เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน Show เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ภายในบ้านที่ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานรูปต่าง ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ 1. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่าง หมายถึง เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานแสง เช่น หลอดไฟฟ้าทุกชนิด หลอดไฟหน้ารถยนต์ ไฟฉาย เป็นต้น 2.เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อน หมายถึง เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน เช่น เตาไฟฟ้า เตารีดไฟฟ้า หม้อหุงข้าวไฟฟ้า กาต้มน้ำไฟฟ้า เครื่องเป่าผม กระทะไฟฟ้า เป็นต้น 3. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล หมายถึง เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล (หมุน) เช่น มอเตอร์พัดลม จักรเย็บผ้าไฟฟ้า เครื่องปั่นน้ำผลไม้ เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เป็นต้น 4. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานเสียง หมายถึง เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานเสียง เช่น เครื่องรับวิทยุ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องขยายเสียง โทรศัพท์ เป็นต้น 1. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่าง หลอดไฟฟ้าชนิดต่าง ๆ ที่ใช้กันทั่วไปตามบ้านเรือนในปัจจุบัน มีดังนี้ 1) หลอดไฟฟ้าธรรมดาหรือหลอดแบบมีไส้ หลอดไฟฟ้าธรรมดา หรือหลอดแบบมีไส้ มีลักษณะเป็นรูปกระเปาะแก้วใส มีไส้หลอดเป็นเส้นเล็ก ๆ ขดเป็นสปริง บรรจุภายใน ไส้หลอดทำด้วยโลหะทังสเตน โลหะออสเมียม หรือโลหะผสมระหว่างทังสเตนกับออสเมียม เรียกว่า ออสแรม ( Osram ) ภายในหลอดแก้วสูบอากาศออกจนหมด เพราะถ้าภายในหลอดมีอากาศ เมื่อไส้หลอดร้อน แก๊สออกซิเจนจะทำปฏิกิริยาเคมีกับไส้หลอด กลายเป็นโลหะออกไซด์ ซึ่งเปราะ ยุ่ยง่าย ซึ่งทำให้ไส้หลอดขาดง่าย แล้วบรรจุแก๊สไนโตรเจน ( N2 )และแก๊สอาร์กอน (Ar) เพียงเล็กน้อยไว้แทนที่ แก๊สนี้จะช่วยให้ไส้หลอดที่ได้รับความร้อนไม่ระเหิดไปจับที่ผิวหลอดแก้ว ทำให้หลอดไฟฟ้าไม่ดำ ภาพ ส่วนประกอบของหลอดแบบมีไส้ หลักการทำงานของหลอดไฟฟ้าธรรมดา เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไส้หลอดที่มีขนาดเล็ก ที่มีความต้านทานไฟฟ้าสูงมาก ๆ พลังงานไฟฟ้าจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ทำให้ไส้หลอดมีความร้อนสูงจนสามารถเปล่งเป็นแสงสว่างออกมาได้ 2) หลอดเรืองแสง หลอดเรืองแสงเป็นหลอดไฟฟ้าที่ให้แสงสว่างโดยการแตกตัวของแก๊สที่บรรจุภายในหลอด หลอดเรืองแสงมีหลายชนิด เช่น หลอดฟลูออเรสเซนด์ หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ หลอดนีออน หลอดแสงจันทร์ หลอดไอปรอท หลอดไอโซเดียม เป็นต้น 2.1) หลอดฟลูออเรสเซนด์ ( Fluorescent Lamp ) ส่วนประกอบสำคัญของหลอดฟลูออเรสเซนต์ 1) ตัวหลอดฟลูออเรสเซนต์ เป็นหลอดแก้วทรงกระบอก มีหลายแบบ เช่น หลอดยาว วงกลม เกือกม้า ภายในหลอดสูบอากาศออกจนหมดแล้วบรรจุปรอทไว้เพียงเล็กน้อย ที่ผิวด้านในของหลอดแก้วจะฉาบด้วยสารเรืองแสง และที่ปลายหัวและท้ายของหลอดมีไส้หลอดทำด้วยโลหะทังสเตน หรือ วุลแฟรมขดเป็นเส้นเล็ก ๆ ซึ่งมีความต้านทานกระแสไฟฟ้าสูงมาก ภาพ ตัวหลอดและไส้หลอดฟลูออเรสเซนต์ 2) สารเรืองแสง ( Fluorescent Coating ) เป็นสารเคมีที่นักวิทยาศาสตร์ประดิษฐ์ขึ้นมาโดยเลียนแบบสารเรืองแสงตามธรรมชาติ เช่น หิ้งห้อย กระดองหมึก เปลือกหอยทะเล เป็นต้น -สารเรืองแสงมีหน้าที่ ดูดกลืนรังสีอัลตราไวโอเลต ( UV ) ไว้และจะคายพลังงานของ รังสีอัลตราไวโอเลต ( UV ) ออกมา พลังงานที่คายออกมาอยู่ในรูปของพลังงานแสงซึ่งตาของมนุษย์มองเห็นในรูปของแสงสว่าง ภาพ สารเรืองแสง -สารเรืองแสง ( Fluorescent Coating ) ที่ใช้มีหลายชนิด ได้แก่ - ฟอสฟอร์ ให้แสงสีธรรมชาติ (สีขาวแกมเหลืองอ่อน ๆ ) - แมกนีเซียม ทังสเตน ให้แสงสีธรรมชาติ (สีขาวแกมฟ้าอ่อน ๆ ) - ซิงค์ เบริลเลี่ยม ซิลิเทค ให้แสงสีเหลืองนวล - ซิงค์ ซิลิเคท ให้แสงสีเขียว - แคดเมียม ซิลิเคท ให้แสงสีชมพูอ่อน - แคลเซียม ทังสเตน ให้แสงสีน้ำเงิน - แคดเมียม บอเรท ให้แสงสีชมพู 3) สตาร์ตเตอร์ ( Starter ) ภาพสตาร์ตเตอร์ เป็นหลอดแก้วภายในบรรจุแก๊สนีออน และแผ่นโลหะคู่ ที่งอตั้งได้ เมื่อได้รับความร้อน เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านโลหะคู่แผ่นหนึ่ง และผ่านแก๊สนีออน ไปยังแผ่นโลหะคู่อีกอันหนึ่ง ในขณะที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านแก๊สนีออน นั้นจะมีแสงหรือประกายไฟเกิดขึ้น มีผลทำให้แผ่นโลหะคู่ร้อนและงอโค้งมาแตะกัน ทำให้กระแสไฟฟ้าสามารถไหลผ่านแผ่นโลหะคู่ทั้งสองได้โดยไม่ต้องไหลผ่านแก๊สนีออน ฉะนั้น หน้าที่ของ สตาร์ตเตอร์ คือ เป็นสวิตช์อัตโนมัติช่วยให้หลอดฟลูออเรสเซนต์เปล่งแสงสว่างได้ เมื่อหลอดไฟฟ้าเปล่งแสงสว่างแล้วสตาร์ตเตอร์ ก็จะหยุดการทำงาน ภายในเป็นขดลวดทองแดงที่พันอยู่รอบแกนเหล็ก ขณะกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจะเกิดอำนาจแม่เหล็กไฟฟ้า และมีแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างไส้หลอดสองข้างมากพอที่กระแสไฟฟ้าจะผ่านไอปรอทจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งของหลอดได้ ในขณะเดียวกันแผ่นโลหะคู่ในสตาร์ตเตอร์ แยกออกจากกัน นอกจากนี้แรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้น ทำให้กระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำไหลในทิศตรงข้ามกับกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า หน้าที่ของแบลลัสต์ 1. เพิ่มความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างไส้หลอดทั้งสองข้างให้สูงขึ้น เพื่อให้หลอดติดในครั้งแรก 2. ควบคุมและลดความต่างศักย์ไฟฟ้าลงให้คงที่ เมื่อหลอดติดแล้ว หลักการทำงานของหลอดฟลูออเรสเซนต์ เมื่อกดสวิตช์วงจรไฟฟ้าของวงจรหลอดเรืองแสง กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านไส้หลอดทังสเตนที่มีความต้านทานไฟฟ้าสูงมาก ๆ พลังงานไฟฟ้าจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน จึงทำให้ไส้หลอดมีความร้อนสูง ความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำให้ปรอทที่บรรจุไว้ในหลอดกลายเป็นไอ จากนั้นกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไปยัง สตาร์ตเตอร์ ที่ภายในเป็นแผ่นโลหะคู่ที่แยกกันและมีแก๊สนีออน บรรจุอยู่ เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านแผ่นโลหะและไหลผ่านแก๊สนีออน ซึ่งแก๊สนีออนจะติดไฟหรือมีประกายไฟเกิดขึ้น มีผลทำให้แผ่นโลหะคู่ร้อนและงอโค้งมาแตะกัน ทำให้กระแสไฟฟ้าสามารถไหลผ่านแผ่นโลหะคู่ไปยังไส้หลอดอีกด้านหนึ่งได้ และคายพลังงานไฟฟ้าให้แก่ ไส้หลอดจึงทำให้เกิดความร้อนที่ไส้หลอดมากขึ้นและปรอทกลายเป็นไอมากขึ้นจนเพียงพอที่จะนำไฟฟ้าได้ ในเวลาเดียวกันกระแสไฟฟ้าก็ไหลไปยังแบลลัสต์ ซึ่งภายในเป็นขดลวดทองแดงที่พันอยู่รอบแกนเหล็ก ขณะกระแสไฟฟ้าผ่านจะเกิดอำนาจแม่เหล็กไฟฟ้า และมีแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้น ทำให้เกิดความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างไส้หลอดสองข้างสูงมากพอที่ทำให้กระแสไฟฟ้าโดยอิเล็กตรอนจะวิ่งผ่านจากไส้หลอดหนึ่งไปยังไส้หลอดอีกด้านหนึ่งได้โดยไม่ต้องผ่านสตาร์ตเตอร์ซึ่งขณะนั้น สตาร์ตเตอร์ มีอุณหภูมิลดลง แผ่นโลหะคู่จึงแยกออกจากกัน ทำให้กระแสไฟฟ้าไม่ไหลผ่าน สตาร์ตเตอร์ อีกแล้ว ขณะที่อิเล็กตรอนวิ่งไปจะชนกับอะตอมของไอปรอทเข้า เรียกว่า ภาวะถูกกระตุ้น ( Excited State ) ทำให้อะตอมของไอปรอทเกิดการสูญเสียระดับชั้นพลังงาน พลังงานที่สูญเสียออกมา จะอยู่ในรูปของรังสีอัลตราไวโอเลต ( UV ) สารเรืองแสงที่ฉาบไว้ที่ผิวด้านในของหลอดเรืองแสง ก็จะดูดกลืนรังสีอัลตราไวโอเลต ( UV ) ไว้และจะคายพลังงานของรังสีอัลตราไวโอเลต ( UV ) ออกมา พลังงานที่สารเรืองแสงคายออกมาจะอยู่ในรูปของพลังงานแสงซึ่งตาของมนุษย์มองเห็น เมื่อเกิดแสงสว่างขึ้นจัดว่าหลอดเรืองติดแล้ว เมื่อหลอดเรืองแสงติดแล้ว แบลลัสต์จะทำหน้าที่อีกครั้งโดยการลดความต่างศักย์ไฟฟ้าลงให้คงที่ ให้เหลือ 220 โวลต์ หลอดเรืองจะเปล่งแสงสว่างตลอดไป เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล มีอะไรบ้างเครื่องใช้ไฟฟ้าให้พลังงานกล : มีส่วนประกอบของมอเตอร์ที่จะเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกล โดยให้กระแสผ่านขดลวด ทำให้ขดลวดสร้างสนามแม่เหล็กขึ้น ส่งผลกับแม่เหล็กที่มีอยู่ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของแม่เหล็กขึ้น ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าหมุนหรือเคลื่อนที่ตามที่เรากำหนดไว้ ตัวอย่างเช่น พัดลม เครื่องปั่น เครื่องดูดฝุ่น เครื่องเล่น ...
อุปกรณ์สร้างความร้อน คืออะไรฮีตเตอร์ (Heater) เป็นอุปกรณ์ให้ความร้อนแก่ชิ้นงานในอุตสาหกรรมทุกประเภท อาทิเช่น งานเกษตรกรรม งานทำความร้อนในอาคารหรือระบบระบายอากาศ ที่มีความต้องการสร้างความร้อนให้กับชิ้นงานไม่ว่าจะเป็น อาหาร ห้องอบสี งานบรรจุหีบห่อ อบขึ้นรูปพลาสติก ฯลฯ โดยใช้หลักการจ่ายกระแสไฟฟ้าไหลผ่านลวดตัวนำ ซึ่งส่งผลให้ลวดตัวนำมีความร้อนเกิดขึ้น ...
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความเย็น มีอะไรบ้าง4. เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทให้ความเย็น ได้แก่ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ฯลฯ 5. เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ วิทยุ โทรทัศน์ เครื่องคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
อุปกรณ์ใดที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานแสงหลอดไฟ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นแสงสว่างให้เราสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ ซึ่ง โธมัส เอดิสัน เป็นผู้ประดิษฐ์หลอดไฟเป็นครั้งแรก โดยใช้คาร์บอนเส้นเล็กๆ เป็นไส้หลอดและได้มีการพัฒนาเรื่อยมาเป็นลำดับ ประเภทของหลอดไฟ
|