการขยะคือ การที่ขยะ ปะปนกันจนไม่สามารถแยกได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ปลายทาง ทำให้ไม่สามารถจัดการขยะมูลฝอยได้ตามที่ควรจะเป็น แล้วเราทำอะไรกับมันได้บ้าง?การแยกขยะ ทุกวันนี้ ในครัวเรือนเรามักจะมีถังขยะ ถังเดียว (หรือหลายถังแต่มี Function เดียว) ที่ใช้ทิ้งทุกอย่างรวม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นขยะทั่วไป ทิชชู่ เศษอาหาร ขวดพลาสติก ไปจนถึงสารเคมีหรือขยะอันตราย..โดยที่เราก็ไม่ได้นึกถึงมันมากนัก ว่าสุดท้ายปลายทางมันไปจบที่ไหน...นั่นแหละครับ คือหนึ่งในตัวการสำคัญของปัญหา! ใช่ครับ พวกเราเนี่ยแหละ ต้นตอของปัญหา! 555 ชนิดของขยะที่ถูกแยกได้ง่าย ๆ จากบ้านเราเองเลย มีดังนี้ครับ 1. ขยะย่อยสลายได้ : เศษอาหาร พืชผัก ขยะอินทรีย์ กิ่งไม้ ขยะที่สามารถนำไปผ่านกระบวนการให้กลายเป็นปุ๋ยได้ 2. ขยะรีไซเคิล : ขยะที่สามารถนำไปผ่านกระบวนการรีไซเคิล เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น กระดาษ ขวดพลาสติก แก้ว เศษเหล็ก โลหะ (นำไปขายได้) 3. ขยะทั่วไป : ขยะที่ย่อยสลายยากและไม่คุ้มต่อการรีไซเคิล เช่น ถุงพลาสติก ถุงขนม เศษพลาสติกเช่นซองลูกอม หลอด ฯลฯ 4. ขยะพิษ : ขยะอันตราย เช่นสารเคมี หรือขยะที่มีพิษต้องผ่านกระบวนการกำจัดอย่างถูกวิธีเท่านั้น เช่น หลอดไฟ กระป๋องสี กระป๋องสารเคมี ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า น้ำมันเครื่อง ฯลฯ หากเราสามารถแยกขยะเบื้องต้นได้ดังนี้แล้ว เมื่อขยะถูกลำเลียงไปยังสถานที่จัดการขยะที่ได้มาตรฐาน ขยะเหล่านี้ จะเป็นขยะที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการที่ กำจัดได้ รีไซเคิลได้ หมักปุ๋ยได้ แยกกำจัดเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากที่สุด หรือในกรณีที่กระบวนการจัดการมีประสิทธิภาพ อาจนำไปสร้างเป็นมูลค่าให้กับสังคมและประเทศชาติได้อีกด้วย จากขยะ สู่มูลค่า?ในปัจจุบัน มีหลายประเทศที่นำเอาเทคโนโลยีในการแปรรูปขยะอย่างมีประสิทธิภาพ กลับมาสร้างมูลค่า จากขยะได้อย่างมหาสาร เรามาดูตัวอย่างประเทศเพื่อนบ้านเรากันดีกว่าครับ กับประเทศ สิงคโปร์ (Chart ข้างบนเป็นสถิติปี 2014…ไม่ธรรมดาจริง ๆ ครับ) ประเทศสิงคโปร์ มีระบบจัดการขยะที่น่าทึ่ง หากคำนึงจากวิถีชีวิตแบบเมืองใหญ่ของชาวสิงคโปร์ซึ่งรักการช็อปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจ ในขณะเดียวกัน ชาวสิงคโปร์ ก็รักความสะอาดเป็นชีวิตจิตใจเช่นกัน ด้วยความที่เนื้อที่ในประเทศ เล็กกว่า กทม. ถึง 3 เท่า ประเทศสิงคโปร์จึงมีระบบจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพมาก และสามารถรับมือจัดการกับกระบวนการทุกขั้นตอนได้เป็นอย่างดี โดยเริ่มต้นกระบวนการทั้งหมดจากการนำเรือท้องแบน ขนขยะจากทางตอนเหนือของเกาะ ลงมายังทางตอนใต้สู่เขตที่เรียกว่า “เซมาเกา” ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานเผาขยะและแยกขยะถึง 4 โรงด้วยกัน ขยะจะถูกนำไปแยกอย่างมีประสิทธิภาพ และขยะส่วนที่เผาได้ จะถูกส่งไปยังโรงเผาขยะความร้อนสูง ที่จะทำการเผาขยะ ซึ่งในกระบวนการเผาขยะนี้ พวกเขาสามารถผลิตไฟฟ้าจากการเผาขยะ ได้มากเท่ากับไฟฟ้า 3% ของทั้งประเทศเลยทีเดียว (เยอะมากกกกก นะครับ) ซึ่งทางโรงเผาขยะ ก็จะทำการขายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้กับการไฟฟ้า คิดเป็นมูลค่าหลายสิบล้านบาทต่อปี (เป็นเงินไทยประมาณ 80 ล้านบาท) และเมื่อขยะถูกเผาด้วยกรรมวิธีแบบพิเศษ และความร้อนสูงมาก (900-1200 องศา ) จะเกิดเป็นขี้เถ้าที่มีความละเอียด ซึ่งจะถูกนำมาตรวจสอบก่อนว่า ไม่มีสารเคมีปนเปื้อนเกินปริมาณที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ก่อนจะถูกนำไปใช้ในการถมเกาะ สร้างแผ่นดินใหม่ (ซึ่งแน่นอน มีการล้อมบริเวณและปูแผ่นยางทุกครั้ง เพื่อป้องกันการรั่วไหล แม้ปริมาณสารปนเปื้อนจะแทบไม่มีอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เพราะระเหยไปกับกระบวนการเผาแล้วก็ตาม)
และขยะในส่วนที่เหลือจากกระบวนการนี้ จึงเหลือแต่ขยะ รีไซเคิล ซึ่งสามารถนำกลับไปแปรรูปได้ *เกาะธรรมชาติที่ใช้ขี้เถ้าถม ทางการ ได้มีการจัดตั้งโครงการชื่อ Zero Waste ขึ้นมา โดยมีเป้าหมายว่า ภายในปี 2030 ประเทศจะมีพื้นที่ใช้สอย จากกระบวนการถมที่ด้วยขยะ มากขึ้น 25% จากพื้นที่เดิม และภายในปี 2040
จะสามารถรีไซเคิลและใช้ประโยชน์จากขยะให้ได้มากถึง 90% โดยมีการวางแผนงานให้เพิ่มประสิทธิภาพ ให้ได้ไม่น้อยกว่า 5% ต่อปี นับจากปี 2015 แล้วการแยกขยะ #ช่วยคุณได้อย่างไรสุดท้ายนะครับ ผมเชื่อว่าการแยกขยะ นอกจากจะช่วยเรา จากวิกฤตทางสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสามารถช่วยบ่มเพาะเราในเรื่องของจิตสำนึกร่วมต่อสังคมอีกด้วย (Social Awareness) แม้ว่าปัจจุบัน เราซูมตัวเองกลับมาที่ประเทศไทย ที่การจัดการขยะยังถูกทำอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ และถึงแม้ จะมีหลากหลายโครงการดี ๆ ที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังคงไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ในวงที่กว้างมากพอ ผมยังเชื่อ ว่าพลังของคนเล็ก ๆ หรือประชาชนทั่วไป หากทุกคนมาจากจุดเริ่มต้น ที่เป็นต้นตอของปัญหา คือ "จิตสำนึก" ในสังคมส่วนรวม สถานการณ์จะดีขึ้นแน่ ๆ ครับ ถ้าเรารอหวังพึ่งแต่เจ้าหน้าที่และภาครัฐ ลองคิดดูว่า เราทุกคนสร้างขยะ ทุกวัน แล้วโยนความรับผิดชอบไปให้คนจำนวนน้อยในการจัดการอย่าง 100% ...มันก็คงไม่ถูกต้องถูกมั้ยครับ ถึงแม้มันจะฟังดูโบราณ แต่ผมก็ยังเชื่อในคำว่า "คนละไม้คนละมือ" ว่ามันจะเป็นทางออกที่แท้จริงของปัญหาระดับชาตินี้ เพราะเราทุกคน คือ "ต้นเหตุ" ให้เกิดขยะ ในขณะเดียวกัน เราทุกคนก็สามารถที่จะเป็น "ต้นเหตุ" ในการช่วยเหลือโลกและสังคมที่เราอยู่อาศัย ในการจัดการขยะ ด้วยเช่นกัน เริ่มต้นจากการสร้างจิตสำนึกในครัวเรือน ส่งต่อให้มันเป็นค่านิยม ของมนุษย์รุ่นต่อ ๆ ไป เพื่อโลกที่เรารัก และเพื่อเพื่อนร่วมโลกของเราทุกคน Follow me at Instagram : @Saimake Facebook Fanpage: @SaimakeOfficial |