สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทยสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย เป็นผลงานที่สะท้อนให้เห็นถึงขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม และความเป็นอยู่ ของคนไทยตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน มีความงามและคุณค่าทางศิลปะซึ่งควรอนุรักษ์ไว้ไม่ให้สูญหาย ผลงานสิ่งประดิษฐ์ ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย ที่เราสามารถพบเห็นอยู่ทั่วไปได้แก่ Show
งานแกะสลัก งานปั้น 2. วัสดุที่ใช้ในการปั้นรูป วัสดุนำมาปั้นได้ นั้นต้องมีความเหนียวและนิ่ม สามารถยึดจับกันเป็นก้อน ทรงตัวอยู่ได้ตลอดเวลาที่ปั้น มีความคงทนไม่แตกสลายได้ง่ายทั้งในขณะกำลังปั้นและเมื่อปั้นเสร็จแล้ว
ซึ่งวัสดุเหล่านี้มีอยู่ในธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้น เช่น ขอบคุณที่มาจาก ทรูปลูกปัญญา http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/2250/ http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/2250/ บทที่ 2 ประเภทของงานประดิษฐ์ วัตถุประสงค์ 1.สามารถบอกความหมายของแต่ละประเภทของงานประดิษฐ์ 2.สามารถนำไปประดิษฐ์ไว้ใช้งานได้ 3.สามารถรู้ขั้นตอนการประดิษฐ์ผลงาน งานประดิษฐ์ เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ ในชีวิตประจำวัน มีทั้งงานที่สืบทอดต่อๆ กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และ งานที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ โดยใช้วัสดุต่างๆกัน เช่น เศษวัสดุเหลือใช้
วัสดุจากธรรมชาติ วัสดุสังเคราะห์ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด งานประดิษฐ์แบ่งตามวิธีการสร้างสรรค์และวัสดุที่ใช้ 1 ประเภทเย็บปักถักร้อย มี 2 ประเภท คือ 1.1 ประเภทเย็บปะและปัก ประกอบด้วยวัสดุ 2 ชิ้นชิ้นที่ 1 เป็นระนาบรองรับวัสดุที่ใช้ ได้แก่ ผ้ากระดาษหนัง วัสดุอีกชิ้นที่เป็นเส้น ได้แก่ เส้นด้าย หรือแผ่น เช่น เศษผ้ามาเย็บปะ และปักให้เกิดลวดลายบนพื้นระนาบ วิธีการปักนี้จะใช้ด้ายสีต่างๆ ดิ้นเงิน ดิ้นทอง เลื่อม มุก ลูกปัด ทำให้เกิดลวดลายสวยงาม สำหรับวิธีการเย็บปะจะใช้เศษผ้าสีมาติดเป็นรูปร่าง เช่น ลายดอกไม้ ตุ๊กตา แล้วเย็บตามขอบริมให้ติดกับพื้นระนาบรับรอง ภาพที่ 1 การปักด้วยมุกและเลื่อม ภาพที่ 2 การเย็บปะ วิธีการเย็บปักปะ
วิดีโอที่ 1 การเย็บตะเข็บงานปักปะ 1.2 ประเภทถักและร้อย เป็นการประดิษฐ์ที่ทำให้เกิดรูปทรงด้วยวัสดุในตัวเอง เช่น การถักไหมพรม การถักเชือก ป่าน ปอ การถักด้วยด้าย โดยใช้เข็มถักหรือมือถักให้เป็นแผ่นหรือเป็นเส้นหนา ส่วนการร้อย วัสดุที่ใช้จะมีรูตรงกลาง เช่น ลูกปัด ไข่มุก มาร้อยเป็นเส้นออกแบบ เลือกสี ทำลวดลาย ประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับต่างๆ เช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ 2 ประเภททอและสาน เป็นศิลปะประดิษฐ์ ที่มีคุณค่าทางประโยชน์ใช้สอย โดยใช้วัสดุประเภท ด้าย ไหม เชือก กก หวาย มาขัดระหว่างเส้นยืนและเส้นนอน ให้เกิดเป็นความกว้าง ความยาว และความหนา เกิดเป็นรูปร่าง เช่น ตะกร้า ภาพที่ 3 การทอผ้า วิธีการทอผ้า
วิดีโอที่ 2 ขั้นตอนการทอผ้า 3. ประเภทการปั้นและแกะสลัก 3.1 งานปั้นเป็นการสร้างสรรค์ที่มีความประณีตบรรจง ในการทำ เช่น การใช้แป้งขนมปังและดินญี่ปุ่น ปั้นเป็นดอกกุหลาบจิ๋ว ปั้นตุ๊กตา นำไปประดับตกแต่ง 3.2 งานแกะสลัก หมายถึ งการแกะสลักและการฉลุให้เป็นลวดลายลงบนวัสดุเนื้ออ่อนหรือผักผลไม้
วิธีการแกะสลัก
วิดีโอที่ 3 แกะสลักใบไม้จากแตงกวา 4. ประเภทเขียนลวดลาย ใช้วัสดุอุปกรณ์ในการเขียนให้เกิดลวดลายมีทางที่เลียนแบบจากธรรมชาติ และลวดลายที่ประดิษฐ์ใหม่ด้วยดินสอ พู่กัน และสีต่างๆ ลวดลายที่เขียนนอกจากจะเขียนให้เกิดลวดลายตามที่ต้องการแล้วยังสามารถใช้วิธีอื่นๆได้อี กเช่น การพิมพ์การขีด การขูด ภาพที่ 5 การเพ้นผ้า วิธีการเพ้นสี
วิดีโอที่ 4 D.I.Y เพ้นกระเป๋า 5 ประเภทดอกไม้ งานประดิษฐ์กลุ่มนี้แบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ 5.1 ประเภทใช้วัสดุจากธรรมชาติงานประดิษฐ์ประเภทนี้ใช้ดอกไม้สด ใบไม้ เช่น ดอกกุหลาบมอญ ดอกพุด ดอกรัก ดอกมะลิ ดอกบานไม่รู้โรย ใบตอง ใบแก้ว ใบกระบือ มาประดิษฐ์ตกแต่งโดยใช้วิธีการร้อยการกรอง การเย็บแบบ การปักแจกัน 5.2 ประเภทงานที่ใช้วัสดุสังเคราะห์ ประดิษฐ์เลียนแบบดอกไม้จากธรรมชาติ ซึ่งความคงทนถาวรกว่าและสีสันสวยงามใกล้เคียงธรรมชาติ วัสดุที่ใช้ประดิษฐ์ได้แก่ ผ้า กระดาษ พลาสติก ภาพที่ 6 พานไหว้ครูจากวัสดุธรรมชาติ วิธีการทำพานไหว้
วิดีโอที่ 5 วิธีการทำพานไหว้ครูแบบง่ายๆ 6 ประเภทวัสดุเหลือใช้ การนำวัสดุเหลือใช้มาออกแบบใช้กับงานประดิษฐ์ไม่จำกัดว่าต้องเป็นวัสดุประเภทใดสามารถใช้ได้ทุกชนิดอยู่ที่ความสามารถในการออกแบบของผู้ผลิตที่จะทำให้เกิดผลงานที่มีคุณค่าและประโยชน์ใช้สอย ภาพที่ 7 งานประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ วิธีการประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุเหลือใช้
วิดีโอที่ 6 ประดิษฐ์ของเล่นจากแก่นกระดาษทิชชู่ งานประดิษฐ์แบ่งตามประโยชน์ใช้สอย 1 ประเภทของเล่น เช่น รถลาก ตุ๊กตา พับกระดาษเป็นรูปสัตว์ 2 ประเภทของใช้หรือเครื่องใช้ เช่น หมอนอิง กระเป๋าผ้า กล่องใส่เครื่องประดับ 3 ประเภทประดับตกแต่ง เช่น กรอบรูป นาฬิกา ลวดลายบนกระจก โคมไฟ 4 ประเภทของขวัญของที่ระลึก เช่น บ้านทรงไทยจำลอง ดอกไม้จากดิน ขั้นตอนการประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์งานประดิษฐ์ 1 ขั้นการออกแบบ ควรดูวัสดุของผลิตภัณฑ์ที่จะประดิษฐ์ว่าต้องการนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร เช่นื ใช้เป็นของเล่น ใช้เป็นตกแต่งบ้านหรือเครื่องแต่งกาย ใช้เป็นของใช้ 2 ขั้นการเลือกวัสดุ ในขั้นตอนนี้ควรคำนึงถึงความปลอดภัย ความคุ้มค่า และงบประมาณ นอกจากนี้ควรพิจารณาความเหมาะสมกับรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบ 3 ขั้นตอนการประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์ เริ่มจากการสร้างแบบ เตรียมวัสดุอุปกรณ์ ลงมือปฏิบัติงานจนสำเร็จทดสอบการใช้งาน 4 ขั้นตอนการประเมินผล เป็นขั้นตอนการตรวจสอบชิ้นงานว่ามีคุณภาพตามที่ตั้งวัสถุประสงค์ไว้หรือไม่ ควรมีการปรับปรุงแก้ไขอย่างไร อ้างอิงหนังสือ นางสาวสุชาดา วราหพันธ์. (2557). ประเภทของงานประดิษฐ์: งานประดิษฐ์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: บริษัท สำนักพิมพ์เอมพันธ์ จำกัด. อ้างอิงภาพที่ 1 อ้างอิงภาพที่ 3 อ้างอิงภาพที่ 4 อ้างอิงภาพที่ 5 อ้างอิงภาพที่ 6 อ้างอิงภาพที่ 7 อ้างอิงวิดีโอที่ 1
อ้างอิงวิดีโอที่ 3 อ้างอิงวิดีโอที่ 4 อ้างอิงวิดีโอที่ 5 อ้างอิงวิดีโอที่ 6 งานปั้นเป็นงานประเภทไหนการปั้นเป็นกระบวนการหนึ่งในงานประติมากรรมที่มีลักษณะเป็น 3 มิติ คือ มีความกว้าง ความยาว และความหนา ผู้ชมสามารถจับต้องหรือสัมผัสได้ ทั้งนี้การปั้นจะกระทำได้โดยนำส่วนย่อยพอกเพิ่มเข้าไปในส่วนรวมเพื่อให้เกิดรูปทรงตามต้องการ
อนุสาวรีย์เป็นงานปั้นประเภทใด3.งานปั้นแบบลอยตัวเป็นรูปปั้นที่สามารถมองเห็นได้ทุกด้านโดยรอบ มีลักษณะเป็นภาพ 3 มิติ ส่วนมากมักจะมีฐานเพื่อสามารถวางตั้งกับพื้นได้ เช่น รูปปั้นอนุสาวรีย์ต่าง รูปปั้นเครื่องใช้ต่าง ๆ เป็นต้น
การพิมพ์ การขีด การขูด จัดเป็นงานประดิษฐ์ประเภทใด4. ประเภทเขียนลวดลาย ใช้วัสดุอุปกรณ์ในการเขียนให้เกิดลวดลายมีทางที่เลียนแบบจากธรรมชาติ และลวดลายที่ประดิษฐ์ใหม่ด้วยดินสอ พู่กัน และสีต่างๆ ลวดลายที่เขียนนอกจากจะเขียนให้เกิดลวดลายตามที่ต้องการแล้วยังสามารถใช้วิธีอื่นๆได้อี กเช่น การพิมพ์การขีด การขูด
พระเครื่องเป็นงานปั้นประเภทใดแบบนูนต่ำ ( Bas Relief ) เป็นรูปที่นูนขึ้นมาจากพื้น หรือมีพื้นหลังรองรับ มองเห็นชัดเจนเพียงด้านเดียว คือด้านหน้ามีความสูงจากพื้นไม่ถึงครึ่งหนึ่งของรูปจริง ได้แก่รูปนูนแบบเหรียญ รูปนูนที่ใช้ประดับตกแต่งภานะ หรือประดับตกแต่งอาคารทางสถาปัตยกรรม โบสถ์ วิหารต่างๆ พระเครื่องบางชนิด
|