ฝากครรภ์ ประกันสังคม pantip

ประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในหลายๆประเทศที่มีระบบบริการสุขภาพดีเป็นอันดับต้นๆของโลก และทางกระทรวงสาธารณสุขก็พยายามเป็นอย่างยิ่ง ที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของมารดาและทารกในครรภ์เพื่อที่จะให้ประชากรในประเทศไทยนั้นมีคุณภาพ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การฝากครรภ์ การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมของทารกในครรภ์ การตรวจเรื่องโลหิตจาง/ธาลัสซีเมีย การคุมกำเนิดให้กับวัยรุ่นเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ฯลฯ

สำหรับบทความนี้ เราจะเป็นการสรุปสิทธิ์ต่างๆของคุณแม่ เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ตามที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 มาให้อ่านกันค่ะ

ดาวน์โหลดไฟล์


เรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีบริการฝากครรภ์ พ.ศ. ๒๕๖๔

สำหรับคนไทยทุกคนที่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก สามารถเข้ารับบริการฝากครรภ์ได้ฟรีที่สถานพยาบาลของรัฐทุกแห่ง หรือสถานพยาบาลเอกชนบางแห่งที่เข้าร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้(กรุณาสอบถามสถานพยาบาลแต่ละแห่งก่อนเข้ารับการฝากครรภ์เสมอ) โดยที่ไม่ต้องคำนึงว่าจะเป็นสิทธิ์บัตรทอง หรือประกันสังคม หรือข้าราชการ

โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัดให้มีบริการต่างๆด้านการฝากครรภ์ดังนี้

  • ฝากครรภ์ครั้งที่ 1 - 8
  • ฝากครรภ์ครั้งที่ 9 ขึ้นไป (ขึ้นกับแพทย์ผู้ตรวจพิจารณาความจำเป็น)
  • บริการตรวจอัลตราซาวด์ (เหมาจ่าย 400 บาท)
  • บริการตรวจสุขภาพช่องปากและขัดทำความสะอาดฟัน (เหมาจ่าย 500 บาท)
  • การตรวจเลือดตามรายการดังต่อไปนี้
    • ซิฟิลิส (VDRL) 2 ครั้ง
    • เอดส์ (HIV Antibody) 2 ครั้ง
    • ตับอักเสบบี (Hepatitis B surface antigen : HBs Ag) 1 ครั้ง
    • ความสมบูรณ์ของเลือด (CBC + MCV) และ/หรือ DCIP 1 ครั้ง
    • การตรวจกรุ๊ปเลือด Blood group : ABO/Rh 1 ครั้ง

โดยบริการฝากครรภ์ที่ได้มาตรฐานที่ดีตามมาตรฐานที่กำหนด จะต้องมีกิจกรรมบริการ การตรวจคัดกรองที่จำเป็นและการประเมินความเสี่ยงตามช่วงอายุครรภ์ ดังต่อไปนี้ครบถ้วนด้วย

  • ประวัติส่วนตัว การเจ็บป่วย และทางสูติกรรม
  • ข้อมูลการตั้งครรภ์ปัจจุบัน
  • ตรวจร่างกาย ปอด หัวใจ
  • ประเมินสุขภาพจิต
  • ประเมินความเสี่ยงการตั้งครรภ์
  • พบแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงการตั้งครรภ์
  • Prenatal counselling กลุ่มอาการดาวน์ และธาลัสซีเมีย
  • คัดกรองกลุ่มอาการดาวน์ 14 – 18 wks.
  • คัดกรองเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ทุกราย 24 - 28 wks. (ยกเว้นกลุ่มเสี่ยงให้คัดครองตั้งแต่การมาฝากครรภ์ครั้งแรก)
    • Glucose challenge test (GCT)
    • Oral glucose tolerance test (OGTT)
  • ประเมินการคลอด
  • การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ครั้งที่1 และครั้งที่ 2
    • ตรวจปัสสาวะ Multiple urine dipstick
    • ตรวจซิฟิลิส TPHA หรือ anti TP (กรณีที่ TPHA/anti TP ผลเป็นบวกในการตรวจครั้งแรก หรือเคยเป็นบวกมาก่อนให้เปลี่ยนการตรวจจาก TPHA/anti TP เป็น VDRL/RPR)*
    • ตรวจซิฟิลิส VDRL/RPR
    • ตรวจเอดส์ Anti – HIV
    • ตรวจตับอักเสบบี HBs Ag
    • ตรวจความสมบูรณ์ของเลือดและคัดกรองธาลัสซีเมีย CBC for MCV,Hct, Hb
    • ตรวจคัดกรองธาลัสซีเมีย DCIP
      • ถ้าผล MCV + DCIP เป็นบวกทั้งคู่ให้ตรวจยืนยัน Hb typing/PCR เพื่อกำหนดคู่เสี่ยงการตรวจวินิจฉัยทารกในครรภ์และยุติการตั้งครรภ์
    • ตรวจหมู่เลือด (ABO และ Rh)
  • ตรวจสุขภาพช่องปาก
  • ฝึกแปรงฟันแบบลงมือปฏิบัติและขัดทาความสะอาดฟัน
  • การตรวจครรภ์ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound)
    • ครั้งที่ 1 ประเมินอายุครรภ์เพื่อกาหนดวันคลอดและคัดกรองกลุ่มอาการดาวน์
    • ครั้งที่ 2 ประเมินการเจริญเติบโตและความผิดปกติของทารกในครรภ์
    • ครั้งที่ 3 Optional
  • การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์
    • NST
    • ตรวจ Ultrasound ดูน้ำคร่า
  • การฉีดวัคซีน
    • วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก (dT) (จำนวนครั้งที่ให้ขึ้นอยู่กับประวัติการได้รับวัคซีนในอดีต)
    • วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ (≥ 4 เดือน)
    • วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 (> 12 สัปดาห์)
  • การให้ยาเสริมธาตุเหล็ก กรดโฟลิก ไอโอดีน และแคลเซียม กินทุกวัน ตลอดอายุการตั้งครรภ์
  • โรงเรียนพ่อแม่**
    • การปฏิบัติตัวระหว่างตั้งครรภ์
    • การใช้ยา
    • โภชนาการ
    • พัฒนาการทารก
    • กิจกรรมทางกายและการนอน
    • การเตรียมตัวก่อนคลอด และระหว่างคลอด
    • การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

ส่วนกรณี การบริการฝากครรภ์ในกรณีครรภ์เสี่ยงสูงหรือมีภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลมากกว่าบริการพื้นฐานสำหรับบริการ ฝากครรภ์ หน่วยบริการ
สามารถเรียกเก็บค่าใช้จ่ายได้ตามสิทธิรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิรายนั้น

ตารางแสดงแนวทางฝากครรภ์คุณภาพ ปี 2565 กรมอนามัย : กิจกรรมบริการ การตรวจคัดกรองที่จำเป็นและการประเมินความเสี่ยงตามช่วงอายุครรภ์

ตารางแสดงแนวทางฝากครรภ์คุณภาพ ปี 2565 กรมอนามัย : กิจกรรมบริการ การตรวจคัดกรองที่จำเป็นและการประเมินความเสี่ยงตามช่วงอายุครรภ์ หน้า 1ตารางแสดงแนวทางฝากครรภ์คุณภาพ ปี 2565 กรมอนามัย : กิจกรรมบริการ การตรวจคัดกรองที่จำเป็นและการประเมินความเสี่ยงตามช่วงอายุครรภ์ หน้า 2ตารางแสดงแนวทางฝากครรภ์คุณภาพ ปี 2565 กรมอนามัย : กิจกรรมบริการ การตรวจคัดกรองที่จำเป็นและการประเมินความเสี่ยงตามช่วงอายุครรภ์ หน้า 3ตารางแสดงแนวทางฝากครรภ์คุณภาพ ปี 2565 กรมอนามัย : กิจกรรมบริการ การตรวจคัดกรองที่จำเป็นและการประเมินความเสี่ยงตามช่วงอายุครรภ์ หน้า 4

เรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีการป้องกันและควบคุมโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียในหญิงตั้งครรภ์ พ.ศ. ๒๕๖๔

จากข้อที่ผ่านมา จะเห็นว่า กรณีฝากครรภ์แล้ว ถ้าผลตรวจคัดกรองธาลัสซีเมียของทั้งบิดา / มารดา (MCV + DCIP) เป็นบวกทั้งคู่ให้ตรวจยืนยัน Hb typing/PCR เพื่อกำหนดคู่เสี่ยงการตรวจวินิจฉัยทารกในครรภ์และยุติการตั้งครรภ์

โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะช่วยเหลือค่าบริการตรวจยืนยันโลหิตจางธาลัสซีเมียให้แก่หญิงไทยซึ่งตั้งครรภ์ และสามี หรือคู่ของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็น คนไทยทุกคน ที่มีผลการคัดกรองโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียผิดปกติ ไม่ต้องคำนึงว่าจะเป็นสิทธิ์บัตรทอง หรือประกันสังคม หรือข้าราชการ

โดยมีรายละเอียดดังนี้

*** หมายเหตุ รายการตรวจในกรณีเหล่านี้ ผู้เขียนไม่แน่ใจในการฝากครรภ์ที่สถานพยาบาลของเอกชนว่าสามารถใช้สิทธิ์ได้หรือไม่ กรุณาสอบถามสถานพยาบาลแต่ละแห่งอีกครั้ง

  • ค่าตรวจ Hb typing : 270 บาท
  • ค่าตรวจ Alpha - thalassemia 1 : 800 บาท
  • ค่าตรวจ Beta - thalassemia : 3,000 บาท
  • ค่าตรวจวินิจฉัยทารกในครรภ์ จ่ายแบบเหมาจ่าย ในอัตรา 2,500 บาท ต่อการตั้งครรภ์ โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
    • การตัดชิ้นเนื้อรก (Chorionic villus sampling,CVS)
    • การเจาะน้าคร่า (Amniocentesis)
    • การเจาะเลือดทารกจากสายสะดือ (Cordocentesis)
  • ค่ายุติการตั้งครรภ์ 3,000 บาทต่อการตั้งครรภ์

เรื่อง การจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีบริการป้องกันและควบคุมกลุ่มอาการดาวน์ในหญิงตั้งครรภ์ พ.ศ. ๒๕๖๔

การบริการป้องกันและควบคุมกลุ่มอาการดาวน์ในหญิงตั้งครรภ์ เป็นการให้บริการแก่ หญิงไทยซึ่งตั้งครรภ์ทุกคน ไม่ต้องคำนึงว่าจะเป็นสิทธิ์บัตรทอง หรือประกันสังคม หรือข้าราชการ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ค่าบริการตรวจคัดกรอง Down syndrome ในหญิงตั้งครรภ์ทุกกลุ่มอายุ

จะเห็นได้ว่า การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมในหญิงตั้งครรภ์ ตามสิทธิที่ สปสช. ให้นั้น ถือว่าเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการฝากครรภ์ของคนไทย ให้มีความมั่นใจมากขึ้นว่าทารกในครรภ์จะไม่มีปัญหาเรื่องดาวน์ซินโดรม

แต่อย่างไรก็ดี เทคนิคการตรวจที่ได้รับฟรีนั้น เป็นการตรวจที่เรียกว่า Quadruple test ซึ่งมีความแม่นยำ (detection rate) อยู่ที่ประมาณ 80% และไม่สามารถตรวจในครรภ์แฝดได้

หากคุณแม่ต้องการการตรวจคัดกรองที่มีความแม่นยำมากขึ้นกว่านี้ โดย ณ ปัจจุบัน มีการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมที่มีความแม่นยำสูงถึง 99.9% และสามารถตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมในครรภ์แฝดได้ ได้แก่การตรวจ NIPT หรือ Non-invasive Prenatal testing ซึ่งจะไม่สามารถรับบริการได้จากโรงพยาบาลของรัฐทั่วๆไป

อ่านเพิ่มที่นี่
----- การตรวจสารพันธุกรรมทารกในครรภ์ (Cell-free fetal DNA) คัดกรองดาวน์ซินโดรม
----- อายุครรภ์ที่เหมาะจะเจาะตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม (NIPT, NIPS, NIFTY) คือช่วงไหน
----- การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม แบบ NIPT (นิฟ หรือนิฟตี้) ตรวจในครรภ์แฝดได้ไหม

จะเห็นได้ว่า การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมนั้นมีอยู่หลายวิธี ทั้งวิธีที่ไม่มีค่าใช้จ่าย (ฟรีที่โรงพยาบาลของรัฐ)แต่ความแม่นยำ 80% หรือวิธีการตรวจ NIPT ที่ความแม่นยำสูงถึง 99.9% เมื่อเทียบกับการเจาะน้ำคร่ำ ซึ่งการเจาะน้ำคร่ำจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดการแท้งบุตรได้ ดังนั้น หากคุณแม่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าตนเองควรเลือกการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมแบบไหนดี ลองอ่านบทความนี้ เพื่อช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

----- 8 ขั้นตอนในการเลือกการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมให้คุ้มค่า (NIFTY, Quad test, อัลตราซาวนด์ และอื่นๆ)


อ่านต่อ ตอนที่ 2 คลิกที่นี่
4. ประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก พ.ศ. ๒๕๖๔
และ
5. ประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีบริการป้องกันและควบคุมการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. ๒๕๖๔


หากมีคำถามใดๆ สามารถสอบถามได้ที่ช่อง comment ด้านล่างเลยนะคะ ทางทีมงานจะรีบหาคำตอบให้ได้โดยเร็วที่สุดค่ะ