ทะเบียนรถขาด 3 ปี ทะเบียนรถยนต์จะอยู่ในสถานะถูกระงับทันที แต่สามารถต่อได้ หลังนำเล่มไประงับทะเบียน พร้อมเสียค่าปรับ ก่อนต่อทะเบียนรถรอบใหม่ ใกล้ถึงปีใหม่แล้ว ได้เวลาต่อภาษีรถยนต์ หรือทะเบียนรถยนต์ โดยรถยนต์ปกติ ที่มีการต่อภาษีทุกปี จะไม่มีปัญหา สามารถต่อได้ทันที แต่สำหรับรถยนต์ ที่ไม่ได้ต่อภาษีรถยนต์ หรือ ทะเบียนรถขาด 3 ปี จะยุ่งยากกว่า
ทั้งนี้เพราะ กรณีที่ค้างชำระภาษี ครบกำหนด 3 ปี เจ้าของรถต้องคืนแผ่นป้าย และนำสมุดคู่มือ มาให้ทาง กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ที่จดทะเบียน บันทึกการระงับทะเบียน ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่นายทะเบียน ระงับการดำเนินการทางทะเบียน หากไม่ไปดำเนินการ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท จากนั้น ผู้ครอบครองรถ สามารถต่อทะเบียนรถยนต์ที่ขาดมา 3 ปี โดยต้องเตรียมตัว ดังนี้ เอกสารที่ต้องเตรียม
หลังจากนั้น ให้นำสมุดทะเบียนรถ ที่ขาดต่อการชำระภาษี ให้ทางราชการบันทึก การระงับทะเบียน และชำระภาษีค้างชำระ ณ สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ที่รถจดทะเบียน หรือจะไปขนส่งจังหวัดใดก็ได้ กรณีที่ไม่ใช่จังหวัดเดิม ต้องแจ้งย้ายปลายทาง พร้อมชำระภาษีทะเบียนระงับก่อน (ไม่ตรวจสภาพ) โดยจะต้องชำระภาษีที่ค้างตามที่เป็นจริง ตามอัตราภาษีรถประจำปีของรถแต่ละประเภท และเสียภาษีเพิ่มร้อยละ 1 ต่อเดือนจนถึงวันชำระ ขั้นตอนต่อจากนี้คือ การแจ้งขอใช้รถอีกครั้ง หลังถอนอายัดที่ สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ที่รถจดทะเบียน พร้อมอัตราค่าธรรมเนียมและต้องทำการต่อ พ.ร.บ. เพื่อเอานำหาง พ.ร.บ. ไปแจ้งขอใช้รถ โดยเอกสารและหลักฐานที่ต้องเตรียมมีดังนี้
กรณีที่เจ้าของรถไม่สะดวกไปดำเนินการ ต้องใช้เอกสาร ได้แก่ หนังสือมอบอำนาจ (ติดอากรแสตมป์ 10 บาท) และ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ผู้รับมอบอำนาจ สำหรับ อัตราค่าธรรมเนียมในการต่อทะเบียนรถยนต์ที่ขาดมา 3 ปี มีดังนี้
ที่สำคัญคือ รถยนต์ที่ขาดต่อภาษีมา 3 ปี ไม่สามารถต่อทะเบียนที่อื่นได้ เพราะทะเบียนรถยนต์ จะอยู่ในสถานะถูกระงับ จำเป็นต้องทำการขอจดทะเบียนใหม่ ที่สำนักงานขนส่ง จังหวัดใดก็ได้ หากไม่ใช่จังหวัดเดิม ต้องแจ้งย้ายปลายทาง พร้อมชำระภาษีทะเบียนระงับก่อน (ไม่ต้องตรวจสภาพ) แล้วตรวจสภาพรถยนต์ที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดที่ยื่นเรื่อง เมื่อดำเนินการจดทะเบียนใหม่ รวมย้ายเข้าเท่านั้น โอนลอย หลายคงเคยได้ยินคำนี้เมื่อมีการซื้อขายรถยนต์มือสอง เพราะเป็นการดำเนินงานด้านเอกสารเกี่ยวกับการครอบครองทรัพย์สิน ให้มีความพร้อมสำหรับการซื้อ-ขาย เราจึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการโอนลอยเมื่อใช้กับการซื้อขายรถยนต์มาให้ พร้อมคลายข้อสงสัย ต้องระวังตรงไหน มีความเสี่ยงอะไรบ้าง พร้อมเอกสารจริงคุณสามารถนำไปใช้งานได้ โอนลอย คือ คือผู้ขายรถจัดทำเอกสารการเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองรถให้เรียบร้อย ขาดแต่เพียงเซ็นต์รับเป็นผู้ครอบครองรถต่อ เพื่อขายรถให้เต๊นท์หรือบุคคล ผู้ครอบครองตามทะเบียนรถต้องการลงลายเซ็นต์ช่องผู้โอน และลายเซ็นต์ที่เอกสารมอบอำนาจไว้ เล่มทะเบียน
แบบคำขอโอนและรับโอน แบบคำขอโอนและรับโอน หนังสือมอบอำนาจ หนังสือมอบอำนาจ โอนลอยอย่างไรให้ไม่มีปัญหา
ระหว่างที่ยังไม่ไปจดทะเบียนผู้ครองครองใหม่ที่สำนักงานขนส่ง ทางกฎหมายรถยังเป็นของเจ้าของเดิม หากรถกระทำผิดจะถูกติดตามเป็นคนแรกเช่น ตั้งแต่ ๆ อย่างใบสั่งจราจร หรือมีส่วนเกี่ยวข้องคดีอุบัติเหตุบนถนน ร้ายแรงสุดเป็นการก่ออาชญากรรม ลดปัญหา บรรรเทาความเสี่ยงจากโอนลอยด้วย สัญญาซื้อขาย สัญญาซื้อขาย โดยสัญญาซื้อขายควรมี 2 ฉบับเก็บไว้กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยให้ที่รับเอกสารการโอนลอยของเจ้าของไปเซ็นต์ไว้ (ไม่ว่าจะเต็นท์หรือตัวแทน) และขอสำเนาบัตรประชาชนผู้ที่เซ็นต์ซื้อไว้ด้วย หากเกิดมีคดีมาถึงผู้ขายสามารถนำเอกสารเหล่านี้พิสูจน์ตนเองว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง และวุ่นวายน้อยลงมาก ทั้งหมดที่โอนลอยได้รับความนิยม ก็เพราะผู้ขายไม่ต้องยุ่งยากเพียงสำเนาเอกสารพร้อมลายเซ็นต์ ไม่ต้องไปที่กรมขนส่งด้วยตัวเอง และสามารถรับเงินได้ทันทีเมื่อเอกสารโอนลอยพร้อม |