แต่ทั้งนี้ใช่ว่าประกันภัยทุกประเภทจะนำมาลดหย่อนภาษีได้ทั้งหมด อีกทั้งประกันแต่ละประเภทยังมีเงื่อนไขต่างกัน และนำมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เท่ากัน เพื่อตอบข้อสงสัยประกันตัวไหนลดหย่อนภาษีได้ วันนี้ KTC รวม 4 ประกันลดหย่อนภาษี ตัวช่วยในการลดหย่อนภาษี 2566 เพื่อให้ทุกคนทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจว่าควรเลือกประกันลดหย่อนภาษีแบบไหนดี Show
ลดหย่อนภาษีด้วยการทำประกัน ประเภทของประกันที่ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปี 2566 ได้หลายคนอาจทราบกันดีอยู่แล้วว่าผู้มีรายได้ทุกคน จะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีผ่านการทำประกัน ตามมาตรการของภาครัฐที่ช่วยให้ประชาชนมีหลักประกันทางสังคมสำหรับตัวเองและคนในครอบครัว และนอกจากการทำประกันสังคมแล้ว ยังมีประกันประเภทอื่นที่สามารถนำมาเป็นประกันลดหย่อนภาษีได้ ดังนี้ ประกันชีวิต การทำประกันชีวิต เป็นการให้ความคุ้มครองชีวิตแก่ผู้ทำประกันเอาไว้ และหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ทางบริษัทประกันจะจ่ายเงินคืนตามทุนประกัน พร้อมให้ผลประโยชน์แก่ผู้รับผลประโยชน์ตามสัญญา เช่น บุคคลในครอบครัว คู่สมรส หรือบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการจากไปของผู้ที่ทำประกันชีวิตเอาไว้ทางใดทางหนึ่ง และนอกจากประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ประกันชีวิตแบบ Unit-Linked และประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาแล้ว ประกันสะสมทรัพย์สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน ส่วนคำถามที่ว่าประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ เงื่อนไขมีดังนี้
ประกันชีวิตแบบบํานาญ ประกันชีวิตแบบบํานาญ เป็นการทำประกันชีวิตที่เน้นการออมเงินไว้ใช้ตอนเกษียณ โดยส่วนใหญ่จะต้องจ่ายค่าเบี้ยออม (เบี้ยประกัน) อย่างต่อเนื่องตามเงื่อนไขที่กำหนด จากนั้นจะได้รับเงินคืนเป็นรายปีเมื่อถึงอายุที่ระบุในสัญญา เช่น ได้รับเงินรายปีตั้งแต่อายุ 60 – 80 ปี เป็นต้น สรุปง่าย ๆ คือประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นการลงทุนระยะยาวที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างความมั่นคงในวัยเกษียณให้ตัวเอง (แต่ได้รับสิทธิคุ้มครองชีวิตน้อยเมื่อเทียบกับประกันที่จ่าย) ซึ่งแน่นอนว่าประกันชีวิตบํานาญสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน เงื่อนไขดังนี้
ทำประกันลดหย่อนภาษีอะไรดี ประกันสุขภาพของตัวเอง ประกันสุขภาพเป็นตัวช่วยค่ารักษาพยาบาลทั้งกรณีเจ็บป่วย โรคภัยต่าง ๆ และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นค่าหมอ ค่าห้อง ค่ายา หรือค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ต่าง ๆ ระหว่างพักรักษาตัวในโรงพยาบาล (คุ้มครองและให้วงเงินตามเงื่อนไขที่กำหนด) ซึ่งประกันสุขภาพที่สามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ เช่น ประกันสุขภาพแบบคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล แบบประกันภัยโรคร้ายแรง (Critical Illnesses) แบบประกันภัยการดูแลระยะยาว (Long Term Care) เป็นต้น สำหรับเกณฑ์ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ มีคำตอบดังนี้
ประกันสุขภาพของบิดา - มารดา หมดความกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลของบิดา - มารดา มีรูปแบบประกันครอบคลุมการรักษา ไม่กระทบเงินในกระเป๋า และยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย รายละเอียดดังนี้ การบริหารความเสี่ยง ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนการเงิน เพราะหากเราตั้งหน้าตั้งตาออมเงิน โดยไม่มีการป้องกันความเสี่ยง หรือเหตุไม่คาดฝัน เงินเก็บทั้งหมดที่เรามี ก็อาจหมดลงได้ในพริบตาเดียว การทำประกันคือทางเลือกรับมือกับความเสี่ยงที่น่าสนใจ และในอีกแง่หนึ่ง การทำประกันยังช่วยให้เรามีเงินสะสมสำหรับอนาคต เป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อดูแลตัวเอง และเพื่อคนที่เรารัก ขณะเดียวกันประกันบางรูปแบบยังช่วยให้เราได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกต่อหนึ่ง อย่างประกันสุขภาพ และประกันชีวิต โดยเฉพาะประกันชีวิตจะได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้มากกว่าประกันรูปแบบอื่น ลองมาดูกันว่าประกันชีวิตแบบไหนบ้าง ที่ช่วยให้เราประหยัดภาษีได้ ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไรประกันชีวิตมีหลายรูปแบบให้เลือก แต่ละรูปแบบก็มีเงื่อนไขในการลดหย่อนภาษีที่ต่างกัน ใครที่อยากรู้ว่าประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไร ลองศึกษาได้จากข้อมูลดังนี้ 1. ประกันชีวิตทั่วไปมีหลายรูปแบบ ทั้งลดหย่อนภาษีประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ลดหย่อนภาษีประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา ลดหย่อนภาษีประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ และการลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิตควบการลงทุน 1.1. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life) เป็นประกันชีวิตที่เน้นคุ้มครองชีวิตในระยะยาว แต่จ่ายเบี้ยเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เช่น จ่ายเบี้ยเพียง 20 ปีแรก แต่คุ้มครองชีวิตถึงอายุ 99 ปี 1.2. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance) เป็นประกันที่เน้นความคุ้มครองต่อชีวิตในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หากครบกำหนดคุ้มครองแล้วผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่ ก็จะไม่ได้รับทุนประกันคืน 1.3 .ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment) ประกันชีวิตที่เน้นเรื่องการออมเงิน โดยจะได้ผลตอบแทนตามอัตราที่กำหนดไว้ซึ่งจะมากกว่าเบี้ยประกันชีวิตที่เราจ่ายไป พร้อมทั้งได้รับความคุ้มครองชีวิตด้วย สิทธิ์ลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตทั่วไป (1.1. – 1.3.) : สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทตามจำนวนที่จ่ายจริง หากมีประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ ก็จะลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท เงื่อนไข: ต้องเป็นประกันชีวิตโดยบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยเท่านั้น และต้องมีระยะเวลาคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป กรณีที่ประกันมีการจ่ายเงินคืนทุกปี จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยรายปี หรือหากเป็นการจ่ายเงินคืนตามช่วงเวลา จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสมของแต่ละช่วงเวลา แต่ถ้ามีการเลิกสัญญา หรือเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบ 10 ปี จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีของกรมธรรม์ฉบับนั้นได้อีก พร้อมคืนภาษีย้อนหลังทั้งหมดที่ได้รับการลดหย่อนไป บวกกับดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือนของยอดภาษีที่ต้องจ่าย 1.4 .ประกันชีวิตควบการลงทุน หรือ Investment Linked Life Insurance เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองชีวิต และให้โอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งในเบี้ยประกันจะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1) ส่วนค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายของบริษัทประกัน 2) ส่วนความคุ้มครอง และ 3) ส่วนที่นำไปลงทุน สิทธิ์ลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตควบการลงทุน: ค่าใช้จ่ายส่วนที่ 1) ส่วนค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายของบริษัทประกัน และ 2) ส่วนความคุ้มครอง เมื่อรวมกับประกันชีวิตแบบทั่วไปอื่นๆ สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท โดยประกันต้องมีระยะเวลาความคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป สำหรับส่วนที่ 3) ที่นำไปลงทุนจะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เงื่อนไข : ต้องเป็นประกันชีวิตโดยบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยเท่านั้น และต้องมีระยะเวลาคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป กรณีที่ประกันมีการจ่ายเงินคืนทุกปี จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยรายปี หรือหากเป็นการจ่ายเงินคืนตามช่วงเวลา จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสมของแต่ละช่วงเวลา แต่ถ้ามีการเลิกสัญญา หรือเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบ 10 ปี จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีของกรมธรรม์ฉบับนั้นได้อีก พร้อมคืนภาษีย้อนหลังทั้งหมดที่ได้รับการลดหย่อนไป บวกกับดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือนของยอดภาษีที่ต้องจ่าย 2.ประกันชีวิตแบบบำนาญเป็นประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองในรูปแบบรายได้หลังเกษียณ โดยผู้เอาประกันจะต้องจ่ายเบี้ยไปจนถึงอายุที่กำหนดในสัญญา และบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้เราเมื่อเราเกษียณ สิทธิ์ลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตแบบบำนาญ: สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท (สิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอายุ ได้แก่ กองทุน RMF กองทุน SSF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ และเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ) Tip: หากเราซื้อประกันชีวิตบำนาญเกินกว่าสิทธิ์ลดหย่อนภาษีที่กำหนดไว้ 200,000 บาท เราสามารถแบ่งเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญนี้ไปใช้โควตาของเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปให้ครบสิทธิ์ 100,000 บาทได้ด้วย ก็จะลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิตแบบบำนาญได้สูงสุดถึง 300,000 บาท เงื่อนไข : ประกันชีวิตแบบบำนาญที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ต้องเป็นประกันที่ทำร่วมกับบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยเท่านั้น และต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยกำหนดช่วงอายุในการจ่ายเงินที่ 55 – 85 ปีขึ้นไป และต้องจ่ายเบี้ยครบก่อนได้รับผลประโยชน์ ตารางสรุปสิทธิ์ลดหย่อนภาษีประกันชีวิตประเภทของประกันรูปแบบสิทธิ์ลดหย่อนภาษีประกันชีวิตแบบตลอดชีพลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาทแบบชั่วระยะเวลาแบบสะสมทรัพย์แบบควบการลงทุนค่าใช้จ่ายหลักและส่วนประกันภัยที่มีระยะความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท เมื่อรวมกับประกันชีวิตแบบทั่วไปอื่นๆแบบบำนาญลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท หากไม่ได้ใช้สิทธิ์ในประกันชีวิตแบบทั่วไป สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท โดยแบ่งเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปใช้สิทธิ์ในส่วนของเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไปให้ครบ 100,000 บาท เทคนิค 3 ขั้น เลือกประกันชีวิตลดหย่อนภาษีแบบสุดคุ้ม1. คำนวณภาษีที่ต้องจ่าย โดยคำนวณจากสูตร เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ จากนั้นนำ เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย หากมีรายได้หลายทาง ให้นำรายได้ทั้งหมดที่ไม่ใช่เงินเดือน x 0.5% = ภาษีที่ต้องจ่าย 2. ทำ Checklist สิทธิ์ลดหย่อนภาษี เพื่อตรวจทานดูว่าเรามีสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีจากแหล่งใดบ้าง แล้วจึงวางแผนว่าซื้อประกันชีวิตลดหย่อนภาษีอย่างไรให้ครอบคลุม 3. เลือกซื้อประกันที่ตอบโจทย์ แม้วัตถุประสงค์ของการทำประกันก็เพื่อลดหย่อนภาษี แต่ถ้าจะได้ความคุ้มค่าจริงๆ ก็ควรเลือกให้ตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตด้วย เช่น ลองดูว่าเรายังขาดการวางแผนเกษียณหรือไม่ ถ้าใช่ อาจเลือกประกันชีวิตแบบบำนาญ หรือต้องการสะสมเงิน ก็อาจเลือกประกันแบบสะสมทรัพย์ก็ได้ ที่สำคัญควรหมั่นเช็คความต้องการความคุ้มครองอยู่เสมอว่าระยะเวลาที่เปลี่ยนไป บริบทแวดล้อมของเราเปลี่ยนไปอย่างไร เช่น หากเรามีครอบครัว ก็ควรเพิ่มประกันแบบตลอดชีพไว้เผื่อคนข้างหลัง ฯลฯ จะเห็นได้ว่า ประกันชีวิต จัดเป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่ให้ประโยชน์หลากหลาย ทั้งได้ความคุ้มครองชีวิต ช่วยรับมือจากความเสี่ยง และยังช่วยให้บริหารเงินในกระเป๋าได้ดียิ่งขึ้นจากสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับ หากใครที่ต้องการความคุ้มค่าจากการทำประกันชีวิต และอยากได้ความอุ่นใจจากบริษัทประกันที่ไว้ใจได้ เราขอแนะนำ ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ สมาร์ท เซฟเวอร์ 15/5 ที่ให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี พร้อมความคุ้มครองที่คุ้มค่า ด้วยผลประโยชน์รวมตลอดทั้งสัญญาสูงสุดถึง 587.5% ของทุนประกัน จ่ายเบี้ยประกันสั้นๆ เพียง 5 ปี แต่ได้รับความคุ้มครองถึง 15 ปี ประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี กี่ปี1. เบี้ยประกันชีวิตและเบี้ยประกันสุขภาพที่ทำให้ตัวเอง สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท และตรงตามเงื่อนไขต่อไปนี้ เบี้ยประกันสุขภาพ ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท (ปรับเพิ่มขึ้นจาก 15,000 เริ่มตั้งแต่ปีภาษี 2563) แบบประกันชีวิตต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
ประกันสะสมทรัพย์ ลดหย่อนภาษี ได้เท่าไรเช่น ประกันออมทรัพย์หรือสะสมทรัพย์, ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ, ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา, ประกันชีวิตควบการลงทุน สามารถใช้ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท กรณีซื้อประกันชีวิตให้คู่สมรสตามกฎหมายที่ไม่มีรายได้ จะหักลดหย่อนได้ 10,000 บาท
ค่าเบี้ยประกันชีวิตในข้อใดสามารถหักค่าลดหย่อนได้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท หากไม่ได้ใช้สิทธิ์ในประกันชีวิตแบบทั่วไป สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท โดยแบ่งเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปใช้สิทธิ์ในส่วนของเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไปให้ครบ 100,000 บาท
ลดหย่อนภาษีปี 2565 มีอะไรบ้างรายการสิทธิลดหย่อนภาษีปี 2565. 1. สิทธิลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว ค่าลดหย่อนส่วนตัว ลดหย่อนได้ 60,000 บาท ทุกคนสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้โดยไม่มีเงื่อนไข ... . 2. สิทธิลดหย่อนจากเงินบริจาค ... . 3. สิทธิลดหย่อนจากการออมและลงทุน ... . 4. สิทธิลดหย่อนจากเบี้ยประกัน. |