ทำไมต้องจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า

ทำไมต้องจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า

บ้านเช่าเป็นสิ่งที่มีมาเนิ่นนานแล้ว ใครที่มีรายได้สูงก็มักจะมีการซื้อบ้านเอาไว้เก็งกำไร บางคนเลือกขายต่อ บางคนใช้วิธีปล่อยเช่า ก็เป็นวิถีที่ทำกันมาตั้งแต่ยุคสมัยก่อน ผู้ให้เช่ามีสิทธิ์หลายอย่างที่ทำได้ในการจะปล่อยเช่า แต่ส่วนเราถ้าอยู่ในฐานะผู้เช่าบ้านล่ะ จะมีสิทธิ์อะไรบ้าง ครั้งนี้เราจะมาบอกเล่าถึงสิทธิ์ของผู้เช่าที่คุณควรจะรู้ จะปกป้องและได้ใช้สิทธิ์ของตัวได้ถูกต้องไม่เสียเปรียบใคร

สิทธิ์ในเรื่องค่าเช่าล่วงหน้า

ในสมัยก่อนผู้ให้เช่ามักจะมีการขอเก็บเงินค่าเช่าล่วงหน้า 2 – 3 เดือนเสมือนเป็นเงินประกันการเช่าบ้าน ป้องกันการย้ายออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าของผู้ขอเช่า ซึ่งเงินตรงส่วนนี้อันที่จริงแล้วก็จะเป็นเงินคนละส่วนกับเงินประกันค่าเช่า เรื่องนี้ปฏิบัติตาม ๆ กันมาจนเสมือนเป็นกฎเกณฑ์ ผู้ที่ให้เช่าแทบทุกที่ก็จะทำแบบนี้ แต่ปัจจุบันกฎเกณฑ์ตรงนี้เปลี่ยนไปแล้ว

เนื่องจากได้มีประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2561 ที่เป็นดั่งพรบ.คุ้มครองผู้เช่าออกมาว่า ผู้ที่ให้เช่าที่พักอาศัย ไม่มีสิทธิ์ในการขอเรียกเก็บค่าเช่าบ้านล่วงหน้าเกิน 1 เดือน ดังนั้น ผู้ขอเช่าควรรู้เอาไว้ว่าการชำระค่าเช่าล่วงหน้าเพียง 1 เดือนนั้นเป็นสิทธิ์ของเราที่พึงกระทำได้ตามกฎหมาย ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิ์เรียกรับเกินจากนี้

สิทธิ์ในการยกเลิกการเช่า

ไม่ว่าจะเป็นการเช่าบ้าน หรือที่พักอาศัยในรูปแบบอื่น ๆ ทุก ๆ ที่ก็จะต้องมีการทำสัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการ ซึ่งโดยปกติแล้ว เนื้อหาในหนังสือสัญญานั้นจะมีการระบุวันเวลา รวมไปถึงระยะเวลาในการเช่าอย่างชัดเจน รายละเอียดเนื้อหาตรงนี้ มักจะทำให้ผู้ขอเช่าเข้าใจผิดไปว่าไม่สามารถยกเลิกการเช่าก่อนอายุสัญญาที่ระบุไว้ได้ ถ้ายกเลิกก่อนจะเสียค่าปรับ ถูกริบเงินมัดจำ

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในวันนี้พรบ.คุ้มครองผู้เช่าระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้ขอเช่ามีสิทธิ์ยกเลิกการขอเช่าได้ตลอด สามารถยกเลิกได้โดยจะไม่มีการเสียค่าปรับหรือถูกริบเงินแต่อย่างใด เพียงแต่การขอยกเลิกนั้นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการแจ้งขอยกเลิกการเช่าล่วงหน้าแก่ผู้ให้เช่า ซึ่งจะต้องมีการแจ้งล่วงหน้า 30 วัน ถ้าทำตามนี้ก็ยกเลิกการเช่าได้แบบไร้ปัญหา

สิทธิ์ในเรื่องการจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟตามจำนวนที่ใช้จริง

เรื่องการเก็บค่าน้ำ-ค่าไฟดูจะเป็นปัญหาระหว่างผู้ให้เช่ากับผู้ขอเช่ามาเนิ่นนาน โดยมากแล้วผู้เช่าที่พักอาศัยไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดก็มักจะมีวิธีการคิดอัตราค่าน้ำ-ค่าไฟตามแบบของตน บางแห่งคิดแบบอัตราใหม่ตามกฎเกณฑ์ของตน บางแห่งก็คิดในอัตราเหมาจ่าย/เดือน ตรงนี้ทำให้ผู้ขอเช่าส่วนใหญ่ไม่ทราบอัตราการใช้น้ำและไฟที่แท้จริง

แต่กฎหมายฉบับใหม่ได้ให้สิทธิ์ตรงนี้แก่ผู้เช่าแล้ว ปัจจุบันกฎหมายได้ทำการคุ้มครองผู้เช่า โดยไม่อนุญาตให้ผู้ให้เช่า เรียกเก็บเงินค่าน้ำ-ค่าไฟเกินกว่าอัตราที่ใช้จริง หากผู้ให้เช่าไม่มีการแจ้งอัตราการใช้จริง ไม่มีเอกสารใบแจ้งอัตราการใช้มายืนยันเรามีสิทธิ์ขอดูเอกสารเหล่านี้ได้

ทั้งหมดนี้เป็นสิทธิ์ของผู้ขอเช่าบ้านที่ทุกคนควรจะต้องรู้เอาไว้ เพื่อที่จะได้รักษาและใช้สิทธิ์ตรงนี้ของตน จะได้ไม่เป็นการเสียเปรียบแก่ผู้ใช้เช่านั่นเอง

ทำไมต้องจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า

สวัสดีค่ะวันนี้เรากลับมาพบกันอีกครั้งโดยในวันนี้เราจะมาแชร์ ความชัดเจน เรื่อง ธุรกิจห้องเช่า เรียกเก็บเงินประกัน จากที่เราเคยได้ลงข่าวเรื่องประกาศควบคุมธุรกิจให้เช่า ที่พักอาศัย ไป สามารถอ่านรายละเอียดเติมได้ที่ลิงค์นี้ คลิกเลย (https://goo.gl/FR9BUQ)

โดยในวันนี้เราได้ขอสรุปที่ชัดเจทจากทางคุณ SuperCrazyBoy สมาชิกจากเว็บไซต์ pantip .com ที่ได้มาแชร์ ความรู้และ ข้อสรุป  ธุรกิจห้องเช่าเรียกเก็บเงินประกันได้กี่เดือน ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้นเราไปอ่านกันเลยค่ะ

ทำไมต้องจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า

สรุป ความชัดเจน หลังพูดคุย สคบ.28มีค61 ธุรกิจห้องเช่า เรียกเก็บเงินประกันได้กี่เดือน (By SuperCrazyBoy )

เนื่องจากเรื่องนี้ ยังใหม่ และประกาศ จะมีผลบังคับ 1พค.2561  เหลือเวลาเดือนเดียว จึงโทรไป รอบที่ 4

ซึ่งงวดนี้ ชัดเจนแล้ว (อัดเสียงไว้เลย) โดยตอบไว้ในกระทู้เดิม แล้ว   ธรุกิจห้องเช่าจ๋อย..”ห้ามเก็บค่าเช่าล่วงหน้าเกิน 1 เดือน (https://goo.gl/htbE8S) ดังนั้นขอสรุปอีกครั้ง จากพี่ อนิตา กองควบคุมสัญญา  28/3/61 เวลา 9.05น. 02-1413439

  1. หากลูกค้าเข้าอยู่ 1 เมยายน 2561  ลูกค้าจ่ายค่าเช่า เมษา61 3000 บาท
  2. ลูกค้าจ่ายเงินประกัน 3000 บาท
  3. ลูกค้า จ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้า สำหรับเดือนสุดท้าย(แจ้งออก30วัน) 3000 บาท

รวม 9000 บาท

ระบุในสัญญาได้เลย อยู่ครบตามสัญญาแล้ว แจ้งก่อนย้ายออก 30วัน เดือนสุดท้ายไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ส่วนค่าน้ำไฟ ก็บวกตามค่าใช้จ่ายจริงได้ เช่นไฟ ต้นทุนในบิลเฉลี่ย 5 บาท + 2บาท น้ำต้นทุน 15.50 +2บาท   โดยระบุไปในสัญญาได้ครับ  ใครมีต้นทุนอื่นมากกว่านี้ ก็บวกเข้าไปได้ ขอให้เป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงๆ สคบ. ไม่ห้ามครับ เช่นค่าอุปกรณ์ไฟฟ้า หลอดไฟ ส่วนกลาง  ค่าบำรุงซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับระบบน้ำไฟ เป็นต้น

สรุปเก็บได้ 1+1+1 ครับ ผู้ที่ทำธุรกิจห้องเช่า คงโล่งใจไปไดส่วนหนึ่ง นะครับ  โดย ปกติสัญญา มีขั้นต่ำกี่เดือน เช่น 3เดือน  ย้ายออกต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน 30วัน หากลูกค้าเข้าอยู่ 1เมษายน61 ค่าเช่า 3,000บาท  ค่าเช่าล่วงหน้าสำหรับเดือนสุดท้าย 3,000บาท  เงินประกัน 3,000บาท รวมจ่าย 9,000บาท

เดือนที่1  เดือนเมษายน61  ก็เก็บมาแล้ว9000บาท

เดือนที่2 พอสิ้นเดือนเมษายน61 ก็ส่งบิลเก็บ ค่าเช่าพค.61 3000บาท + ค่าน้ำ+ไฟ+อื่นๆ   +ลูกค้าจ่ายค่าเช่าของเดือน พค61 ค่าน้ำ+ไฟ เป็นของเมษา61

เดือนที่3 พอสิ้นเดือนพค61 ก็ส่งบิลเก็บ ค่าเช่ามิย.61 3000บาท + ค่าน้ำ+ไฟ+อื่นๆ  หากลูกค้าต้องการอยากย้ายออก 30มิย61 ต้องแจ้งสิ้นพค.61 นี้ + หากลูกค้าแจ้งย้ายออกไว้ สิ้นเดือน พค.61  เราจะเก็บค่าเช่าเดือนมิย.ไม่ได้ ให้หักจากเงินค่าเช่าล่วงหน้า  บิลจะเหลือแค่ค่าน้ำ+ไฟ+อื่นๆ  หากย้ายออก30มิย61 ก็เอาค่าน้ำ+ไฟ+อื่นๆ มาหักจากเงินประกัน กรณีลูกค้าอยู่ต่อไปเรื่อยๆเช่น  แล้วแจ้งย้ายออกสิ้นเดือน มีค62

เดือนที่12  มีค62   พอสิ้นเดือนมีค62 ก็ส่งบิลเก็บ ค่าน้ำ+ค่าไฟ+อื่นๆ แค่นั้น (หักเอาจากเงินประกัน) ส่วนค่าห้อง ก็หักจากค่าเช่าล่วงหน้า

จะเห็นได้ว่า ประกาศฉบับนี้ คุ้มครองผู้เช่ามาก  แต่ไม่คุ้มครองผู้ให้เช่า ปัญหาคือ ผู้ให้เช่าจะผลักภาระทางอ้อมให้ผู้เช่าอยู่ดี  เช่น ค่าเช่า 3,000บ.  จะเก็บเงินแรกเข้าได้ +9000บาท  ก็เพิ่มเป็น 4,000บ. เก็บแรกเข้าได้ 12000บ. แล้วทำส่วนลดเอาเดือนละ1000บ.   ส่วนตัวผมไม่แนะนำ หากเจอพวกหัวหมอ ชอบค้าความฟ้อง สคบ.  เขาเรียกตัวสัญญาทั้งหมดมาตรวจ งานเข้าเปล่าๆ และเจตนาที่จะลดค่าเช่าทั้งปีทุกห้อง จะทำให้เห็นว่าเป็นนิติกรรมอำพราง  เดี๋ยวจะโดนอีกคดี โดยการสกรีนผู้เช่าเอา ดีที่สุดครับ เอาใจช่วยทุกท่านที่ทำธุรกิจด้านนี้ คนใกล้ตัวผมที่ทำธุรกิจนี้ ผมก็แนะนำให้ตรงไปตรงมา แต่โชคดี ที่เก็บไม่เกิน1+1+1รวม 3เดือน  เลยไม่ต้องกังวลมากนัก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณ SuperCrazyBoy สมาชิกจากเว็บไซต์ pantip.com

สนใจข้อมูลข่าวสารอื่นๆเพิ่มเติมจาก Dotproperty คลิ๊ก …