เรื่องของบุญกุศล พระพุทธเจ้าก็จัดลำดับ ให้ทานกับสัตว์เล็กสัตว์น้อย แต่ให้ทานกับสัตว์ที่ใหญ่ขึ้นมา ให้ทานกับมนุษย์ แม้ยังไม่มีศีล แต่ว่าให้ทานกับมนุษย์ที่มีศีล ให้ทานกับมนุษย์ที่มีสมาธิ ทรงฌาน ให้ทานกับพระอริยบุคคล พระโสดาบัน ให้ทานกับพระสกทาคามี อนาคามี อรหันต์ เรียกว่า ถวายทานกับพระอนาคามี 100 ครั้ง ถวายทานกับพระอรหันต์ 100 ครั้ง ถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า 100 ครั้ง ถวายแด่พระพุทธเจ้า อานิสงส์สูงกว่า การถวายเป็นสังฆทาน แก่หมู่พระภิกษุสงฆ์ เพราะว่าเริ่มเป็นสังฆมณฑลแล้ว ถวายสังฆทาน 100 ครั้งก็ยังไม่เท่ากับ ถวายวิหารทาน 100 ครั้ง เรื่องของอานิสงค์ของบุญกุศล มีอานิสงค์ที่สูงกว่าทานไหม? ....มี พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็น “มหาทาน” ก็คือ การรักษาศีล งดเว้นจากการเบียดเบียน พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็น “มหาทาน " ผู้ที่มีปกติไม่เบียดเบียนใคร ถ้าทุกคนในประเทศเรา ในโลกนี้มีศีล ต้องมีทหาร ต้องมีตำรวจไหม ก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองกับสิ่งต่างๆเหล่านี้ เพราะฉะนั้น เรื่องของบุญกุศล เจตนาที่งดเว้น อานิสงค์ก็สูงกว่ามาก รักษาศีล อย่างนี้ 100 ปีก็ยังไม่เท่ากับ เริ่มเข้าสู่ภาคของการภาวนา และสูงกว่า ที่เราฝึกปฏิบัติกันเป็นการสร้างบารมีที่ไพบูลย์มาก เจริญสมาธิฌานสมาบัติ 100 ปี เกิดการรู้เห็นตามความเป็นจริง เจริญสติปัฏฐานจนเกิดวิปัสสนาญาณแม้เพียงชั่วขณะหนึ่ง บุญกุศลมากกว่าที่กล่าวมาทั้งหมดเลย เพราะว่า จะเริ่มเป็นไปสู่การสลัดคืน เพราะฉะนั้น การที่พาฝึกในทุกๆวัน มันเป็นการเพิ่มบารมีธรรมอย่างสูงสุด ท่านจะได้สามารถมีบารมีธรรมที่ใช้ชำระตน โดย พระมหาวรพรต กิตติวโร การนั่งสมาธิที่ถูกต้องเป็นอย่างไร?การนั่งสมาธิ ในมุมมองของตะวันตก มักใช้คำว่า "Concentration" และ "Meditation" ที่สื่อความหมายถึงการทำสมาธิให้จิตใจสงบ เพื่อเคลียร์หัวให้โล่ง จะได้มีสติจดจ่อมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียน หรือการทำงาน โดยในปัจจุบัน ยังนิยมนำมาปรับใช้กับการเล่นโยคะ ซึ่งการกำหนดลมหายใจให้ร่างกายสัมพันธ์กับจิตใจก็ถือเป็นท่าโยคะ ที่ช่วยเสริมให้ปอด และกะบังลมแข็งแรง ส่วนวัฒนธรรมตะวันออกก็มี "ชี่กง" และ "ไทชิ" ที่เป็นส่วนหนึ่งของศิลปะการต่อสู้ และฝึกสร้างสมดุลให้ร่างกายผ่านลมหายใจเข้า-ออก สำหรับการนั่งสมาธิในทางพระพุทธศาสนา นอกจากต้องการความสงบ ทำให้มีสติและเกิดปัญญาแล้ว ยังมีจุดประสงค์ในด้านการวิปัสสนา เช่น อานาปานสติ ที่สอนให้พิจารณาลมหายใจเข้า-ออก และตระหนักรู้ปัจจุบันขณะอยู่ตลอดเวลา รวมถึงเมื่อฝึกนั่งสมาธิไปเรื่อยๆ ก็จะมีการแบ่งขั้นกรรมฐานต่างๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ จุดร่วมของการนั่งสมาธิก็คือ การทำจิตใจให้สงบ และจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน นั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนั้น การตั้งใจทำงาน ก็ถือว่าเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่งเช่นกัน การนั่งสมาธิมีกี่แบบ และท่านั่งพื้นฐานที่ควรรู้การนั่งสมาธิมีหลายแบบ และหลายระดับ ซึ่งในแต่ละระดับก็อาจมีฐานต่างๆ อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการนั่งสมาธิเจริญกรรมฐาน ว่าต้องการเพียงความสงบในจิตใจ หรือต้องการฝึกปฏิบัติเพื่อให้รู้แจ้งเห็นธรรม โดยการนั่งสมาธิในระดับ "ญาณ" ก็จะต้องมีผู้รู้มาคอยชี้แนะในการปฏิบัติ แต่หากจะแบ่งการนั่งสมาธิแบบพื้นฐาน สามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบ ได้แก่ ท่านั่งสมาธิแบบพื้นฐาน ผู้ปฏิบัติควรเลือกนั่งในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก โดยนั่งขัดสมาธิขาไขว้กันทับฝ่าเท้า มือวางซ้อนทับกัน หลังตรง หน้าตรง ไม่ก้มหรือเงยหน้า หลับตา พร้อมๆ กับค่อยๆ กำหนดลมหายใจเข้าออก วิธีแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น เมื่อหายใจเข้าให้กำหนด "พุท" และหายใจออกให้กำหนด "โธ" เพื่อให้จิตใจจดจ่อกับลมหายใจ การนั่งสมาธินอกจากช่วยให้เรามีสมาธิ และสติในการปฏิบัติงานต่างๆ ในชีวิตประจำวันมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการลดความเครียด คลายความวิตก ฝึกความอดทนอดกลั้น ขจัดความคิดลบที่รบกวนจิตใจ และช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น ส่วนที่หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่า การนั่งสมาธิได้บุญอย่างไร? ชาวพุทธเชื่อว่าการนั่งสมาธิเป็นการสร้างอานิสงส์ เนื่องจากในขณะที่เรากำลังนั่งสมาธิ จิตไม่ฟุ้งซ่าน ตัดละกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่มีจิตอกุศลไปชั่วขณะ เมื่อนั่งสมาธิเสร็จก็มักจะอุทิศส่วนกุศลไปให้บิดา-มารดา รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายด้วย จึงถือว่าเป็นพลังบุญประการหนึ่งที่ได้รับจากการนั่งสมาธิ สำหรับผู้ที่ฝึกปฏิบัตินั่งสมาธิขั้นพื้นฐาน ก็สามารถนั่งแบบเริ่มต้นได้ง่ายๆ เพียงครั้งละ 5-10 นาที เพื่อให้จิตใจสงบ จดจ่อกับสมาธิในการเรียน และทำงาน หลังจากนั้นค่อยเพิ่มระยะเวลาให้นานขึ้นก็ได้ |