องค์กรที่ทำหน้าที่แจกจ่ายค่า ip address

Basic IT 

IP Address คืออะไร?

ธันวาคม 16, 2019ธันวาคม 16, 2019 Kittitat

จำนวนการดู : 25,181

IP Address ( internet Protocal Address ) คือ หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในระบบเครือข่ายที่ใช้โปรโตคอลแบบ TCP/IP สามารถบอกได้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ที่ไหน ซึ่งสามารถระบุได้ผ่าน ip address และแน่นอนแต่ละ ip จะไม่ซ้ำกัน
.
เหมือนเลขที่บ้านที่ไม่ซ้ำกัน เพราะถ้าซ้ำการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายก็อาจจะงงได้ว่าต้องส่งข้อมูลไปที่ไหนกันแน่ ซึ่ง ip address จะประกอบไปด้วยตัวเลข 4 ชุด โดยในปัจจุบันมาตรฐานของ ip address คือ IPv4 และ IPv6 โดย IPv4 จะเป็นเลข 32 บิต และ IPv6 เป็นเลข 128 บิต
.
โดยมีการแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
✅Network Address หมายเลข IP สำหรับเครือข่าย จะถูกตั้งด้วย Router
✅Computer Address หมายเลข IP ประจำเครื่องในระบบเครือข่าย
.
แต่ถ้าเราจะแบ่ง IP address เป็นตาม class จะได้ดังนี้

?Class A มีตัวเลข 0.0.0.0 ถึง 127.255.255.255 เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ มีผู้ใช้งานจำนวนมาก สามารถกำหนดเลข ip address ได้ถึง 16 ล้านหมายเลข
?Class B มีตัวเลข 128.0.0.0 ถึง 191.255.255.255 เหมาะสำหรับองค์กรขนาดกลาง กำหนดเลขสำหรับผู้ใช้งานประมาณ 65,000 หมายเลข
?Class C มีตัวเลข 192.0.0.0 ถึง 223.255.255.255 เหมาะสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในเครื่องข่ายได้จำนวนหมายเลข 254 หมายเลข
?Class D มีตัวเลข 224.0.0.0 ถึง 239.255.255.255 จะใช้ในเครือข่ายแบบ Multitask เท่านั้น
?Class E เป็น Class สำหรับอนาคต จึงยังไม่ได้กำหนดรูปแบบการใช้งาน

————————————————————————
สนใจบริการ Hosting, จด Domain, ทำเว็บไซต์ salepage, ทำ SEO
ติดต่อ 02-0263-124 กด 2
เว็บไซต์หลัก https://www.hostinglotus.com
[email protected] : @MCLOUDSALE

Share this...

องค์กรที่ทำหน้าที่แจกจ่ายค่า ip address

Facebook

องค์กรที่ทำหน้าที่แจกจ่ายค่า ip address

Pinterest

องค์กรที่ทำหน้าที่แจกจ่ายค่า ip address

Twitter

องค์กรที่ทำหน้าที่แจกจ่ายค่า ip address

Linkedin

DHCP (Dynamic Host Configuration Protocol : DHCP) คือ การกำหนดการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้มีการจัดการที่รวดเร็ว จากส่วนกลางในการกระจาย ip address ของเครือข่ายภายใน หรือ พูดง่ายๆ คือระบบการจัดการการใช้อินเทอร์เน็ตที่มีการเชื่อมต่อกันในหลายๆ อุปกรณ์ ภายในองค์กรหรือร้านค้าต่างๆ DHCP จะทำหน้าที่ในการแจก IP Address เพื่อให้คอมฯ และอุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำงานเข้ากันได้อย่างไม่มีปัญหาและสามารถติดต่อกันได้โดยไม่สับสน IP Address ก็เปรียบเสมือนบ้านเลขที่ ถ้าหมายเลขบ้านซ้ำกัน ก็คงมีปัญหาในเรื่องของการสื่อสารอย่างแน่นอน นอกจากนี้ CHCP ยังสามารถช่วยจัดการการใช้อินเทอร์เน็ตด้านอื่นๆ อีกด้วย เช่นการกำหนดว่าลูกค้าในร้านสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้นานแค่ไหน เชื่อมต่อได้พร้อมกันกี่เครื่อง เป็นต้น

จุดเด่น

  • DCHP คือเครื่องมือการแจก IP Address
  • การแจก IP Address ก็เพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถสื่อสารกันได้อย่างถูกต้อง
  • DCHP เปรียบเสมือนบ้านเลขที่ที่ช่วยให้หาสัญญาณได้เจอ

DHCP ทำงานอย่างไร ?

DHCP Server ใช้ในการแจกจ่าย IP Address ที่ไม่ซ้ำกันและกำหนดค่าอื่น ๆ ของข้อมูลเครือข่าย โดยอัตโนมัติ ในบ้านและธุรกิจขนาดเล็กส่วนใหญ่ เราเตอร์จะทำหน้าที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ DHCP หรือในเครือข่ายขนาดใหญ่คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวอาจทำหน้าที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ DHCP

เซิร์ฟเวอร์ DHCP มีวิธีการจ่ายหมายเลขไอพี 3 วิธี ดังนี้

1. กำหนดด้วยตนเอง ผู้บริหารระบบเครือข่ายเป็นผู้กำหนดหมายเลขไอพีที่ต้องการใช้สำหรับเครื่องลูกข่าย โดยใช้วิธีเทียบกับหมายเลข MAC

2. แบบอัตโนมัติ เซิร์ฟเวอร์ DHCP จะจ่ายหมายเลขไอพีที่ว่างอยู่ให้กับลูกข่ายโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะใช้หมายเลขไอพีช่วงที่ผู้บริหารระบบกำหนดให้ใช้ได้ ไอพีที่จ่ายจะถูกใช้อย่างถาวร

3. แบบไดนามิก วิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่สามารถนำหมายเลขไอพีมาใช้ซ้ำได้ เมื่อคอมพิวเตอร์ถูกเปิดเครื่องและเริ่มทำงาน เครื่องลูกข่ายจะขอหมายเลขไอพีจากเซิร์ฟเวอร์โดยอัตโนมัติ วิธีนี้ต่างกับแบบอัตโนมัติตรงที่หมายเลขไอพีในการทำงานแต่ละครั้ง ไม่จำเป็นต้องเป็นเลขเดิม

ประโยชน์มากมายที่คุณจะได้รับจากการใช้ DHCP Server ทำให้มันเหนือกว่ารูปแบบของระบบ Network (Networking solutions) อื่นๆ รวมถึงการที่มันจะช่วยให้คุณสามารถประหยัดเวลาในการตั้งค่าเครือข่าย TCP/IP และคุณยังจะพบว่าเวลาที่ใช้ในการจัดการเครือข่ายนั้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหมายความว่า การให้การสนับสนุนด้านไอที (IT support) จะทำให้คุณมีเวลาที่จะให้ความช่วยเหลือด้านไอทีกับงานอื่นๆ ได้มากกว่าการที่จะต้องมาคอยเสียเวลาจัดการกับระบบเครือข่ายที่ถูกมองว่าเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร

 

ประโยชน์อื่นๆ จากการใช้ DHCP Network คือ การจัดการ IP Address (IP Address Management)  


หากคุณไม่ได้ใช้ DHCP คุณจะต้องกำหนด IP addresses ให้กับเครื่องลูกข่าย (Client) แต่ละรายด้วยตนเอง เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่ซ้ำกัน ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิด Conflict ใดๆ นอกจากนี้ คุณยังจะต้องตั้งค่าแต่ละไคลเอ็นต์แยกกัน นี่เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลานานมากและมันก็ยังเป็นกระบวนการที่ต้องทำด้วยตัวเอง (Manual process) การใช้ DHCP server เพื่อจัดการกับกระบวนการทั้งหมดนี้จะเป็นไปโดยอัตโนมัติ ทั้งยังช่วยให้ไคลเอนต์ (Client) สามารถโอนไปยังเครือข่ายย่อย (Subnets) โดยไม่ต้องมีการกำหนดค่าด้วยตนเอง (Manual Configuration ) ทุกครั้ง เนื่องจาก DHCP server จะทำการส่งข้อมูลเครือข่ายทั้งหมดไปยังไคลเอนต์ ดังนั้น คุณจึงไม่จำเป็นต้องลงมือทำขั้นตอนเหล่านี้ด้วยตัวเองเลย

 

เครือข่ายส่วนกลางที่ทำหน้าที่กำหนดค่าให้ไคลเอนต์ (Centralised network client configuration)  


หากคุณต้องการช่วง (Range) ของการกำหนดค่าที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละไคลเอนต์ คุณสามารถสร้างกลุ่มของไคลเอนต์ (Client groups) ขึ้นมาได้ เพื่อให้แต่ละกลุ่มมีการตั้งค่าที่แตกต่างกันตามความต้องการของธุรกิจ โดยข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกบันทึกในพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของ DHCP (DHCP Data Store) และนี่ก็คือที่ที่คุณสามารถจะเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่า เพื่อจัดแจงและจ่ายหมายเลขไอพีไปยังไคลเอนต์ทั้งหมด โดยที่คุณไม่ต้องเปลี่ยนพวกมันด้วยตัวเอง
 

 

การสนับสนุนเครือข่ายขนาดใหญ่ (Large network support)


DHCP เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเครือข่ายที่มี DHCP Client นับล้าน เนื่องจากพวกเขาสามารถใช้เซิร์ฟเวอร์ในการทำมัลติเธรดดิง (Multithreading) เพื่อประมวลผลคำขอของไคลเอ็นต์จำนวนมากพร้อมๆ กันได้ นอกจากนี้เซิร์ฟเวอร์ยังให้การสนับสนุนแหล่งจัดเก็บข้อมูล (Data Stores) ที่ถูกปรับให้เหมาะกับการจัดการข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งการเข้าถึงแหล่งข้อมูลนั้น จะได้รับการจัดการโดยโมดูลการประมวลผลแยกต่างหาก จึงช่วยให้คุณสามารถเพิ่มการสนับสนุนในส่วนของฐานข้อมูลอื่นๆ ได้ตามที่คุณต้องการ

 

ฉันจำเป็นต้องใช้ DHCP หรือไม่?


คุณน่าจะมีแนวโน้มของการใช้โปรโตคอล DHCP เป็นส่วนประกอบของเครือข่ายในบ้านหรือธุรกิจของคุณอยู่บ้างแล้ว เนื่องจากมันทำให้คุณไม่ต้องกำหนด IP address แบบคงที่ให้กับอุปกรณ์ใหม่ทุกชิ้นที่เข้าร่วมเครือข่ายด้วยตัวคุณเอง
 
แม้ว่ามันจะง่ายกว่าสำหรับบริบทที่มีขนาดเล็ก แต่งานนี้ดูเหมือนว่าจะยากเป็นพิเศษสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ที่คาดหวังการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายร้อยเครื่องเข้ากับเครือข่าย ในขณะที่อุปกรณ์เหล่านี้แต่ละเครื่องจะต้องมี IP address ที่แตกต่างกัน ซึ่งก็นับว่าเป็นภารกิจที่สร้างความยุ่งยากให้กับองค์กรมากขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เมื่อพบว่าองค์กรที่ว่านี้ไม่มีทีมไอทีประจำการในองค์กร
 
DHCP ที่ดำเนินการอัตโนมัติผ่านการกำหนดหมายเลขไอพีให้กับเครื่องไคลเอนต์แบบไดนามิก (Dynamic) จะทำการออก IP address ใหม่ให้กับอุปกรณ์ที่เข้าร่วมเครือข่าย และจะทำการยกเลิกการมอบหมายโดยอัตโนมัติ เมื่ออุปกรณ์มีการยกเลิกการเชื่อมต่อ
 
ถ้ามองตามสภาพความเป็นจริง มีเหตุผลเพียงเล็กน้อยที่คุณไม่ควรใช้ DHCP ยกตัวอย่างเช่น อุปกรณ์บางชนิดที่ได้รับประโยชน์จากการกำหนดหมายเลข IP Address แบบค่าคงที่ (Static IP Address) ไม่ว่าจะเป็น สแกนเนอร์ (Scanner), เครื่องพิมพ์ (Printer), File Transfer Servers และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมาย ที่เข้าข่ายให้การสนับสนุนการเชื่อมต่อ ก็ให้รวมอยู่ในหมวดหมู่นี้ ในกรณีดังกล่าว IP address แบบ Dynamic ที่ใช้ DHCP จะต้องมีการเรียกร้องให้อุปกรณ์ทำการอัพเดตการตั้งค่าการเชื่อมต่อของมันทุกครั้งที่มันพยายามสื่อสารกับเครื่องพิมพ์
 
คุณอาจจะต้องพบปัญหาเดียวกันเมื่อเซิร์ฟเวอร์หรือคอมพิวเตอร์จะต้องมีการเข้าถึงจากระยะไกล ซึ่งการกำหนด IP address แบบ Dynamic ให้กับเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล (Remote server) อาจก่อให้เกิดปัญหากับแอพพลิเคชั่นหรือซอฟต์แวร์อื่นๆ ที่อาศัยการเชื่อมต่อด้วย IP address แบบคงที่ ด้วยเหตุผลที่มันจะต้องมีการอัพเดทรายละเอียดทุกครั้งอย่างต่อเนื่อง
 
อย่างไรก็ตามเมื่อ DHCP ถูกนำมาใช้ในเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย จะมีตัวเลือกในการกำหนด IP addresses แบบคงที่ให้กับอุปกรณ์บางอย่างซึ่งคุณสามารถกำหนดค่าได้ด้วยตนเอง (Manually assign) ดังนั้น มันจึงไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะมีขนาดเท่าใดก็ตาม
 
ดังนั้น มันจึงคุ้มค่าที่จะใช้วิธีการพิจารณาว่าอุปกรณ์ใดบ้างที่จะได้รับประโยชน์จาก IP address แบบคงที่และทำการกำหนดค่าด้วยตัวเองให้กับพวกมัน จากนั้นค่อยใช้ DHCP เพื่อดูแลการกำหนด IP address ในส่วนที่เหลือ เพื่อให้คุณและทีมไอทีของคุณมีอิสระในการทำงานที่น่าสนใจอื่นๆ มากยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในการทำงาน ให้กับองค์กรของคุณ


องค์กรที่ทำหน้าที่แจกจ่ายค่า ip address

 

ข้อควรระวังปัญหาด้านความปลอดภัย (Security Issues) 

เช่นเดียวกับการใช้งานอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อเครือข่าย คุณควรตระหนักว่าการใช้ DHCP ในรูปแบบระบบอัตโนมัติ  (DHCP Automation) อาจจะต้องพบกับความเสี่ยงต่อความปลอดภัยอย่างร้ายแรง– ยกตัวอย่างเช่น ถ้า DHCP server ของกลุ่มคนร้ายถูกนำเข้าสู่ระบบเครือข่าย ซึ่งสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่เครือข่าย ขณะเดียวกันมันยังสามารถเสนอ IP address ให้กับผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายได้ หากผู้ใช้ทำการเชื่อมต่อกับ DHCP server ของกลุ่มคนร้ายแล้ว ข้อมูลที่ถูกส่งผ่านการเชื่อมต่อนั้นๆ ก็สามารถที่จะถูกดักจับและตรวจสอบโดยผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต ถือว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และการรักษาความปลอดภัยบนเครือข่าย (Network Security) ซึ่งเทคนิคนี้เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ A man-in-the-middle attack (MITM)
 

ความล้มเหลวของเครือข่าย (Failure)

ความล้มเหลวของเครือข่ายสามารถเกิดขึ้นได้หากองค์กรมีการใช้งาน DHCP server อยู่เพียงเครื่องเดียว เนื่องจากมันเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญเพียงจุดเดียว ที่ความล้มเหลวสามารถปะทุจากปัญหาเดียวแล้วขยายไปสู่ปัญหาทั่วทั้งระบบ หากเซิร์ฟเวอร์ล้มเหลว คอมพิวเตอร์ที่กำลังเชื่อมต่ออยู่ที่ยังไม่มี IP address ก็จะพยายามทำการเชื่อมต่อและมันก็จะถูกปฏิเสธการเชื่อมต่อ  โดยคอมพิวเตอร์ที่มี IP address อยู่แล้วก่อนที่จะเกิดความล้มเหลวของเซิร์ฟเวอร์ก็จะพยายามทำให้มันกลับสู่สภาพเดิมอีกครั้ง ส่งผลให้คอมพิวเตอร์เกิดการสูญเสีย IP address ของมัน ซึ่งหมายถึงการสูญเสียการเข้าถึงเครือข่ายที่สมบูรณ์ จนกว่าเซิร์ฟเวอร์จะถูกกู้คืน