๓) สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ใน พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ รัฐบาลจึงได้ดำเนินการจัดตั้งองค์การสวนพฤกษศาสตร์ขึ้นในประเทศไทย โดยมีลักษณะเป็นองค์กรเฉพาะ ที่มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน เพื่อทำหน้าที่รวบรวมพรรณไม้ชนิดต่างๆ นำมาจัดปลูก อนุรักษ์ ขยายพันธุ์ และศึกษาวิจัย โดยเฉพาะไม้ประจำถิ่น ไม้หายาก และไม้ที่กำลังจะสูญพันธุ์ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรพืชอย่างยั่งยืนต่อไป ตลอดจนการให้ความรู้ทางด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอันมีค่าของประเทศ รวมทั้งทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการการศึกษา และทัศนนิเวศ องค์การนี้ได้จัดตั้งสวนรวมพรรณไม้ป่าขึ้นรวม ๔ แห่ง ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เรียกชื่อว่า สวนรวมพรรณไม้ป่า ๖๐ พรรษา มหาราชินี ต่อมา ใน พ.ศ. ๒๕๓๗ ทางองค์การฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อสวนพฤกษศาสตร์ในภาคเหนือของ องค์การฯ ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ว่า “สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” ปัจจุบัน สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ทำหน้าที่หลัก ๔ ประการ คือ ๑. เป็นศูนย์อนุรักษ์พันธุ์ไม้ไทย โดยมี หน่วยงานเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชรับผิดชอบ งานขยายพันธุ์และอนุรักษ์พันธุ์ไม้ไทย โดยเฉพาะไม้ประจำถิ่นของเมืองไทย ตลอดจนทำเอกสารวิชาการและสิ่งพิมพ์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทางพฤกษศาสตร์ทุกปี สถานที่ตั้งของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ตั้งอยู่ที่บริเวณชายเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ดอยปุย ในตำบลโป่งแยง และตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีลำห้วยหลายสายไหลลงห้วยแม่สา ซึ่งเป็นลำห้วยสายใหญ่ ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบและที่สูง สลับกันเป็นชั้นต่างๆ จน ถึงความสูง ๑,๒๐๐ เมตร จากระดับน้ำทะเล มีเนื้อที่รวม ๖,๕๐๐ ไร่ สภาพสังคมพืชในพื้นที่สวนพฤกษศาสตร์แบ่งออกเป็น ๓ ประเภทใหญ่ๆ คือ ๑) ป่าผลัดใบมีพื้นที่ประมาณร้อยละ ๓๕ ส่วนพื้นที่ที่เหลือมีสภาพเป็นพื้นที่แผ้วถาง อีกประมาณร้อยละ ๑๕ ซึ่งเป็นป่าไผ่ และ ป่าที่กำลังคืนสภาพ รวมทั้งพื้นที่ปลูกพืชสวนของชาวเขา ที่ได้อพยพออกไปนอกพื้นที่แล้ว ภายในสวนยังได้มีการจัดเส้นทางเดิน ศึกษาธรรมชาติ โดยมี ๔ เส้นทาง คือ ๑) เส้นทางเลียบน้ำตกแม่สาน้อย เป็นเส้นทางเดินเท้าเลียบไปตามห้วยแม่สาน้อยผ่านไปทางสวนหิน ซึ่งเป็นที่รวมพืชทนแล้งนานาชนิด และสิ้นสุดเส้นทางที่เรือนรวมพรรณกล้วยไม้ไทย ซึ่งมีกล้วยไม้ไทยรวมไว้กว่า ๓๕๐ ชนิด รวมระยะทางประมาณ ๓๐๐ เมตร ๒) เส้นทาง สวนรุกขชาติ เริ่มจากศูนย์สารนิเทศ เดินตามถนนไปสู่สวนรุกขชาติผ่านวงศ์กล้วย ปาล์ม เตย บอน ราชพฤกษ์ เข้าสู่สวนเฟิน จากนั้น ผ่านวงศ์ขิง-ข่า ปรงสนเขา ๓) เส้นทาง พันธุ์ไม้ประจำจังหวัดต่างๆ และพืชสมุนไพรเป็นแหล่งรวบรวมพันธ์ไม้ไทยกว่า ๑,๐๐๐ ชนิด อาทิ พืชสมุนไพร พันธุ์ไม้หายาก และพันธุ์ไม้ประจำจังหวัด โดยมีการเสริมภูมิทัศน์ ด้วยกล้วยไม้ไทยนานาชนิด ให้ความสวยงาม และร่มรื่นตลอดเส้นทาง ๔) เส้นทางวัลย์ชาติ เป็นเส้นทางที่มีการปลูกรวบรวมไม้เลื้อย นานาชนิด ทั้งที่เป็นพันธุ์ไม้พื้นเมือง และพันธุ์ไม้ต่างประเทศภายในสวนพฤกศาสตร์มีอาคารต่างๆ ได้แก่ กลุ่มเรือนกระจก ซึ่งประกอบด้วย โรงเรือนใหญ่ จัดแสดงพรรณพืชถาวร ๔ โรงเรือน คือ เรือนป่าดิบชื้น เรือนพืชทนแล้ง เรือนกล้วยไม้ และเรือนไม้น้ำ และมีโรงเรือน เล็กจัดแสดงพรรณพืชทั่วไป ๘ โรงเรือน อาทิ เรือนบัว ไม้ประดับ เรือนสับปะรดสี ชนิดพืชได้รับการรวบรวมจัดแสดงสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และจัดไว้ตามลักษณะของการใช้ประโยชน์ โดยสภาพแวดล้อมภายในโรงเรือนได้รับการควบคุมโดยระบบทันสมัย ซึ่งสามารถปรับความชื้นการหมุนเวียนของอากาศ และปริมาณแสงแดดได้ตามที่พืชต้องการ นอกจากนี้ยังมีอาคารอื่นๆ อีก คือ อาคารศูนย์สารนิเทศ เป็นอาคารที่จัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้าเยี่ยมชม ทั้งแผนที่ เอกสารและข้อมูลเกี่ยวกับองค์การ สวนพฤกษศาสตร์ มีห้องโถงจัดนิทรรศการ ห้องประชุมสำหรับแสดงสไลด์มัลติวิชัน และวีดิทัศน์ ห้องประชุมสำหรับหน่วยงานต่างๆ ที่สนใจจัดประชุมนอกสถานที่ อาคารหอพรรณไม้ เป็นศูนย์ค้นคว้าวิจัย และปฏิบัติการด้านพืช ทั้งในระดับพื้นฐานและระดับสูง งานปรับปรุงพันธุ์พืช งานสกัดสารจากพืช และการหาองค์ประกอบ สารต่างๆ ทางด้านพฤกษสมุนไพร พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ เป็นอาคารที่จัดแสดงและสาธิตให้ความรู้ทางด้านพืช ธรรมชาติวิทยา และสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับพืช ด้วยเทคโนโลยีนำเสนอที่ทันสมัย สามารถศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง นอกจากสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์แล้ว มีสวนรวมพรรณไม้ ที่อยู่ในความดูแลขององค์การสวนพฤกษศาสตร์ในภาคต่างๆ อีกรวม ๔ แห่ง คือ ๑. ศูนย์รวมพรรณไม้ภาคเหนือตอนล่าง บ้านร่มเกล้า จังหวัดพิษณุโลก โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ |