����Ըա�÷ҧ����ѵ���ʵ�� ���¶֧ ��кǹ����֡�� �鹤��� ����ͧ��������˵ء�ó�ҧ ����ѵ���ʵ�� ������ѡ�ҹ�ҧ����ѵ���ʵ�����դ�������ѹ��������§�Ѻ��������������¹�ŧ ��ѧ�� ���֡�Ҩҡ�͡��÷�����͡��ê�鹵���Ъ���ͧ����ѡ��Сͺ����红������Ҥʹ�� �繡�кǹ��������㹡�����Ǻ�������������繡�кǹ��÷��ѡ����ѵ���ʵ��������鷴�ͺ ������ԧ�ͧ�ҹ�����ҡ����Ǻ����ͧ�ؤ����� ���ͤ������§���� �����Ѵਹ �դ�Ҥ�����������٧ �������ö���繻���ª��㹡�����������ѧ���� Show
ประวัติศาสตร์ มีความหมายแบบกว้างๆ หมายถึง เหตุการณ์ในเกิดขึ้นในอดีต ซึ่งบางเหตุการณ์อาจไม่มีหลักฐานยืนยันที่ชัดเจน ทำให้นักประวัติศาสตร์ ศึกษาเรื่องราวเหล่านั้นผ่านกระบวนการที่เรียกว่า "วิธีการทางประวัติศาสตร์" โดยใช้ข้อมูลจากเอกสาร วัตถุ สถานที่ ฯลฯ ที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันเพื่อประกอบการศึกษาวิเคราะห์ วิธีการทางประวัติศาสตร์ มีกี่ขั้นตอน อะไรบ้าง?วิธีการทางประวัติศาสตร์ หมายถึง กระบวนการศึกษา วิเคราะห์ และตีความจากร่องรอยหลักฐานทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษร และไม่ใช่ลายลักษณ์อักษร แล้วนำมาเรียบเรียงอย่างเป็นระบบ โดยใช้หลักเหตุผลอธิบายเหตุการณ์ และความเป็นมาต่างๆ ในอดีต ให้มีความใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด การศึกษาประวัติศาสตร์ ช่วยให้เราเข้าใจปัจจุบันมากยิ่งขึ้น วิธีการทางประวัติศาสตร์ จึงถูกใช้เป็นแนวทางในการศึกษาวิจัยภูมิหลังในอดีต เพื่อให้ผู้ศึกษาพิจารณาหลักฐานอย่างรอบด้านก่อนสรุปผล อีกทั้งยังเป็นกระบวนการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับชุดข้อมูลด้วย สำหรับวิธีการทางประวัติศาสตร์ 5 ขั้นตอน มีดังนี้ 1. การกำหนดหัวข้อ
2.
การเก็บรวบรวมข้อมูล 3. ประเมินคุณค่าหลักฐาน
4. การตีความวิเคราะห์ข้อมูล 5.
การเรียบเรียงนำเสนอ
ประวัติศาสตร์ทั้งกระแสหลักและกระแสรอง สามารถถูกปรับเปลี่ยนหรือถูกหักล้างลงได้ หากมีหลักฐานหรือชุดข้อมูลที่ใหม่กว่า น่าเชื่อถือกว่าปรากฏขึ้นมาสนับสนุน ทุกเรื่องราวประวัติศาสตร์ย่อมมีความเป็นมา และนัยที่ซ่อนไว้ในแต่ละยุคสมัย ทำให้การเขียนประวัติศาสตร์แต่ละฉบับ ย่อมมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน ประโยชน์ของวิธีการทางประวัติศาสตร์จึงเป็นการศึกษาวิจัยที่ช่วยให้เราเข้าสู่กระบวนการที่ "เข้าใกล้" ความจริงที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมากที่สุดนั่นเอง สิ่งที่ควรระมัดระวังมากที่สุดในการตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์ คืออะไรตีความหลักฐาน หรือการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล เป็นการทำความเข้าใจว่าหลักฐานนั้นมีความหมายอย่างไร หรือบอกข้อเท็จจริงอะไรแก่ผู้ศึกษาในการตีความหมายผู้ศึกษาต้องพยายามทำใจเป็นกลาง ไม่มีอคติ ไม่พยายามตีความเบี่ยงเบนให้ตรงกับแนวคิดหรือความเชื่อของตน
การตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของนักประวัติศาสตร์ที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร1. การตีความทางประวัติศาสตร์ของนักประวัติศาสตร์ที่ดี ควรมีคุณลักษณะอย่างไร ไม่ตีความบิดเบือนหลักฐาน มีใจเป็นกลาง ปราศจากอคติ ไม่นำค่านิยมของตนไปตัดสินอดีต ไม่นำความรู้ของ ตนเองเข้าไปปะปนกับการตีความ มีวิจารณญาณในการกลั่นกรองความจริงอย่างรอบคอบ
เพราะเหตุใดจึงต้องระมัดระวังการใช้หลักฐานทางประวัติศาสตร์มากเป็นพิเศษการใช้หลักฐานชั้นต้นในการศึกษาค้นคว้าทางประวัติศาสตร์จะทาให้การศึกษามีความน่าเชื่อถือมาก ขึ้นแต่ผู้ศึกษาควรใช้หลักฐานอย่างระมัดระวัง เพราะหลักฐานบางอย่างจะกล่าวถึงเพียงด้านเดียว การนา หลักฐานชั้นต้นมาใช้จึงต้องมีการประเมินคุณค่าของหลักฐานอย่างรอบคอบเสียก่อน
การตีความหลักฐานทางประวัติศาสตร์มีอะไรบ้างการตีความหลักฐาน หมายถึง การพิจารณาข้อมูลในหลักฐานว่าผู้สร้างหลักฐานมีเจตนาที่แท้จริงอย่างไร โดยดูจากลีลาการ เขียนของผู้บันทึกและรูปร่างลักษณะโดยทั่วไปของประดิษฐกรรมต่างๆ เพื่อให้ได้ความหมายที่แท้จริงซึ่งอาจแอบแฟงโดยเจตนา หรือไม่ก็ตาม
|