วัฒนธรรมทางด้าน ขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นวิถีชีวิตที่อยู่คู่คนไทย ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ดังนั้น วันสำคัญทางศาสนาจึงมีความผูกพันกับการดำเนินชีวิตของคนไทยโดยตรง สำหรับผู้ที่เข้าใจและน้อมนำมาปฏิบัติก็จัดว่าเป็นคนดี มีคุณธรรม ศีลธรรม มีหลักธรรมทางศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ซึ่งจะนำความสำเร็จให้เกิดขึ้นในชีวิต วันอาสาฬหบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ หรือ เดือน ๘ เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศ พระศาสนาเป็นครั้งแรก โดยแสดงปฐมเทศนา คือ ธรรมจักกัปปวัตนสูตร เป็นผลให้เกิดมีพระสาวกรูปแรกขึ้น ในพระพุทธศาสนา จนถือได้ว่าเป็นวันแรกที่มี พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบเป็นองค์พระรัตนตรัย ความสำคัญ ๓.ทำให้วันนี้เป็นวันที่มีพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบเป็นองค์พระรัตนตรัย เป็นครั้งแรกในโลก
๑.อุคฆติตัญญู คือ พวกที่มีปัญญาไว บอกอะไรก็เข้าใจได้ทันที เหมือนบัวที่โผลพ้นน้ำแล้ว พร้อมจะบานเมื่อได้รับแสงอาทิตย์ ๒.วิปัจจิตัญญู คือ พวกที่จะรู้ธรรมได้ต้องอธิบายขยายความกันยาวๆ จึงจะเข้าใจความหมาย เหมือนบัวที่อยู่เสมอน้ำ ๓.เนยยะ คือ พวกที่ต้องใช้ความพากเพียร ฟัง คิด ถามท่องอยู่เสมอจึงจะเรียนรู้ได้ เปรียบเหมือนบัวที่ยังไม่โผล่พ้นน้ำ แต่เมื่อได้รับการหล่อเลี้ยง ก็สามารถจะโผล่ไปบานในวันต่อๆไป ๔.ปทปรมะ ได้แก่ พวกปัญญาอ่อน หรือพวกที่ฟัง คิด ถาม ท่องแล้วก็ยังไม่สามารถรู้ธรรมได้ เปรียบเหมือนบัวที่ติดกับเปือกตม รังแต่จะกลายเป็นอาหารของปลา เต่าต่อไป เมื่อทรงพิจารณาใคร่ครวญดังกล่าวแล้วก็คิดถึงบุคคลที่จะไปโปรด พระองค์ทรงใคร่ครวญถึงผู้ที่พระองค์จะแสดงธรรมโปรดอันดับแรกทรงระลึกถึงอา ฬารดาบส และอุทกดาบส ผู้เคยสอนความรู้ขึ้นฌาณให้แก่พระองค์มา แต่ท่านทั้ง ๒ ก็สิ้นชีพไปก่อนแล้ว จึงทรงระลึกถึงปัญจวัคคีย์ คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และ อัสสซิ ผู้ที่เคยมีอุปการคุณแก่พระองค์ ทรงทราบด้วยพระญาณว่า ฤาษีทั้ง ๕ นั้น มีอุปนิสัยแก่กล้าสามารถ บรรลุธรรมได้ จึงเสด็จออกจากต้นมหาโพธิ์ ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม เดินทางไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน(คือสวนกวาง ดังนั้น กวางจึงเป็นสัญลักษณ์หนึ่งคู่กับธรรมจักร) เมืองพาราณสี แคว้นกาสี เสด็จไปถึงเย็นวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน อาสาฬหะ รุ่งขึ้นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ พระองค์ จึงทรงแสดงธรรมจักกัปปวัตนสูตร อันเป็นธรรมเทศนากัณฑ์แรก โปรดปัญจวัคคีย์ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันนั้นเอง สรุปความได้ว่า บรรพชิต (นักบวช) ไม่ควรประพฤติใน ๒ สิ่งคือ ๑. กามสุขัลลิกานุโยค ลัทธิถือการประกอบตนให้หมกมุ่นอยู่ในกามสุข ๒. อัตตกิลมถานุโยค ลัทธิถือการทรมานตนให้ได้รับความลำบาก เป็นลัทธิก่อให้เกิดความทุกข์ มิใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แต่ควรดำเนินทางสายกลาง เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา มัชฌิมาปฏิปทาได้แก่อริยมรรค มีองค์ประกอบ ๘ ประการ คือ คือ อริยสัจ ๔ ประการ คือ เมื่อจบพระธรรมเทศนา ท่านโกณฑัญญะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม (เห็นตามเป็นจริง ) ว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีความดับเป็นธรรมดา พระพุทธเจ้า ครั้นทรงทราบว่า โกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมสำเร็จเป็นโสดาบันแล้ว จึงทรงเปล่งอุทานว่า อัญญาสิ วะตะ โภ โกณฑัญโญ อัญญาสิ วะตะโภ โกณฑัญโญ แปลว่า โกณฑัญญะรู้แล้วหนอ โกณฑัญญะรู้แล้วหนอ อันเป็นเหตุ ให้ท่านโกณฑัญญะได้นามว่า อัญญาโกณฑัญญะ มา นับแต่นั้น ทางสายกลางที่ว่านั้น เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วคิดหาทางไปถึงเป้าหมายนั้นให้ได้ ซึ่งก็พบว่าต้องเริ่มต้นด้วยการทำจิตให้สงบไม่เอนเอียงไปทางข้างตึงหรือข้าง หย่อน โดยอาศัยการฝึกสติเป็นตัวนำ พร้อมทั้งเพียรระวังไม่ให้ความคิดที่ไม่ดีเกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เพียรละให้ได้ในขณะเดียวกัน ก็เพียรให้เกิดความคิดที่ดีและเพียรรักษาความคิดที่ดีที่เกิดขึ้นแล้วให้คง อยู่ และ พบต่อไปว่าจิตสงบแล้วพฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งทางกายและวาจาก็สงบด้วย เมื่อสงบครบทั้งกาย วาจา และใจแล้วก็ได้บรรลุถึงเป้าหมายสูงสุด คือ นิพพาน ในวิถีชีวิตของปุถุชนนั้นย่อมมีความเสร็จเป็นเป้าหมายของชีวิต ความสำเร็จได้ ย่อมแตกต่างกันไปตามความปรารถนาของแต่ละคน บางคนปรารถนาความร่ำรวยเป็นความสำเร็จ บางคนปรารถนาความมีชื่อเสียงเป็นความสำเร็จ ความร่ำรวยและความมีชื่อเสียงมีองค์ประกอบให้ถึงความสำเร็จ ได้ ๒ ส่วน ส่วนแรกเกิดจากผู้ปรารถนาเอง และส่วนที่ ๒ เกิดจาก สิ่งแวดล้อมสนับสนุนอันอาจได้แก่บุคคล กาลเทศะ ผู้ปรารถนาต้องทำให้เกิดความพอดีระหว่างตนเองกับสิ่งแวดล้อมสนับสนุน ความพอดีส่วนตนนั้นก็เริ่มจากทำความเข้าใจความสำเร็จให้ชัดเจนว่าคืออะไร มีขอบเขตแค่ไหน แล้วคิดหาทางไปสู่ความสำเร็จนั้น ได้อย่างไร เมื่อพบทางแล้ว ก็ประคับประคองความคิดนั้นให้เป็นไป อย่างต่อเนื่องในลักษณะไม่เคร่งเครียดจนกร้าว และปล่อยเฉยจนเฉื่อยชา ในขณะเดียวกันก็ประคับประคองการแสดงออกทั้งทางกาย และวาจา ให้สอดคล้องกับความคิด จนเข้าได้กับบุคคลกาลเทศะ อย่างไม่เสียหลักธรรม ความพอดีดังกล่าวมานี้ เรียกได้ว่าทางสายกลาง ซึ่งเป็นข้อ ปฏิบัติส่วนตนส่วนที่เกี่ยวกับส่วนรวมก็มีทางนำมาประยุกต์ใช้ได้ คืองานของหมู่คณะ จะสำเร็จได้ก็ด้วยอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยึดถือทางสายก ลาง ก็ย่อมทำให้งานดำเนินไปได้ด้วยดี แม้จะไม่ราบรื่นและไม่เรียบร้อยในตอนแรก แต่ด้วยอาศัย การทำงานแบบทางสายกลาง ก็จะทำให้เกิดความคิด การกระทำและ คำพูดที่พอดีต่อกัน ในกลุ่มผู้ร่วมงาน ซึ่งในที่สุดก็ยอมรับกันได้ ไม่เกิดการแบ่งฝ่ายซึ่งทำให้เกิดอุปสรรค การแสดงปฐมเทศนาเป็นครั้ง แรก กับการมีพระพุทธสาวกองค์แรกจนก่อให้เกิดพระรัตนตรัยเมื่อ ๒๕๐๐ กว่าปีก่อน แม้จะเป็นองค์ประกอบให้วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญวันหนึ่งทางพุทธศาสนา แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ เพราะโดยแท้จริงแล้ว ไม่ว่าจะมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม แต่ธรรมะหรือสัจธรรมก็เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในโลก เพียงแต่ไม่มีใครรู้หรือไม่มีใครนำมาสั่งสอนหรือบอกกล่าวให้เราทราบและ ปฏิบัติเท่านั้น แต่เพราะมีพระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบหลักธรรม แล้วนำมาสั่งสอนต่อประชาชนชาวโลก เราจึงได้เกิดความรู้ ความเข้าใจในธรรมะนั้น ทำให้เรามีหนทางเลือกที่จะดำรงชีวิตอยู่ด้วยความสุขและปราศจากทุกข์ตั้งแต่ ระดับง่ายๆจนถึงขั้นลึกซึ้งในระดับนิพพาน พระพุทธเจ้าจึงทรงมีพระคุณอันยิ่งใหญ่ต่อมวลมนุษยชาติ กล่าวกันว่าธรรมะหรือความรู้ที่พระองค์นำมาสั่งสอนชาวโลกนั้น ถ้าเทียบกับใบไม้ทั้งป่า ก็ทรงหยิบมาเพียงกำมือเดียวเท่านั้น แต่กระนั้นก็ยังทรงคุณค่ายิ่ง อยู่ที่เราจะรู้จักเลือกมาใช้หรือไม่อย่างไรเท่านั้น ถ้าจะเปรียบแล้ว พระพุทธองค์ก็ทรงเหมือนผู้ที่สร้างแผนที่ คือนำหลักธรรมที่เป็นเหมือนทางเดินที่มีอยู่แล้ว มาทำเป็นแผนที่ชีวิตให้เราได้เลือกเดินว่าจะไปในทางใด ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรม ก็มีให้ศึกษา ขึ้นอยู่กับเราว่าจะใช้แผนที่นั้นหรือไม่ หรือจะเดินเปะปะไปอย่างไร้ทิศทาง และพระสงฆ์ผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาก็เป็นเหมือนดังมัคคุเทศก์ ที่จะช่วยชี้แนะทางตามแผนที่ให้เราเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ๒. การถือปฏิบัติวันอาสาฬหบูชาในประเทศไทย ที่มาของบทความ http://www.culture.go.th/cday/index.php?option=com_content&view=article&id=651:2011-02-18-14-34-12&catid=49:0702&Itemid=79 |