Show
สามีภรรยาควรจะช่วยกันวางแผนภาษี เพราะการวางแผนภาษีที่ดีจะช่วยให้เสียภาษีถูกต้องและประหยัด ไม่ต้องถูกเจ้าพนักงานประเมินเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง และที่สำคัญไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มให้ปวดใจอีกต่างหาก ซึ่งการวางแผนภาษีสำหรับคู่สมรส มีทางเลือกในการยื่นภาษี ดังนี้ หมายเหตุ 40 (1) คือ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน เช่น เงินเดือน โบนัส 40 (2) – (8) คือ เงินได้อื่นๆ ที่ไม่ใช่เงินเดือน เช่น ค่าคอมมิสชั่น ค่าลิขสิทธิ์ ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่าทรัพย์สิน เงินได้จากวิชาชีพอิสระ และเงินได้ประเภทอื่นๆ
พิจารณาทางเลือกในการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภงด. 90/91) ซึ่งมีอยู่ 3 วิธี ดังนี้
วิธีที่ 1 แยกยื่นแบบแสดงรายการ คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสกัน สามารถแยกยื่นแบบการเสียภาษีได้ ต่างคนต่างยื่นแบบจากรายได้ส่วนตัวของตนเองได้ ไม่ต้องนำรายได้มารวมกัน และสามารถใช้สิทธิหักค่าลดหย่อน และค่าใช้จ่ายแยกกันตามกฎหมายได้เลย
วิธีนี้เป็นการรวมเงินได้ทั้งหมดของทั้ง 2 ฝ่ายเข้าด้วยกัน แล้วนำไปให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ยื่นแบบ สามารถทำได้ 2 วิธี คือ
วิธีที่ 3 แยกยื่นเฉพาะเงินเดือน ส่วนเงินได้อื่นๆ นำไปยื่นรวมในนามอีกฝ่าย สามารถทำได้ 2 วิธี คือ
เงินได้อื่นๆ เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่าบ้าน เงินรับจ้างทำของ เป็นต้น วิธีนี้เหมาะกับคู่สมรสที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเงินเดือนมาก และมีรายได้จากทางอื่นด้วย แต่หักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนในส่วนของเงินเดือนเต็มสิทธิทางกฎหมายแล้ว ทำให้รายได้อื่นที่เพิ่มมา นอกจากจะหักค่าใช้จ่ายเพิ่มไม่ได้ ยังเป็นรายได้ส่วนเพิ่มที่ทำให้ฐานภาษีสูงขึ้น และต้องเสียภาษีมากขึ้น ก็สามารถยื่นแบบเฉพาะเงินเดือน และนำเงินได้อื่นๆ ไปรวมกับอีกฝ่ายที่มีรายได้น้อยกว่า และยังใช้สิทธิค่าลดหย่อน และค่าใช้จ่ายยังไม่เต็มสิทธิ ก็จะช่วยประหยัดภาษีได้มากกว่า
พิจารณาแนวทางการใช้สิทธิลดหย่อน สามารถสรุปได้ดังตารางต่อไปนี้ สิทธิลดหย่อน แยกยื่น รวมยื่น 1. ส่วนตัวและคู่สมรส คนละ 60,000 บาท รวมกันไม่เกิน 120,000 บาท 2. บุตร คนละ 30,000 บาท สำหรับบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไปที่เกิดตั้งแต่ พ.ศ. 2561 ได้คนละ 60,000 บาท รวมกันได้ 60,000 บาท ต่อบุตร 1 คน สำหรับบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไปที่เกิดตั้งแต่ พ.ศ. 2561 ได้คนละ 120,000 บาทต่อบุตร 1 คน 3. บิดามารดา ท่านละ 30,000 บาท บิดามารดาคู่สมรสท่านละ 30,000 บาท ท่านละ 30,000 บาท บิดามารดาคู่สมรสท่านละ 30,000 บาท 4. เบี้ยประกันชีวิต คนละ 100,000 บาท หากคู่สมรสไม่มีรายได้ ลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตของฝ่ายที่ไม่มีเงินได้อีก 10,000 บาท รวมกันไม่เกิน 200,000 บาท (คนละ 100,000 บาท)
5. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมซื้อบ้าน ปีละไม่เกิน 100,000 บาทต่อผู้มีเงินได้ 1 คน สิทธิจะอยู่กับผู้ที่มีชื่อในสัญญาเป็นผู้กู้ โดยเฉลี่ยค่าลดหย่อนตามจำนวนผู้กู้ การลดหย่อนจึงขึ้นอยู่กับลักษณะการกู้
จะเห็นว่าคู่สมรสมีทางเลือกในการวางแผนภาษีและยื่นแบบภาษีที่หลากหลาย และเป็นธรรมมากขึ้น ซึ่งการจะเลือกวางแผนแบบใดให้เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่ว่าแบบใดจะให้ประโยชน์ทางภาษีสูงสุด นั่นคือประหยัดภาษีได้มากที่สุด และอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องทางกฎหมายเป็นสำคัญ จดทะเบียนสมรสลดหย่อนภาษีอย่างไร1. สามีหรือภริยา (คู่สมรส) ของผู้มีเงินได้ หักลดหย่อนได้ 60,000 บาท 2. สามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ ไม่มีเงินได้พึงประเมิน 3. ต้องเป็นสามีหรือภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย (จดทะเบียนสมรสกัน) 4. กรณีจดทะเบียนสมรสระหว่างปี, คู่สมรสตายระหว่างปี หรือหย่าระหว่างปี สามารถหักลดหย่อนคู่สมรสได้
จดทะเบียนสมรสมีผลกับการเสียภาษีไหมกรณีคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสกัน สามารถแยก ยื่นภาษี ได้ ต่างคนต่างยื่นแบบจากรายได้ส่วนตัวของตนเองได้ ไม่ต้องนำรายได้มารวมกัน และสามารถใช้สิทธิหักค่าลดหย่อน และค่าใช้จ่ายแยกกันตามกฎหมายได้เลย ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับกรณีที่ทั้ง 2 ฝ่าย มีรายได้พอๆ กัน เสียภาษีในอัตราฐานภาษีที่ใกล้เคียงกัน และมีค่าลดหย่อนต่างๆ ใกล้เคียงกัน เมื่อ ...
คู่สมรสยื่นภาษีแบบไหนดีวิธีที่ 1 แยกยื่นแบบแสดงรายการ
คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสกัน สามารถแยกยื่นแบบการเสียภาษีได้ ต่างคนต่างยื่นแบบจากรายได้ส่วนตัวของตนเองได้ ไม่ต้องนำรายได้มารวมกัน และสามารถใช้สิทธิหักค่าลดหย่อน และค่าใช้จ่ายแยกกันตามกฎหมายได้เลย
ลดหย่อนคู่สมรสได้กี่บาทค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตร 60,000 บาท ค่าลดหย่อนบุตร คนละ 30,000 บาท ค่าลดหย่อนบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไปที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 คนละ 60,000 บาท
|