สมมติฐาน การเกิดกลางวัน กลางคืน

ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 แรงในชีวิตประจำวนั 110 N ทิศเหนือทิศใต้ เหนือ ทศิ เหนือทิศใต้ S ทศิ เหนอื ทศิ ใต้ ใต้ เดียว N เหนือ S ใต้ ตรง เดียว N เหนอื S ใต้ ตรง สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

111 คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 แรงในชีวติ ประจำวัน แม่เหลก็ มี 2 ข้ัว คือ ข้วั เหนือและข้ัวใต้ แนวการวางตวั ของแท่งแมเ่ หล็กอยใู่ นแนวทศิ เหนือทศิ ใต้ ตวั อกั ษร N บนแท่งแมเ่ หลก็ ช้ีไปทางทิศเหนอื และตวั อักษร S บนแท่งแม่เหล็กช้ไี ปทางทิศใต้ ทุกครงั้ ทปี่ ัดแท่งแม่เหล็กให้หมุน แลว้ รอจนแท่งแม่เหล็กหยุดนง่ิ แนวการ วางตัวของแท่งแม่เหลก็ จะเหมือนเดิมทุกครั้ง คือ วางตัวในแนวทิศเหนือ ทศิ ใต้ ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 แรงในชวี ิตประจำวนั 112 แทง่ แม่เหล็กแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนสีนำ้ เงนิ และสีแดง มีตัวอกั ษร N และ S บนส่วนปลายของแทง่ แมเ่ หลก็ แต่ละด้าน โดยเม่อื แขวนใหแ้ ทง่ แมเ่ หลก็ หยดุ น่ิง แม่เหลก็ จะ วางตัวในแนวทิศเหนอื ทศิ ใต้เสมอ ปลายด้านท่ีชี้ไปทางทิศเหนือ เรยี กว่า ข้ัวเหนือ เขียนแทน ด้วยอกั ษร N ส่วนปลายด้านที่ช้ีไปทางทิศใต้ เรียกวา่ ขั้วใต้ เขียนแทนดว้ ยอกั ษร S แมเ่ หล็กมี 2 ขั้ว คอื ขว้ั เหนือและขั้วใต้ แม่เหล็กวางตัวในแนวทิศเหนอื ทศิ ใต้ โดยขั้วเหนอื ช้ีไปทางทิศเหนอื สว่ นขั้วใต้ชไ้ี ปทางทศิ ใต้ คำถามของนักเรยี นท่ีตั้งตามความอยากรู้ของตนเอง สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

113 คูม่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 แรงในชีวิตประจำวัน แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรียนร้ขู องนกั เรยี นทำได้ ดังนี้ 1. ประเมินความรเู้ ดิมจากการอภิปรายในช้นั เรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรู้จากคำตอบของนกั เรียนระหวา่ งการจัดการเรียนรูแ้ ละจากแบบบนั ทึกกจิ กรรม 3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทำกจิ กรรมของนกั เรียน การประเมินจากการทำกิจกรรมท่ี 2.2 หาขัว้ แม่เหล็กไดอ้ ยา่ งไร รหสั สง่ิ ทปี่ ระเมนิ คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสงั เกต S8 การลงความเห็นจากขอ้ มลู S13 การตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 C4 การสื่อสาร C5 ความรว่ มมือ รวมคะแนน ⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 แรงในชวี ิตประจำวนั 114 ตาราง การประเมนิ และรายการประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทกั ษะ เกณฑ์การประเมิน กระบวนการทาง รายการประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) วิทยาศาสตร์ S1 การสงั เกต การสังเกตโดยใช้ สามารถใชป้ ระสาท สามารถใช้ประสาท สามารถใช้ประสาท ประสาทสัมผสั เกบ็ สมั ผัสเกบ็ รายละเอียด สัมผัสเกบ็ รายละเอยี ด สัมผัสเก็บรายละเอยี ด รายละเอยี ดลักษณะ ลักษณะของแท่ง ลักษณะของแท่ง ลักษณะของแท่ง ของแท่งแม่เหล็กและ แม่เหล็กและแนวการ แมเ่ หล็กและแนวการ แม่เหลก็ และแนวการ แนวการวางตวั ของ วางตัวของแทง่ แม่เหลก็ วางตัวของแท่ง วางตวั ของแทง่ แม่เหลก็ แท่งแมเ่ หล็กเมื่อแขวน เม่ือแขวนให้ลอยนง่ิ แลว้ แมเ่ หล็กเม่ือแขวนให้ เมอ่ื แขวนให้ลอยนิ่ง ให้ลอยนงิ่ บอกข้อมูลทไี่ ด้จากการ ลอยนง่ิ แลว้ บอกขอ้ มูล แลว้ บอกข้อมูลท่ีได้จาก สงั เกตได้ถกู ต้องดว้ ย ที่ไดจ้ ากการสังเกตได้ การสงั เกตไดถ้ ูกตอ้ ง ตนเองโดยไมเ่ พ่ิมความ ถูกต้องจากการชแี้ นะ เพยี งบางส่วน แม้ว่าจะ คดิ เหน็ ของครูหรอื ผอู้ น่ื หรือมี ได้รับคำชี้แนะจากครู การเพิ่มความคิดเหน็ หรอื ผู้อน่ื S8 การลง การลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็น สามารถลงความเห็น ความเหน็ จาก ข้อมูลเกยี่ วกบั แนวการ ขอ้ มลู เก่ยี วกับแนวการ จากข้อมลู เกย่ี วกบั แนว จากข้อมลู เกย่ี วกบั แนว ขอ้ มูล วางตวั ของแท่ง วางตวั ของแทง่ แม่เหลก็ การวางตวั ของแทง่ การวางตวั ของแทง่ แม่เหลก็ เม่ือแขวนให้ เมือ่ แขวนให้ลอยนง่ิ ได้ แมเ่ หลก็ เม่ือแขวนให้ แม่เหล็กเมื่อแขวนให้ ลอยน่ิง ถูกต้องด้วยตนเอง ลอยนงิ่ ได้ถกู ต้องจาก ลอยนงิ่ ได้ถกู ต้อง การชแ้ี นะของครูหรือ บางสว่ น แมว้ า่ จะได้รับ ผูอ้ ่นื การช้แี นะจากครหู รือ ผู้อ่ืน S13 การ การตคี วามหมายข้อมลู สามารถตีความหมาย สามารถตคี วามหมาย สามารถตคี วามหมาย ตคี วามหมาย จากการสังเกตและ ขอ้ มลู จากการสงั เกตและ ขอ้ มลู จากการสังเกต ข้อมลู จากการสังเกต ขอ้ มลู และลง ลงขอ้ สรปุ ไดว้ า่ ลงข้อสรุปได้ถกู ต้องด้วย และลงข้อสรปุ ได้ และลงข้อสรุปได้ ขอ้ สรปุ แมเ่ หลก็ มี 2 ขว้ั คือ ตนเองว่า แมเ่ หล็กมี ถกู ต้องโดยอาศัยการ ถูกต้องเพียงบางส่วน ขว้ั เหนือและขั้วใต้ โดย 2 ขั้ว คอื ข้วั เหนอื และ ช้ีแนะจากครหู รือผูอ้ น่ื แม้ว่าจะได้รบั การ แม่เหลก็ วางตวั ในแนว ขว้ั ใต้ โดยแม่เหลก็ วางตัว ว่าแม่เหลก็ มี 2 ข้ัว คือ ชี้แนะจากครหู รือผอู้ นื่ ทศิ เหนอื ทศิ ใต้ ในแนวทิศเหนือทิศใต้ ข้วั เหนือและขั้วใต้ โดย ว่าแม่เหลก็ มี 2 ขวั้ คือ แมเ่ หลก็ วางตัวในแนว ขัว้ เหนอื และข้ัวใต้ โดย ทศิ เหนอื ทิศใต้ แม่เหลก็ วางตวั ในแนว ทิศเหนอื ทศิ ใต้ สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

115 คมู่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 แรงในชีวิตประจำวนั ตาราง รายการประเมนิ และเกณฑ์การประเมินทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ทักษะแห่ง รายการประเมนิ ดี (3) เกณฑ์การประเมิน ควรปรบั ปรงุ (1) ศตวรรษที่ 21 พอใช้ (2) C4 การสือ่ สาร การส่ือสารผลการ สามารถส่ือสารผลการ สามารถสอ่ื สารผลการ สามารถส่อื สารผลการ C5 ความร่วมมือ สงั เกตเก่ยี วกบั สงั เกตเก่ยี วกบั ลักษณะ สังเกตเกี่ยวกับลักษณะ สงั เกตเก่ียวกบั ลักษณะ ลักษณะของ ของแท่งแมเ่ หลก็ และ ของแท่งแม่เหลก็ และ ของแท่งแม่เหลก็ และ แท่งแม่เหล็กและ แนวการวางตวั ของ แนวการวางตัวของ แนวการวางตัวของ แนวการวางตวั ของ แทง่ แมเ่ หล็กเม่ือแขวน แทง่ แม่เหล็กเม่ือแขวนให้ แท่งแม่เหล็กเมื่อแขวน แทง่ แม่เหล็กเม่ือ ให้ลอยน่ิงให้ผอู้ ืน่ เข้าใจ ลอยน่งิ ให้ผอู้ ่ืนเขา้ ใจได้ ให้ลอยนงิ่ ให้ผ้อู ่ืนเขา้ ใจ แขวนให้ลอยนิ่ง ได้ถูกต้องด้วยตนเอง ถูกต้องจากการชี้แนะของ ไดถ้ ูกตอ้ งเพียงบางส่วน ครูหรือผอู้ ่ืน แม้วา่ จะไดร้ บั การชี้แนะ จากครหู รือผู้อ่ืน การทำงานร่วมกับ สามารถทำงานรว่ มกบั สามารถทำงานรว่ มกับ สามารถทำงานร่วมกับ ผูอ้ ืน่ ในการทำ ผูอ้ ่นื ในการทำกิจกรรม ผู้อ่นื ในการทำกจิ กรรม ผู้อ่นื ในทำกจิ กรรม กจิ กรรมเก่ียวกบั เกย่ี วกบั การสังเกตการ เกีย่ วกบั การสงั เกตการ เกี่ยวกบั การสังเกตการ การสงั เกตการ วางตัวของแม่เหลก็ วางตวั ของแมเ่ หลก็ วางตัวของแม่เหลก็ วางตัวของแมเ่ หล็ก รวมท้ังยอมรบั ความ รวมทงั้ ยอมรบั ความ รวมทง้ั ยอมรับความ รวมท้งั ยอมรับความ คิดเห็นของผ้อู ่นื ตลอด คิดเห็นของผอู้ ื่นในบาง คดิ เหน็ ของผู้อ่ืนบาง คิดเหน็ ของผ้อู ื่น ชว่ งเวลาของการทำ ชว่ งเวลาท่ที ำกิจกรรม ช่วงเวลาทที่ ำกิจกรรม กจิ กรรม ท้งั นีต้ ้องอาศัยการ กระตุ้นจากครหู รือผ้อู ื่น ⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 แรงในชวี ติ ประจำวัน 116 กจิ กรรมที่ 2.3 แรงระหว่างแมเ่ หลก็ เปน็ อยา่ งไร กจิ กรรมน้ีนักเรียนจะไดท้ ำกิจกรรมโดยการสังเกตแรง และผลของแรงทีเ่ กิดขึ้นระหว่างแม่เหล็ก 2 แท่ง เม่ือนำด้าน ทมี่ ขี ว้ั เหมือนกันและต่างกนั เขา้ ใกล้กนั เวลา 2 ชัว่ โมง จุดประสงค์การเรียนรู้ สงั เกตและอธิบายแรงทเี่ กิดขึ้นระหวา่ งแมเ่ หลก็ 2 แท่ง วัสดุ อุปกรณส์ ำหรับทำกจิ กรรม สิ่งทีค่ รตู ้องเตรยี ม/กลุ่ม 1. แทง่ แม่เหล็กแบบที่มสี ีทแี่ ตกตา่ งกันในแต่ละดา้ น และมีสัญลักษณ์ N S ระบุบนแทง่ แม่เหลก็ 2 แทง่ 2. เชือกฟาง 4 เสน้ 3. ดนิ สอ 2 แทง่ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สอื่ การเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ S1 การสงั เกต 1. หนังสือเรยี น ป.3 เลม่ 2 หนา้ 42-44 S7 การพยากรณ์ 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป.3 เลม่ 2 หนา้ 40-43 S8 การลงความเหน็ จากข้อมลู 3. ตัวอย่างวดี ทิ ัศนป์ ฏิบัติการทางวทิ ยาศาสตร์สำหรบั ครู S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ เรื่องแรงระหว่างแม่เหล็กเป็นอย่างไร ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 http://ipst.me/8753 C4 การส่ือสาร C5 ความร่วมมือ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

117 คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 แรงในชีวิตประจำวนั แนวการจัดการเรียนรู้ ในการตรวจสอบความรู้เดิม ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น 1. ครทู บทวนความรู้พนื้ ฐานและตรวจสอบความรเู้ ดิมเก่ียวกบั แม่เหล็กและ สำคัญ ครูยังไม่เฉลยคำตอบใด ๆ แรงระหว่างแมเ่ หลก็ โดยอาจใชค้ ำถามดังน้ี แต่ชักชวนให้หาคำตอบที่ถูกต้อง 1.1 แม่เหล็กสามารถดึงดูดวัตถุใดได้บ้าง (แม่เหล็กสามารถดึงดูดวัตถุ จากการทำกจิ กรรม ตา่ ง ๆ เชน่ ไมบ้ รรทดั เหล็ก ลวดเสียบกระดาษ) 1.2 วัตถุเหล่านั้นทำมาจากวัสดุอะไร และเรียกว่าอะไร (วัสดุนั้นทำมา ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่ง จากเหล็ก นิกเกลิ โคบอลต์ เรียกว่าสารแม่เหล็ก) ศตวรรษท่ี 21 ท่ีนักเรยี นจะได้ฝึกจากการทำกจิ กรรม 1.3 นอกจากแม่เหล็กจะสามารถดึงดูดวัตถุที่ทำจากสารแมเ่ หล็กได้แล้ว S1 สังเกตส่ิงที่เกิดขึ้นเมื่อนำแม่เหล็ก 2 แท่ง แม่เหล็กยังสามารถดึงดูดแม่เหล็กด้วยกันได้หรือไม่ (นักเรียนตอบ ตามความเขา้ ใจของตนเอง) เข้าใกลก้ นั ในลักษณะต่าง ๆ 1.4 นักเรียนคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อนำแท่งแม่เหล็ก 2 แท่งที่มี S7 พยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อนำขั้วใต้ของ ขั้วเหมือนกันเข้าใกล้กัน และเมื่อนำแม่เหล็ก 2 แท่งที่มีขั้วต่างกัน เข้าใกล้กัน (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น ไม่เกิด แท่งแม่เหล็กเข้าใกล้กันและขั้วเหนอื และขั้วใต้ การเปลย่ี นแปลง เกิดการดึงดดู กนั หรอื เกิดการผลกั กนั ) ของแทง่ แม่เหลก็ เขา้ ใกลก้ นั S8 ลงความเห็นจากข้อมูลเกี่ยวกับแรงกระทำท่ี 2. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และทำเป็นคิดเป็น จากนั้นร่วมกันอภิปราย เกิดขึ้นเมื่อนำแม่เหล็ก 2 แท่ง เข้าใกล้กันใน เพื่อตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ในการทำกิจกรรม ตาม ลกั ษณะตา่ ง ๆ แนวคำถาม ดังนี้ C4 สอ่ื สารผลการสังเกตเก่ียวกบั แรงกระทำ 2.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเรื่องอะไร (แรงที่เกิดขึ้นระหว่าง ระหวา่ งแม่เหลก็ ใหผ้ อู้ นื่ เขา้ ใจ แม่เหลก็ 2 แท่ง) C5 ทำงานรว่ มกบั ผอู้ น่ื ในการทำกจิ กรรมและ 2.2 นักเรยี นจะไดเ้ รียนรู้เร่อื งน้ดี ว้ ยวิธใี ด (การสงั เกต) อภปิ รายเกย่ี วกับแรงกระทำระหวา่ งแมเ่ หลก็ 2.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทำอะไรได้ (สามารถอธิบายแรงที่เกิดข้ึน ระหว่างแมเ่ หลก็ 2 แทง่ ) 3. นักเรียนบนั ทึกจุดประสงค์ลงในแบบบันทกึ กิจกรรม หน้า 40 และอ่าน สิง่ ท่ีตอ้ งใชใ้ นการทำกิจกรรม 4. นักเรียนอ่านทำอย่างไร ทีละข้อ โดยครูใช้วิธีฝึกทักษะการอ่านที่ เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความ เข้าใจเกี่ยวกับวิธีการทำกิจกรรม จนนักเรียนเข้าใจลำดับการทำ กิจกรรม โดยใชค้ ำถามดงั นี้ 4.1 นักเรียนจะจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อทำกิจกรรมอย่างไร (ใช้ปลาย เชือก 2 เส้น ผูกที่แท่งแม่เหล็กแท่งหนึ่ง โดยผูกให้ห่างจากแนว กึ่งกลางของแท่งแม่เหล็กเท่า ๆ กันและปลายเชือกอีกด้านหนึ่ง ผกู กบั ดินสอ และทำเช่นเดียวกันกบั แมเ่ หลก็ อีกแท่งหน่งึ ) ⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 แรงในชีวิตประจำวัน 118 4.2 เมื่อจดั เตรียมอปุ กรณ์แล้ว นกั เรียนต้องทำอะไรตอ่ ไป (นำข้ัวเหนือ หากนักเรียนไม่สามารถตอบ คำถามหรืออภิปรายได้ตามแนว ของแมเ่ หลก็ ทั้งสองแทง่ เขา้ ใกล้กนั ) คำตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน 4.3 นักเรียนต้องพยากรณ์ว่าอย่างไร (จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อนำขั้วใต้ของ และรับฟังแนวความคิดของ นกั เรียน แม่เหล็กทั้งสองแท่งเข้าใกล้กัน และเมื่อนำขั้วเหนือของแม่เหล็ก แทง่ หนึง่ และขัว้ ใตข้ องแม่เหล็กอีกแท่งหนงึ่ เขา้ ใกล้กัน) 5. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการทำกิจกรรมในทำอย่างไร แล้ว ให้นักเรียนรบั อุปกรณ์และเร่ิมปฏิบัติตามขัน้ ตอนการทำกิจกรรม 6. หลังจากทำกิจกรรมแล้ว นักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทำกิจกรรม ตามแนวคำถามดงั นี้ 6.1 เมื่อนำแท่งแม่เหล็กเข้าใกล้กัน แท่งแม่เหล็กเกิดการเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนที่หรือไม่ อย่างไร (เกิดการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ โดยอาจจะเปลี่ยนจากอยู่นิ่งเป็นเคลื่อนที่เข้าหาแม่เหล็กอีกแท่ง หรือเปลี่ยนจากอยู่นงิ่ เปน็ เคลื่อนทอ่ี อกห่างจากแม่เหล็กอีกแท่ง) 6.2 การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ดังกล่าว เกิดจากอะไร (เกิดจากมี แรงมากระทำ แรงน้นั คอื แรงแมเ่ หล็กซึ่งเป็นแรงไม่สมั ผัส) 6.3 แม่เหล็ก 2 แท่งจะดึงดูดกันเมื่อหันขั้วใดเข้าหากัน (หันขั้วต่างกัน คือ ขวั้ เหนือและข้วั ใต้เขา้ หากัน) 6.4 แม่เหล็ก 2 แท่งจะผลักกันเมื่อหันขั้วใดเข้าหากัน (หันข้ัว เหมอื นกนั คือ ขัว้ เหนอื กับขว้ั เหนอื หรือข้วั ใต้กบั ขัว้ ใต้เขา้ หากัน) 6.5 ผลการสังเกตของนักเรียนต่างจากที่พยากรณ์ไว้หรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามผลการเปรียบเทียบผลการสังเกตและการ พยากรณ)์ 7. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นตอบหรือซกั ถามในสิ่งทีอ่ ยากร้เู พิ่มเติมเกี่ยวกับ แรงระหว่างแม่เหล็ก จากนั้นร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่าเมื่อนำ แม่เหล็ก 2 แท่งเขา้ ใกล้กนั จะเกิดแรงกระทำซ่ึงกนั และกัน โดยเม่ือหัน ขั้วแม่เหล็กท่ีเหมือนกันเข้าใกล้กัน แม่เหล็กทั้งสองแท่งจะผลักกัน แต่ เมื่อหันขั้วแม่เหล็กที่ต่างกันเข้าหากัน แม่เหล็กทั้งสองแท่งจะดึงดูดกัน (S13) 8. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อตอบคำถามในฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้ คำถามเพ่ิมเติมเพอื่ ใหไ้ ดแ้ นวคำตอบที่ถูกต้อง 9. นักเรียนอา่ นสงิ่ ที่ได้เรยี นรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรุปของตนเอง สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

119 คู่มอื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 แรงในชวี ติ ประจำวนั 10. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรู้ การเตรยี มตวั ลว่ งหนา้ สำหรับครู เพิ่มเติมในอยากรู้อีกว่า จากนั้นครูอาจสุ่มนักเรียน 2 -3 คน นำเสนอ เพื่อจดั การเรียนรู้ในครง้ั ถัดไป คำถามของตนเองหน้าชั้นเรียน จากนั้นนักเรียนร่วมกันอภิปราย เก่ยี วกับคำถามที่นำเสนอ 11. ครูนำอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 อะไรบ้างและในข้ันตอนใด 12. นักเรียนรว่ มกันอ่านรู้อะไรในเรื่องน้ี ในหนังสือเรียน หนา้ 45-46 โดย ครูนำอภิปรายเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ในเรื่องนี้ จากนั้นครูกระตุ้นให้นักเรียนตอบคำถามในช่วงท้ายของเนื้อเรื่อง ดังน้ี เราได้เรียนรู้มาแล้วว่า ขั้วเหนือของแม่เหล็กจะชี้ไปทางทิศเหนือและ ขั้วใต้ของแม่เหล็กจะชี้ไปทางทิศใต้ นักเรียนรู้หรือไม่ว่า การกำหนด ทิศบนโลกทำได้อย่างไร โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแนวทางการ ตอบคำถาม ซึ่งครูควรเน้นให้นักเรียนตอบคำถามพร้อมอธิบายเหตุผล ประกอบและชักชวนให้นักเรยี นไปหาคำตอบร่วมกนั จากการเรียนเร่อื ง ตอ่ ไป ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้เรียน หน่วยที่ 5 บทที่ 1 ดวงอาทิตย์และ ปรากฏการณ์ของโลก ครูเตรียม อุปกรณ์ ดังนี้ 1. บัตรคำต่อไปนี้ คำว่าทิศเหนือ ทศิ ใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก 2. ครูมอบหมายให้นักเรียนสังเกต ทิศทางการขึ้นของดวงอาทิตย์ในเวลา เช้า และทิศทางการตกของดวงอาทิตย์ ในเวลาเย็น โดยอาจเทียบกับอาคารใด อาคารหนึ่งของโรงเรียน เพื่อนำมาใช้ ตรวจสอบความรู้ของนักเรียนในการ เรยี นคร้ังถดั ไป ⎯ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 แรงในชวี ิตประจำวัน 120 แนวคำตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม สงั เกตและอธิบายแรงทีเ่ กดิ ขึ้นระหว่างแมเ่ หล็ก 2 แทง่ แม่เหล็กท้ังสองแทง่ เคลือ่ นท่อี อกจากกัน นกั เรยี นพยากรณ์ แม่เหล็กทั้งสองแทง่ ตามความคิดของ เคลื่อนทอี่ อกจากกนั ตนเอง แม่เหลก็ ทั้งสองแท่ง เคล่อื นทเี่ ข้าหากนั สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

121 คูม่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 แรงในชวี ติ ประจำวัน แมเ่ หล็กทั้งสองแท่งมแี รงกระทำต่อกัน รูไ้ ด้จากแมเ่ หล็กมีการ เปลี่ยนแปลงการเคลอ่ื นท่ี เช่น จากอยู่น่งิ เป็นเคลือ่ นท่ีออกจากกัน หรอื เคล่อื นทเ่ี ขา้ หากนั แมเ่ หล็กท้ังสองแท่งเคลอื่ นท่ีออกจากกนั เนอ่ื งจากแม่เหล็กข้วั เหมือนกัน มีแรงผลักซึง่ กนั และกัน ⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 แรงในชีวิตประจำวัน 122 แมเ่ หล็กท้ังสองแท่งจะเคล่อื นท่ีเขา้ หากนั เนอ่ื งจากแม่เหล็กขั้วต่างกนั จะมแี รงดงึ ดูดซ่ึงกันและกนั เม่ือนำแม่เหล็ก 2 แทง่ เข้าใกล้กนั โดยเมือ่ นำข้ัวเหนือของแม่เหล็กทั้งสองแท่ง หรอื ข้ัวใตข้ องแมเ่ หล็กท้งั สองแทง่ เขา้ ใกล้กัน แมเ่ หล็กทั้งสองแท่งจะออกแรง ผลักซึ่งกนั และกัน แต่เม่ือนำแม่เหล็ก 2 แท่ง โดยนำด้านที่มขี ้ัวต่างกันเขา้ ใกล้ กัน แม่เหลก็ ท้ังสองแทง่ จะออกแรงดงึ ดดู ซึ่งกันและกนั เม่ือนำแม่เหลก็ 2 แท่งเข้าใกลก้ นั จะเกิดแรงกระทำซ่ึงกนั และกัน โดยแมเ่ หล็กท่ีมขี ั้วเหมือนกันจะมแี รงผลักซึ่งกันและกนั ส่วนแมเ่ หลก็ ที่มี ขวั้ ตา่ งกนั จะมแี รงดึงดดู ซ่ึงกันและกัน สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

123 คู่มอื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 แรงในชีวิตประจำวัน คำถามของนกั เรียนที่ตั้งตามความอยากรขู้ องตนเอง ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 แรงในชีวติ ประจำวนั 124 แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมนิ การเรยี นรูข้ องนักเรยี นทำได้ ดงั นี้ 1. ประเมินความรเู้ ดิมจากการอภปิ รายในชน้ั เรียน 2. ประเมนิ การเรยี นรู้จากคำตอบของนกั เรยี นระหว่างการจดั การเรียนรู้และจากแบบบันทึกกจิ กรรม 3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทำกจิ กรรมของนักเรียน การประเมินจากการทำกจิ กรรมที่ 2.3 แรงระหว่างแมเ่ หลก็ เป็นอยา่ งไร รหัส ส่ิงทีป่ ระเมนิ คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสงั เกต S7 การพยากรณ์ S8 การลงความเห็นจากขอ้ มูล S13 การตคี วามหมายขอ้ มลู และการลงขอ้ สรปุ ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C4 การสอื่ สาร C5 ความร่วมมอื ค่าไฟฟ้า รวมคะแนน สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

125 คู่มอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 แรงในชวี ติ ประจำวนั ตาราง รายการประเมินและเกณฑ์การประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทกั ษะ เกณฑก์ ารประเมิน กระบวนการทาง รายการประเมนิ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) วิทยาศาสตร์ S1 การสงั เกต การสงั เกตโดยใช้ สามารถใช้ประสาท สามารถใช้ประสาท สามารถใชป้ ระสาท ประสาทสมั ผสั เกบ็ สัมผัสเก็บขอ้ มลู สิ่งที่ สมั ผสั เกบ็ ขอ้ มูลส่ิงที่ สัมผัสเกบ็ ข้อมลู สิ่งที่ ข้อมูลส่ิงที่เกิดขึ้นเมื่อ เกดิ ขน้ึ เม่ือนำแม่เหลก็ ทั้ง เกิดขึน้ เม่ือนำแมเ่ หลก็ เกดิ ขน้ึ เม่ือนำแมเ่ หลก็ สองแทง่ เข้าใกลก้ ันใน ทงั้ สองแท่งเข้าใกล้กัน ทงั้ สองแท่งเข้าใกล้กัน นำแม่เหลก็ ทั้งสองแท่ง ลกั ษณะตา่ ง ๆ ได้แลว้ ในลักษณะตา่ ง ๆ แลว้ ในลักษณะตา่ ง ๆ แล้ว บอกข้อมลู ทไ่ี ดจ้ ากการ บอกข้อมลู ท่ไี ด้จากการ เขา้ ใกล้กันในลักษณะ บอกข้อมลู ท่ีได้จากการ ต่าง ๆ สงั เกตได้ถูกต้องด้วย สังเกตได้ถูกต้องจาก สังเกตได้ถกู ต้องเป็น ตนเอง การช้ีแนะของครูหรอื บางสว่ น แมจ้ ะได้รับ ผู้อนื่ การชแี้ นะจากครูหรือ ผอู้ นื่ S7 การพยากรณ์ การพยากรณส์ ่งิ ท่ีจะ สามารถพยากรณส์ งิ่ ทจ่ี ะ สามารถพยากรณ์สงิ่ ท่ี สามารถพยากรณ์สิ่งท่ี เกิดข้ึนเมื่อนำขว้ั ใต้ของ เกดิ ข้นึ เม่ือนำข้วั ใต้ของ จะเกดิ ขนึ้ เม่ือนำขัว้ ใต้ จะเกิดขึ้นเม่ือนำขั้วใต้ แท่งแม่เหล็ก 2 แทง่ แท่งแม่เหล็ก 2 แท่ง ของแท่งแมเ่ หล็ก 2 ของแทง่ แม่เหล็ก 2 เขา้ ใกล้กนั และเมอื่ นำ แท่งเข้าใกล้กันและเมือ่ แท่ง เข้าใกลก้ ันและ เข้าใกล้กันและเมอ่ื นำ แทง่ แม่เหล็ก 2 แท่ง ที่มี นำแท่งแมเ่ หล็ก 2 แท่ง เม่อื นำแทง่ แมเ่ หลก็ 2 แท่งแม่เหล็ก 2 แทง่ ขั้วต่างกนั เข้าใกล้กันได้ ท่มี ขี วั้ ต่างกันเขา้ ใกล้ แท่ง ทีม่ ีขั้วต่างกัน ทีม่ ขี ้ัวตา่ งกนั เขา้ ใกล้ ถูกต้องดว้ ยตัวเอง กันได้ถูกต้องจากการ เข้าใกล้กันได้ถูกต้อง กนั ชี้แนะของครูหรือผู้อน่ื บางส่วน แมจ้ ะได้รับ การช้ีแนะจากครหู รอื ผูอ้ ืน่ S8 การลง การลงความเหน็ จาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็น สามารถลงความเหน็ ความเหน็ จาก ข้อมลู เก่ียวกับแรง ข้อมูลเกี่ยวกับแรง จากข้อมลู เกยี่ วกบั แรง จากข้อมูลเก่ยี วกับแรง ขอ้ มูล กระทำทีเ่ กดิ ขึน้ เม่ือนำ กระทำทีเ่ กิดขนึ้ เมื่อนำ กระทำท่ีเกิดข้ึนเม่ือนำ กระทำที่เกดิ ขึน้ เม่ือนำ แมเ่ หล็ก 2 แท่ง แมเ่ หล็ก 2 แท่งเข้าใกล้ แมเ่ หล็ก 2 แท่ง แมเ่ หลก็ 2 แท่งเข้าใกล้ เขา้ ใกล้กนั ในลกั ษณะ กันในลักษณะต่าง ๆ เขา้ ใกล้กนั ในลกั ษณะ กันในลกั ษณะต่าง ๆ ตา่ ง ๆ ไดถ้ ูกต้องด้วยตนเอง ตา่ ง ๆ ได้ถกู ต้องจาก ไดถ้ ูกต้องบางสว่ น การช้ีแนะของครูหรอื แม้จะไดร้ ับการชแี้ นะ ผู้อ่ืน จากครูหรือผู้อ่นื ⎯ สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 แรงในชวี ิตประจำวัน 126 ทกั ษะ เกณฑ์การประเมนิ กระบวนการทาง รายการประเมนิ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรุง (1) วทิ ยาศาสตร์ S13 การ การตีความหมายข้อมลู สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตคี วามหมาย ตีความหมาย และลงข้อสรปุ ได้ว่า ข้อมลู และลงข้อสรปุ ได้ ข้อมูลและลงข้อสรุปได้ ข้อมูลและลงข้อสรุปได้ ข้อมูลและลง เมอ่ื นำแม่เหลก็ 2 แท่ง ถกู ต้องดว้ ยตนเองว่าเมอ่ื ถกู ต้องโดยอาศยั การ ถูกต้องเพียงบางสว่ น ขอ้ สรุป เข้าใกล้กนั จะเกิดแรง นำแม่เหล็ก 2 แทง่ เขา้ ชี้แนะจากครหู รือผู้อื่น แมว้ ่าจะได้รบั การ กระทำซง่ึ กันและกนั ใกลก้ นั จะเกดิ แรง ว่าเม่อื นำแม่เหลก็ 2 ช้ีแนะจากครหู รือผอู้ ่นื โดยแม่เหล็กขั้ว กระทำซ่งึ กนั และกัน แทง่ เขา้ ใกลก้ ัน จะเกิด ว่าเมอื่ นำแม่เหลก็ 2 เดียวกนั จะมแี รงผลกั โดยแม่เหล็กขัว้ เดยี วกัน แรงกระทำซงึ่ กันและ แทง่ เข้าใกล้กนั จะเกิด ซึ่งกนั และกนั และ จะมีแรงผลกั ซง่ึ กนั และ กัน โดยแม่เหล็กขว้ั แรงกระทำซงึ่ กันและ แมเ่ หล็กขว้ั ต่างกนั จะมี กัน และแม่เหล็ก เดยี วกนั จะมแี รงผลกั กนั โดยแม่เหล็กขั้ว แรงดึงดดู ซึ่งกนั และกัน ขั้วตา่ งกันจะมแี รงดึงดูด ซ่ึงกันและกัน และ เดยี วกันจะมีแรงผลักซง่ึ ซ่งึ กันและกนั แมเ่ หลก็ ขัว้ ตา่ งกันจะมี กันและกัน และ แรงดงึ ดูดซ่ึงกันและกนั แมเ่ หล็กขั้วตา่ งกนั จะมี แรงดึงดดู ซ่ึงกนั และกนั สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

127 คู่มอื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 แรงในชีวิตประจำวัน ตาราง รายการประเมนิ และเกณฑ์การประเมินทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะแห่ง รายการประเมนิ ดี (3) เกณฑก์ ารประเมนิ ควรปรบั ปรงุ (1) ศตวรรษท่ี 21 พอใช้ (2) C4 การส่อื สาร การส่ือสารผลการ สามารถสอ่ื สารผลการ สามารถส่อื สารผลการ สามารถสอ่ื สารผลการ C5 ความรว่ มมือ สังเกตเก่ียวกบั แรง สงั เกตเก่ยี วกับแรง สังเกตเก่ียวกับแรงกระทำ สงั เกตเกย่ี วกับแรง กระทำระหวา่ ง กระทำระหว่างแม่เหล็ก ระหว่างแม่เหลก็ ใหผ้ อู้ ่นื กระทำระหวา่ งแม่เหลก็ แมเ่ หลก็ ให้ผู้อ่ืน ให้ผูอ้ นื่ เข้าใจไดถ้ ูกต้อง เข้าใจได้อยา่ งถกู ต้อง จาก ให้ผู้อนื่ เขา้ ใจไดเ้ พยี ง เขา้ ใจ ดว้ ยตนเอง การชี้แนะของครูหรอื ผู้อ่นื บางสว่ น แม้ว่าจะได้รบั การช้แี นะจากครหู รอื ผูอ้ ื่น การทำงานร่วมกับ สามารถทำงานรว่ มกับ สามารถทำงานร่วมกับ สามารถทำงานรว่ มกับ ผู้อืน่ ในการทำ ผ้อู ่นื ในการทำกิจกรรม ผอู้ ่นื ในการทำกิจกรรม ผ้อู ืน่ ในการทำกจิ กรรม กิจกรรมและการ และการอภิปราย และการอภิปรายเกย่ี วกบั และการอภปิ ราย อภปิ รายเก่ียวกบั แรง เกยี่ วกบั แรงกระทำ แรงกระทำระหว่าง เก่ียวกบั แรงกระทำ กระทำระหว่าง ระหวา่ งแม่เหลก็ รวมทั้ง แม่เหลก็ รวมท้ังยอมรับ ระหว่างแมเ่ หล็ก รวมทั้ง แมเ่ หลก็ รวมท้ัง ยอมรบั ความคิดเหน็ ความคดิ เห็นของผู้อน่ื ใน ยอมรบั ความคดิ เห็นของ ยอมรบั ความคิดเห็น ของผู้อื่นตลอดช่วงเวลา บางช่วงเวลาที่ทำกจิ กรรม ผู้อื่นบางชว่ งเวลาที่ทำ ของผู้อนื่ ของการทำกจิ กรรม กิจกรรม ทัง้ นี้ตอ้ งอาศัย การกระตนุ้ จากครูหรอื ผ้อู ่นื ⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 แรงในชีวิตประจำวัน 128 กจิ กรรมท้ายบทที่ 1 แรงสัมผัสและแรงไมส่ ัมผัส (1 ชัว่ โมง) 1. นักเรียนวาดรูปหรือเขียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากบทนี้ ในแบบบันทึก กิจกรรมหนา้ 34 2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ของตนเองโดยเปรียบเทียบกับ แผนภาพในหวั ขอ้ รู้อะไรในบทนี้ ในหนังสอื เรยี นหน้า 47 3. นักเรียนกลับไปตรวจสอบคำตอบของตนเองในสำรวจความรู้ก่อนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรมหน้า 20-23 อีกครั้ง ถ้าคำตอบของนักเรียนไม่ ถูกตอ้ ง ให้ขดี เส้นทับข้อความเหล่านั้น แลว้ แก้ไขให้ถูกต้อง นอกจากน้ีครู อาจนำคำถามในรูปนำบทในหนังสือเรียนหน้า 24 มาร่วมกันอภิปราย คำตอบอกี ครง้ั 4. นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 1 แรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัส ใน แบบบันทึกกิจกรรมหน้า 45-49 จากนั้นนำเสนอคำตอบหน้าชั้นเรียน ถ้าคำตอบยังมีความคลาดเคลื่อนไม่ถูกต้องครูควรนำอภิปรายหรือให้ สถานการณ์เพม่ิ เติมเพอ่ื แก้ไขแนวคิดคลาดเคลอ่ื นให้ถูกตอ้ ง 5. นักเรียนร่วมกันทำกิจกรรมร่วมคิด ร่วมทำ โดยร่วมกันออกแบบและ สร้างรถของเล่นจากเศษวัสดุเหลือใช้ โดยออกแบบรถให้เคลื่อนที่ได้โดย ไมต่ ้องสมั ผสั กบั ตวั รถ 6. นักเรียนอ่านและอภิปรายเนื้อเรื่องในหัวข้อวิทย์ใกล้ตัว ในหนังสือเรียน หน้า 52 โดยครกู ระตนุ้ ให้นักเรียนเห็นความสำคัญของความรู้จากสิ่งท่ีได้ เรียนรู้ในหน่วยน้ี ว่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ อย่างไร เช่น การประยุกต์ใช้ความรู้เรื่องแรงแม่เหล็กมาประดิษฐ์ แปรงแมเ่ หล็กเพื่อทำความสะอาดตู้ปลา สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

129 คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 แรงในชวี ติ ประจำวนั สรุปผลการเรยี นรู้ของตนเอง รปู หรือข้อความสรุปส่ิงท่ไี ดเ้ รยี นร้จู ากบทนต้ี ามความเขา้ ใจของนักเรียน ⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 แรงในชวี ติ ประจำวัน 130 แนวคำตอบในแบบฝึกหดั ท้ายบท ลกู วอลเลย์บอลเปลย่ี นแปลงการเคลือ่ นท่จี ากอยู่นิ่งเปน็ เคลื่อนท่ี สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

131 ค่มู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 แรงในชวี ติ ประจำวนั เมื่อนักกีฬา B ออกแรงรับลูกวอลเลย์บอล ลูกวอลเลย์บอลเปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่จากกำลังเคลื่อนที่เป็นหยุดนิ่ง จากนั้นนักกีฬา B ออกแรงส่ง ลูกวอลเลย์บอลอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้ลูกวอลเลย์บอลที่หยุดนิ่งเปลี่ยนเป็น เคลอ่ื นที่ไปยังฝั่งตรงกนั ขา้ ม ลูกวอลเลย์บอลเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีโดยเคลื่อนที่เร็วขึ้นและมีการ เปลี่ยนทศิ ทางการเคลอ่ื นท่ี ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 แรงในชีวิตประจำวนั 132   แม่เหล็กมี 2 ข้ัว คือ ข้วั เหนือและข้ัวใต้  แรงระหว่างแมเ่ หล็กกับสารแมเ่ หลก็ มีเฉพาะแรงดงึ ดดู   เมอื่ นำแม่เหลก็ ข้วั เหมือนกันเข้าใกลก้ นั จะเกดิ การผลกั กัน สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

133 คูม่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 แรงในชีวติ ประจำวัน นักเรียนรวู้ ่าบา้ นของนกั เรียนอยูท่ างทศิ ใต้ สงิ่ ท่ีนกั เรยี นตอ้ งทำหากมีเพียง แมเ่ หล็กอยูใ่ นกระเปา๋ คือ ใช้ความรูท้ ีเ่ คยเรียนมาวา่ แม่เหล็กจะวางตัวในแนว ทิศเหนือทศิ ใต้ ดังนั้นสิง่ ท่ีต้องทำ คือ ทำให้แม่เหลก็ แกว่งได้อยา่ งอิสระ เมือ่ แม่เหล็กหยุดน่ิง แม่เหล็กขว้ั ใต้ชีไ้ ปทางใด ทิศน้ันจะเป็นทศิ ใต้ซงึ่ เป็นทศิ ของบา้ นนักเรยี น วตั ถุดงั กลา่ วเปน็ แม่เหลก็ เพราะมีแรงกระทำระหว่างแม่เหลก็ ซ่ึงอาจจะ เปน็ แรงดงึ ดูดหรอื แรงผลกั ข้ึนอยู่กับข้วั ของแมเ่ หลก็ ทนี่ ำมาเขา้ ใกลก้ นั ⎯ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 แรงในชีวติ ประจำวนั 134 แรงแม่เหลก็ เพราะเป็นแรงท่ีเกดิ ขน้ึ ระหวา่ งแม่เหล็กซงึ่ มที ั้งแรงผลกั และ แรงดึงดูด ต้องออกแรงสัมผัสกับ มกี ารออกแรงกระทำตอ่ ไมจ่ ำเป็นตอ้ งออกแรง วัตถุโดยตรง วตั ถุ และสามารถทำให้ สัมผัสกับวตั ถโุ ดยตรง วัตถุเปลย่ี นแปลง การเคลื่อนท่ีได้ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

135 คมู่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยที่ 5 พลงั งานกับชวี ติ หน่วยท่ี 5 พลงั งานกบั ชีวิต ภาพรวมการจดั การเรียนรูป้ ระจำหนว่ ยท่ี 5 พลังงานกบั ชวี ติ บท เรือ่ ง กจิ กรรม ลำดบั แนวคิดต่อเนือ่ ง ตัวชี้วดั บทที่ 1 ดวงอาทิตย์ เร่ืองที่ 1 ดวงอาทติ ย์ กจิ กรรมที่ 1.1 การ • โลกหมุนรอบตัวเองใน ว 3.1 ป.3/1 และปรากฏการณ์ และโลก หมุนรอบตวั เองของ ของโลก โลกทำใหเ้ กดิ ทิศทางทวนเข็มนาฬิกา อธิบายแบบรูปเสน้ ทางการ ปรากฏการณ์อะไรบ้าง เมื่อมองจากบริเวณ ขึ้นและตก ของดวงอาทติ ย์ เหนือขั้วโลกเหนือขณะ โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์ โคจรรอบดวงอาทิตย์ ว 3.1 ป.3/2 ท ำ ใ ห ้ เ ก ิ ด ก ล า ง วั น อ ธ ิ บ า ย ส า เ หต ุ ก า รเกิด กลางคืน การขึ้นและตก ปรากฏการณ์การขึ้นและตก ของดวงอาทิตย์ และ ของดวงอาทิตย์ การเกิด การกำหนดทิศ กลางวันกลางคืน และการ ก ำ ห น ด ท ิ ศ โ ด ย ใ ช้ แบบจำลอง กิจกรรมท่ี 1.2 • ดวงอาทติ ยเ์ ปน็ แหลง่ ว 3.1 ป.3/3 ดวงอาทิตยส์ ำคัญ พลงั งานแสงและ ตระหนักถึงความสำคัญของ อยา่ งไร พลงั งานความร้อน ดวงอาทิตย์ โดยบรรยาย มปี ระโยชนต์ ่อการ ประโยชนข์ องดวงอาทิตย์ต่อ ดำรงชวี ิตของสงิ่ มีชวี ิต สงิ่ มชี ีวิต รว่ มคดิ รว่ มทำ บทที่ 2 พลงั งาน เรือ่ งท่ี 1 พลังงาน กจิ กรรมที่ 1.1 • พลงั งานเป็นปรมิ าณท่ี ว 2.3 ป.3/1 ไฟฟ้า ไฟฟา้ กับชวี ิต พลงั งานหนึง่ เปล่ียนเปน็ พลังงาน แสดงถึงความสามารถ ยกตัวอย่างการเปลี่ยน อะไรไดบ้ ้าง ในการทาํ งาน พลงั งานมี พลังงานหนึ่งไปเป็นอีก หลายแบบ พลังงานหนึ่งจากหลักฐาน เชงิ ประจกั ษ์ ⎯ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 5 พลังงานกับชวี ิต 136 บท เร่อื ง กจิ กรรม ลำดับแนวคิดตอ่ เน่ือง ตัวชีว้ ดั • พลังงานสามารถเปลย่ี น จากพลังงานหนึ่งไปเป็น อกี พลงั งานหนงึ่ ได้ กจิ กรรมท่ี 1.2 ผลิต • ไฟฟา้ เปน็ พลงั งานแบบ ว 2.2 ป.3/2 ไฟฟา้ ได้อย่างไร หนงึ่ สว่ นใหญ่ผลิตจาก บรรยายการทำงานของ เครื่องกําเนดิ ไฟฟ้าซึง่ ใช้ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าและระบุ กจิ กรรมที่ 1.3 ใช้ พลังงานจากแหลง่ แหล่งพลังงานในการผลิต ไฟฟ้าอย่างประหยัด พลงั งานธรรมชาติหลาย ไฟฟ้าจากขอ้ มลู ท่รี วบรวมได้ และปลอดภยั ได้ อยา่ งไร แหล่ง ว 2.2 ป.3/3 ร่วมคดิ ร่วมทำ • พลงั งานไฟฟา้ มี ตระหนักในประโยชน์และ ความสําคัญต่อ โทษของไฟฟ้า โดยนำเสนอ ชวี ิตประจาํ วัน การใช้ วี ธ ี ก า ร ใ ช ้ ไ ฟ ฟ ้ า อ ย ่ า ง ไฟฟา้ นอกจากต้องใช้ ประหยดั และปลอดภยั อยา่ งถูกวิธี ประหยัด และคุ้มค่าแล้ว ยังต้อง คํานงึ ถึงความปลอดภยั ด้วย สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

137 คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 5 พลังงานกับชวี ิต บทที่ 1 ดวงอาทิตย์และปรากฏการณข์ องโลก จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ประจำบท บทนีม้ ีอะไร เม่ือเรยี นจบบทนี้ นักเรียนสามารถ เรอื่ งที่ 1 ดวงอาทติ ย์และโลก 1. อธิบายแบบรูปเส้นทางการขึ้นและตกของ กิจกรรมท่ี 1.1 การหมนุ รอบตวั เองของโลกทำใหเ้ กดิ ดวงอาทติ ย์ 2. อธิบายสาเหตุการเกิดปรากฏการณ์การขึ้นและ ปรากฏการณ์อะไรบ้าง ตกของดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวัน กลางคืน กจิ กรรมท่ี 1.2 ดวงอาทติ ยส์ ำคัญอย่างไร และการกำหนดทิศ 3. บรรยายประโยชนข์ องดวงอาทิตย์ต่อสง่ิ มีชีวิต เวลา 8 ชั่วโมง แนวคิดสำคัญ ดวงอาทิตย์และโลกมีลักษณะคล้ายทรงกลม ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานแสงและพลังงานความร้อน ที่สำคัญของโลก การหมุนรอบตัวเองของโลกขณะที่โคจร รอบดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดกลางวัน กลางคืน การขึ้นและ ตกของดวงอาทติ ย์ และการกำหนดทศิ สื่อการเรียนรแู้ ละแหลง่ เรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี น ป.3 เล่ม 2 หนา้ 54-81 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.3 เลม่ 2 หน้า 50-67 ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 5 พลังงานกบั ชวี ิต 138 ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 กิจกรรมที่ 1.1 1.2 รหสั ทกั ษะ  ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์  S1 การสังเกต  S2 การวัด S3 การใชจ้ ำนวน  S4 การจำแนกประเภท S5 การหาความสัมพันธ์ระหว่าง    สเปซกบั สเปซ  สเปซกบั เวลา  S6 การจดั กระทำและสอื่ ความหมายข้อมูล  S7 การพยากรณ์ S8 การลงความเห็นจากข้อมลู  S9 การต้ังสมมติฐาน S10 การกำหนดนิยามเชงิ ปฏิบตั กิ าร S11 การกำหนดและควบคุมตัวแปร S12 การทดลอง S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป S14 การสรา้ งแบบจำลอง ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C1 การสร้างสรรค์ C2 การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ C3 การแก้ปัญหา C4 การสื่อสาร C5 ความร่วมมอื C6 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการ ส่อื สาร หมายเหตุ: รหัสทักษะทปี่ รากฏน้ี ใชเ้ ฉพาะหนงั สือคูม่ ือครูเลม่ นี้ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

139 คู่มอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 5 พลงั งานกับชวี ิต แนวคิดคลาดเคลือ่ น แนวคดิ คลาดเคลื่อนท่ีอาจพบและแนวคดิ ที่ถูกตอ้ งในบทที่ 1 ดวงอาทติ ย์และปรากฏการณ์ของโลก มีดงั ต่อไปน้ี แนวคดิ คลาดเคลอ่ื น แนวคดิ ที่ถกู ต้อง ดวงอาทิตย์เคลอ่ื นที่ข้ึนจากขอบฟา้ ทางทิศตะวันออกและ ดวงอาทิตย์ไม่ได้เคลื่อนที่ แต่คนบนโลกจะเห็นเหมือน เคลือ่ นที่ไปในท้องฟ้าและตกทางขอบฟา้ ทางทศิ ตะวนั ตก ดวงอาทิตย์ขึ้น และเคลื่อนที่ไปในท้องฟ้า และตกในทิศทาง (Hapkiewicz, A. 1992) เดิมเสมอ ทั้งนี้เป็นเพราะการหมุนรอบตัวเองของโลกใน ทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมองจากบริเวณเหนือขั้วโลกเหนือ (Hapkiewicz, A. 1992) ทศิ อยนู่ อกโลกและอยกู่ ับท่ี (Hapkiewicz, A. 1992) ทิศอยู่บนโลกและเปลี่ยนไปตามการหมุนของโลก ซึ่งมนุษย์ เป็นผู้กำหนดข้ึนจากการทีโ่ ลกหมุนรอบตวั เอง (Hapkiewicz, A. 1992) ถ้าครูพบวา่ มแี นวคดิ คลาดเคล่ือนใดที่ยังไม่ได้แก้ไขจากการทำกจิ กรรมการเรยี นรู้ ครูควรจดั การเรียนรเู้ พิ่มเตมิ เพอื่ แก้ไขต่อไปได้ ⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 5 พลังงานกบั ชีวิต 140 บทนเี้ รมิ่ ตน้ อย่างไร (1 ชั่วโมง) ในการทบทวนความรู้พื้นฐาน ครูควรให้เวลานักเรียนคิดอย่าง 1. ครูทบทวนความรู้พนื้ ฐานเก่ียวกับการปรากฏของดวงอาทิตย์และทิศ เหมาะสม รอคอยอย่างอดทน รวมทั้งชักชวนนักเรียนพูดคุยเกี่ยวกับผลการสังเกตทิศทางการข้ึน นักเรียนต้องตอบคำถามเหล่านี้ได้ และตกของดวงอาทติ ย์ในแต่ละชว่ งเวลา โดยใช้คำถามอภปิ ราย ดงั น้ี ถูกต้อง หากตอบไม่ได้หรือลืมครูต้อง 1.1 นักเรยี นสงั เกตเหน็ ดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าในช่วงเวลา ให้ความรูท้ ถี่ ูกตอ้ งทันที ใด (เวลากลางวัน) 1.2 ในเวลาเช้าและเย็น นักเรียนสังเกตเห็นดวงอาทิตย์อยู่ทางด้าน ในการตรวจสอบความรู้เดิม ใดเมื่อหันหน้าเข้าหาอาคารเรียน (นักเรียนตอบตามผลการ ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น สังเกต เช่น ในเวลาเช้าเห็นดวงอาทิตย์อยู่ทางขวามือของ สำคัญ ครูยังไม่เฉลยคำตอบใด ๆ นักเรียน ส่วนเวลาเย็นเห็นดวงอาทิตย์อยู่ทางซ้ายมือของ แต่ชักชวนให้หาคำตอบที่ถูกต้อง นกั เรยี น) จากกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในบทเรียนนี้ 1.3 นักเรียนรู้จักทิศอะไรบ้าง (ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทศิ ตะวันตก) ครนู ำบตั รคำต่อไปน้ี คำวา่ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทศิ ตะวนั ออก ทิศตะวันตก ทีเ่ ตรยี มไว้มาให้นกั เรยี นนำไปติดทผี่ นังหอ้ งเรียนตาม ตำแหนง่ ทิศตามความเขา้ ใจของตนเอง 2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับดวงอาทิตย์และปรากฏการณ์ของ โลก โดยเลา่ นิทานเร่อื ง “ปัญหาของพอเพยี ง” ให้นักเรียนฟัง อาจใช้ ภาพประกอบหรือให้นักเรียนแสดงบทบาทสมมติ โดยอาจใช้โคมไฟ หรือไฟฉาย แทนดวงอาทิตย์ นิทาน เรอื่ งปญั หาของพอเพยี ง “พอเพียงปั่นจักรยานไปกลับระหว่างบา้ นและโรงเรียนทุกวนั แต่ละวันพอเพียงต้องสวมหมวกแก๊ป เพื่อกันแสงจากดวงอาทิตย์ที่ ส่องหน้าพอเพียงทั้งขาไปและขากลับ พอไปถึงโรงเรียน พอเพียงจะ เหงื่อออกและรู้สึกร้อนในทุก ๆ วัน พอเพียงจึงเสนอความคิดกับครู และเพื่อน ๆ ว่า เราน่าจะเปลี่ยนเวลาเรียนมาเป็นเวลากลางคืน เพื่อนหลายคนเห็นด้วยแต่บางคนแย้งว่า ถ้าต้องมาโรงเรียนเวลา กลางคืน อาจมองไม่เห็นทางและเราอาจป่วยได้ แต่หลายคนก็บอก ว่าเรียนเวลากลางคืนก็ดีเหมือนกัน เพราะไม่มีดวงอาทิตย์ส่องหน้า และอากาศไม่ร้อน เพื่อน ๆ ในห้องต่างพากันถกเถียงในเรื่องนี้ แต่ก็ ยงั หาขอ้ สรปุ ไม่ได้ พอเพยี งจึงตอ้ งมาโรงเรียนในเวลากลางวันต่อไป” เม่อื เลา่ นิทานจบ ครใู ช้คำถามอภปิ ราย ดงั น้ี สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

141 คู่มอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยที่ 5 พลงั งานกบั ชีวติ 2.1 บ้านของพอเพียงอยู่ทางทิศใดของโรงเรียน เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง ซึ่งคำตอบ คือ บ้าน ของพอเพียงอยู่ทางทิศตะวนั ตก เพราะแสงจากดวงอาทิตย์ส่อง หนา้ พอเพียงท้งั เวลาไปโรงเรียนและกลบั บา้ น) 2.2 ขณะที่พอเพียงปั่นจักรยานไปโรงเรียน ทางขวามือและซ้ายมือ ของพอเพียงเป็นทิศใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ ตนเอง ซึ่งคำตอบ คือ ทางซา้ ยมอื เป็นทิศเหนือ ทางขวามือเป็น ทิศใต)้ 2.3 พอเพียงอยากไปโรงเรียนเวลาใด เพราะเหตุใด (เวลากลางคืน เพราะเวลากลางคืนไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์ส่องหน้า และ อากาศไม่รอ้ น) 2.4 นักเรยี นคิดวา่ กลางวันและกลางคนื เกดิ ขึ้นได้อย่างไร (นักเรียน ตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) 2.5 เพราะเหตุใดจึงเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นและตก (นักเรียนตอบตาม ความเข้าใจของตนเอง) 2.6 นักเรยี นเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นและตกทางทิศใด (นกั เรยี นตอบตาม ความเข้าใจของตนเอง) 2.7 ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ และทิศใต้กำหนดขึ้นได้ อย่างไร (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ครคู วรบันทึกคำตอบของนักเรียนไว้เพ่ือเปรยี บเทียบกับคำตอบ ของนักเรียนหลังจากทำกิจกรรมแล้ว 3. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่หน่วยการเรียนรู้เรื่องพลังงานกับชีวิต โดยกล่าวว่า นักเรียนจะรวู้ ่าคำตอบของตนเองถูกต้องเพียงใดเม่ือเรียนจบหน่วยนี้ จากนั้นให้นักเรียนอ่านชื่อหน่วย และอ่านคำถามสำคัญประจำ หน่วย ในหนังสือเรียนหนา้ 54 ดังน้ี 1. ดวงอาทติ ยม์ ีความสำคัญอย่างไร 2. พลังงานไฟฟ้ามีประโยชน์ในชีวิตประจำวันอย่างไร และเรา ควรทำอย่างไรใหม้ ไี ฟฟา้ ใช้ไปนาน ๆ ครูใหน้ ักเรยี นอ่านคำถามและตอบคำถามตามความเข้าใจของ ตนเอง โดยยังไม่ต้องเฉลยคำตอบ แต่จะให้นักเรียนย้อนกลับมา ตอบอีกคร้ังหลังจากเรยี นจบหนว่ ยนีแ้ ล้ว 3. ครูให้นักเรียนอ่านชื่อบท และจุดประสงค์การเรียนรู้ประจำบท ใน หนังสือเรยี น หนา้ 55 จากนัน้ ครใู ชค้ ำถามว่า ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 5 พลังงานกบั ชีวิต 142 3.1 บทนี้จะได้เรียนเรื่องอะไร (ดวงอาทิตย์และปรากฏการณ์ของ หากนักเรียนไม่สามารถตอบ โลก) คำถามหรืออภิปรายได้ตามแนว คำตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด 3.2 จากจุดประสงค์การเรียนรู้ เมื่อเรียนจบบทนี้นักเรียนสามารถ อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน ทำอะไรไดบ้ ้าง และรบั ฟังแนวความคิดของนักเรียน (- อธิบายแบบรปู เส้นทางการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ - อธบิ ายสาเหตกุ ารเกิดปรากฏการณ์การขน้ึ และตกของ ดวงอาทติ ย์ การเกดิ กลางวัน กลางคืน และการกำหนดทิศ - บรรยายประโยชน์ของดวงอาทิตย์ต่อสิง่ มชี ีวิต) 4. นักเรียนอ่านแนวคิดสำคัญ ในหนังสือเรียน หน้า 56 จากนั้นครูใช้ คำถามว่า จากการอ่านแนวคิดสำคัญ นักเรียนคิดว่าจะได้เรียน เกี่ยวกบั เร่อื งอะไรบา้ ง (ความสำคัญของดวงอาทิตย์ การเกดิ กลางวัน กลางคืน การข้ึนและตกของดวงอาทติ ย์ และการกำหนดทศิ ) 5. ครูชกั ชวนให้นักเรยี นสังเกตรปู และอา่ นเนื้อเรื่องในหนังสอื เรียน หนา้ 56 โดยครูฝึกทักษะการอ่านตามวิธีการอ่านที่เหมาะสมกับ ความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูใช้คำถามเพื่อตรวจสอบความ เข้าใจจากการอ่าน ดังนี้ สงั เกตรูป 5.1 จากรูปนักเรยี นสังเกตเห็นดาวอะไรบา้ ง (ดวงจนั ทร์ ดวงอาทิตย์ โลก) ย่อหนา้ ที่ 1 5.2 อากาศทหี่ อ่ หมุ้ โลก เรียกวา่ อะไร (บรรยากาศ) 5.3 บริเวณท่ีไมม่ ีอากาศ เรยี กว่าอะไร (อวกาศ) 5.4 บนโลกและในอวกาศแตกต่างกันอย่างไร (บนโลกมีอากาศ หอ่ หุม้ ส่วนในอวกาศไมม่ อี ากาศ และมีดาวอยู่มากมาย) ครอู าจขยายความรเู้ พิ่มเตมิ เก่ยี วกับโลกท่ีมอี ากาศห่อหุ้ม โดยการใช้โปรแกรมประยุกต์ เรียกว่า Google Earth ดังรูปที่ 1 หรือให้นกั เรยี นดรู ูปจากอนิ เทอรเ์ นต็ เพม่ิ เติม สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

143 คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 5 พลังงานกบั ชีวิต อากาศทีห่ ่อหุม้ โลก รปู ที่ 1 การเตรียมตัวล่วงหน้าสำหรับครู 5.5 ดาวดวงใดเกี่ยวข้องกับโลกของเรามากที่สุด (ดวงจันทร์และ เพอ่ื จดั การเรยี นรู้ในครง้ั ถดั ไป ดวงอาทิตย์) ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้เรียน ยอ่ หนา้ ที่ 2 เรื่องที่ 1 ดวงอาทิตย์และโลก โดยครู 5.6 ในย่อหน้าที่ 2 นักเรียนพบคำถามอะไรบ้าง (การหมุนรอบ เตรียมอุปกรณ์ ดังน้ี 1. ลูกโลก 1 ลูก สำหรับใช้ตรวจสอบ ตวั เองของโลกขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ทำให้เกดิ ปรากฏการณ์ ใดบ้าง ปรากฏการณ์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร และดวงอาทิตย์มี ความรู้เดิมของนักเรียน และใช้ ความสำคัญอยา่ งไร) ประกอบการอธบิ ายการอ่านเนอ้ื เรื่อง 5.7 การหมุนและการโคจร แตกต่างกันอย่างไร (นักเรียนตอบตาม 2. นาฬิกาแขวน สำหรับใช้ประกอบการ ความเขา้ ใจของตนเอง) อธิบายการอา่ นเน้ือเรอ่ื ง 6. ครชู กั ชวนนกั เรียนตอบคำถามเก่ยี วกับดวงอาทิตย์และปรากฏการณ์ ของโลกในสำรวจความรกู้ อ่ นเรยี น 7. นักเรียนทำสำรวจความรู้ก่อนเรียนในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 52-53 โดยให้นกั เรยี นอ่านคำถามแต่ละข้อ ครูตรวจสอบความเข้าใจ ของนักเรียน จนแน่ใจว่านักเรียนสามารถทำได้ด้วยตนเอง จึงให้ นักเรียนตอบคำถาม โดยคำตอบของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน และ คำตอบอาจถกู หรอื ผดิ ก็ได้ 8. ครูสังเกตการตอบคำถามของนักเรียนเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมี แนวคิดเกี่ยวกับดวงอาทิตย์และปรากฏการณ์ของโลกอย่างไรบ้าง หรืออาจสุ่มให้นักเรียน 2-3 คน นำเสนอคำตอบของตนเอง โดยครู ยังไม่ต้องเฉลยคำตอบ แต่จะให้นักเรียนย้อนกลับมาตรวจสอบ อีกครั้งหลังจากเรียนจบบทนี้แล้ว ทั้งนี้ครูอาจบันทึกแนวคิด คลาดเคลื่อนหรือแนวคิดที่น่าสนใจของนักเรียน แล้วนำมาออกแบบ การจัดการเรียนการสอนเพื่อแก้ไขแนวคิดคลาดเคลื่อนให้ถูกต้อง และต่อยอดแนวคิดท่ีนา่ สนใจของนักเรยี นตอ่ ไป ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 5 พลังงานกบั ชีวิต 144 แนวคำตอบในแบบบันทกึ กิจกรรม การสำรวจความรูก้ ่อนเรยี น นกั เรียนอาจตอบคำถามถกู หรือผิดก็ไดข้ ึ้นอยกู่ ับความรู้เดมิ ของนักเรียน แตเ่ ม่ือเรยี นจบบทเรยี นแลว้ ให้นกั เรยี นกลับมาตรวจสอบคำตอบอกี ครั้งและแก้ไขให้ถกู ต้อง ดังตวั อย่าง √ ดวงอาทติ ย์ โลก โลกด้านที่ไดร้ บั แสงจาก ดวงอาทิตย์จะสว่าง เปน็ เวลากลางวนั สว่ น ด้านท่ไี ม่ไดร้ บั แสงจะมดื เป็นเวลากลางคืน สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

145 คมู่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 5 พลงั งานกบั ชวี ติ √ √ √ ⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยที่ 5 พลังงานกบั ชีวิต 146 เรื่องท่ี 1 ดวงอาทติ ยแ์ ละโลก ในเรื่องนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ การเกิด ปรากฏการณ์กลางวัน กลางคืน การขึ้นและตกของ ดวงอาทิตย์ และการกำหนดทิศ รวมทั้งประโยชน์ของ ดวงอาทติ ย์ทมี่ ีตอ่ โลกและสิ่งมีชวี ิต จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สร้างแบบจำลองและอธิบายการเกิดกลางวัน กลางคนื 2. สร้างแบบจำลองและอธิบายปรากฏการณ์การ ข้ึนและตกของดวงอาทติ ย์ และการกำหนดทศิ 3. รวบรวมข้อมูลและบรรยายประโยชน์ของ ดวงอาทิตย์ตอ่ ส่งิ มีชีวติ เวลา 6 ชั่วโมง สื่อการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ วสั ดุ อปุ กรณส์ ำหรบั ทำกจิ กรรม 1. หนงั สอื เรยี น ป.3 เล่ม 2 หน้า 58-77 ลูกโลก ไฟฉาย กรรไกร กระดาษแข็งเทาขาว 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.3 เล่ม 2 หนา้ 54-64 ดินน้ำมัน เทปใส ไม้จ้มิ ฟัน สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

147 คู่มอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หน่วยที่ 5 พลังงานกบั ชีวิต แนวการจดั การเรยี นรู้ (60 นาท)ี ในการตรวจสอบความรู้เดิม ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น ขนั้ ตรวจสอบความรู้ (10 นาที) สำคัญ ครูยังไม่เฉลยคำตอบใด ๆ แต่ชักชวนให้หาคำตอบด้วย 1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับดวงอาทิตย์และโลก โดยนำลูกโลกมาให้ ตนเองจากการอ่านเนื้อเร่อื ง นักเรยี นสงั เกต จากนั้นนำอภปิ รายโดยใช้คำถามดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1 ลกู โลกนี้เหมือนและแตกต่างจากโลกของจรงิ อย่างไร (นกั เรียนตอบ ตามความเข้าใจของตนเอง) 1.2 นักเรียนคิดว่าขณะนี้โลกเคล่ือนที่อยู่หรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบ ตามความเขา้ ใจของตนเอง) 1.3 นักเรียนคิดว่าดวงอาทิตย์เคลื่อนที่หรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบ ตามความเข้าใจของตนเอง) 1.4 ดวงอาทิตย์และโลกเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ถ้าเกี่ยวข้อง เกี่ยวข้อง อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) ขัน้ ฝกึ ทกั ษะจากการอ่าน (35 นาที) 2. ครูให้นักเรียนอ่านชื่อเรื่อง และคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียน หน้า 58 จากนั้นร่วมกนั อภิปรายเพื่อหาแนวคำตอบและนำเสนอ ครูบนั ทกึ คำตอบ ของนกั เรียนบนกระดานเพื่อใชเ้ ปรยี บเทยี บคำตอบหลงั จากการอ่านเรื่อง 3. นักเรยี นอา่ นคำสำคัญ ท้งั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ (หากนักเรียนอ่าน ไม่ได้ ครูควรสอนอ่านให้ถูกต้อง) จากนั้นครูชักชวนให้นักเรียนอธิบาย ความหมายของคำสำคัญตามความเข้าใจของตนเอง 4. นักเรียนอ่านเนื้อเรื่องในหนังสือเรียน หน้า 58-60 โดยครูฝึกทักษะ การอ่านตามวิธีการอ่านที่เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน ครูตรวจสอบความเขา้ ใจจากการอา่ น โดยใช้คำถามดังนี้ ยอ่ หนา้ ที่ 1 4.1 โลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์แตกต่างกันอย่างไร (โลกและ ดวงจันทร์เป็นดาวที่ไม่มีแสงในตัวเอง แต่ดวงอาทิตย์เป็นดาวที่มี แสงในตัวเอง) 4.2 ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานอะไรบ้าง (แหล่งพลังงานแสงและ พลงั งานความร้อน) ⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 5 พลังงานกบั ชวี ิต 148 4.3 พลังงานจากดวงอาทิตย์มีประโยชน์ต่อโลกและสิ่งมีชีวิตอย่างไร หากนักเรียนไม่สามารถตอบ (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น พลังงานจาก คำถามหรืออภิปรายได้ตาม ดวงอาทิตย์ช่วยทำใหโ้ ลกอบอนุ่ ทำให้มองเหน็ ส่ิงตา่ ง ๆ) แนวคำตอบ ครูควรให้เวลา นักเรียนคิดอย่างเหมาะสม ยอ่ หน้าที่ 2 รอคอยอย่างอดทน และรับฟัง 4.4 โลกมีการเคลื่อนที่อย่างไร (โลกหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบ แนวความคิดของนกั เรียน ดวงอาทิตย์) การเตรียมตวั ลว่ งหนา้ สำหรบั ครู 4.5 การหมุนและการโคจรแตกต่างกันอย่างไร (การหมุนเป็นการ เพ่ือจัดการเรียนรูใ้ นครงั้ ถัดไป เคลือ่ นทรี่ อบตวั เอง สว่ นการโคจรเป็นการเคลื่อนทีร่ อบส่งิ อนื่ ) ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้ทำ ถ้านักเรียนยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับการหมุนและการโคจร กิจกรรมที่ 1.1 การหมุนรอบตัวเองของ โลกทำให้เกิดปรากฏการณ์อะไรบ้าง โดย ครูอาจใช้วิธีการสาธิต โดยให้นักเรียนคนหนึ่งเป็นโลก และนักเรียน ครเู ตรียมสถานทแ่ี ละสือ่ การเรยี นรู้ ดังนี้ อีกคนหนึ่งเป็นดวงอาทิตย์ จากนั้นให้นักเรียนคนที่เป็นโลก หมุนรอบตัวเอง พร้อมกับเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ เพื่อนอีกคนที่เป็น 1. ห้องมดื ดวงอาทิตย์ ซึ่งการหมุน คือ การหมุนรอบตัวเอง ส่วนการโคจร คือ 2. ลูกโลก การเคลอ่ื นท่ีไปรอบส่งิ อน่ื 3. กระดาษแข็งเทาขาวที่ตัดเป็น 4.6 โลกหมุนรอบตัวเองในทิศทางใด (โลกหมุนรอบตัวเองในทิศทาง ทวนเขม็ นาฬกิ าเมือ่ มองจากบรเิ วณเหนือขัว้ โลกเหนือ) วงกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 3-4 เซนตเิ มตร ครูอาจนำนาฬิกาแขวนมาให้นักเรียนสังเกตเพื่อทำความ 4. ตุ๊กตาดินน้ำมันขนาดเล็กที่ติดบน เขา้ ใจเก่ียวกับทิศทางการหมุนของเข็มนาฬิกา จากนั้นครูนำลูกโลก ลูกโลกได้ โดยครูอาจปั้นตุ๊กตา มาให้นักเรียนสังเกต และบอกตำแหน่งขั้วโลกเหนือ แล้วสุ่ม ดินน้ำมัน เตรียมไว้ให้นักเรียน นักเรียนออกมาหมุนลูกโลก โดยครูหันขั้วโลกเหนือไปทางนักเรียน สำหรบั ทำกิจกรรมท่ี 1.1 ตอนที่ 2 และขณะที่ยังหมุนลูกโลก ครูค่อย ๆ ปรับแนวลูกโลกให้นักเรียน มองเห็นด้านข้างของลูกโลก ถ้าขณะที่นักเรียนสาธิตการหมุนลูกโลกรอบตัวเองในข้อ 4.5 แต่หมุนผิดทิศทาง ครูควรย้ำการหมุนในทิศทางที่ถูกต้องให้แก่ นักเรียนอกี ครัง้ ขนั้ สรุปจากการอา่ น (15 นาที) 5. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปเรื่องที่อ่านซึ่งควรสรุปได้ว่า ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์เป็นดาว โดยโลกและดวงจนั ทร์เป็นดาวทีไ่ ม่มแี สงในตัวเอง แตด่ วงอาทติ ยเ์ ป็นดาวท่ีมแี สงในตัวเอง ดวงอาทิตย์จึงเป็นแหล่งพลังงาน แสงและพลังงานความร้อน ซงึ่ มปี ระโยชนต์ อ่ โลกและส่งิ มชี วี ติ ต่าง ๆ โลก หมุนรอบตัวเองในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมองจากบริเวณเหนือ ขั้วโลกเหนอื ขณะท่ีโคจรรอบดวงอาทติ ย์ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

149 ค่มู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 5 พลังงานกับชีวิต 6. นกั เรยี นตอบคำถามในรหู้ รอื ยัง ในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม หน้า 60 7. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคำตอบของนักเรียนใน รู้หรือยัง กับคำตอบท่เี คยตอบและบนั ทึกไวใ้ นคดิ ก่อนอ่าน 8. ครูเช่อื มโยงเขา้ สูก่ จิ กรรม โดยใช้คำถามทา้ ยเรอื่ งที่อา่ น ดงั นี้ 8.1 การทโ่ี ลกหมนุ รอบตัวเองทำให้เกิดปรากฏการณ์อะไรบ้าง (นักเรียน ตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) 8.2 ดวงอาทติ ยส์ ำคญั อยา่ งไร (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ครูยังไม่เฉลยคำตอบแต่ชักชวนให้นักเรียนหาคำตอบจากการทำ กจิ กรรม ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 5 พลังงานกับชวี ิต 150 แนวคำตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม โลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ เป็นดาวเหมือนกัน แต่ แตกต่างกัน คือ โลกและดวงจันทร์ เป็นดาวที่ไม่มีแสงใน ตวั เอง ส่วนดวงอาทติ ย์เปน็ ดาวที่มีแสงในตวั เอง โลกหมนุ รอบตัวเองในทศิ ทาง ทวนเขม็ นาฬกิ าเม่ือมองจาก บรเิ วณเหนอื ข้ัวโลกเหนอื สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

151 คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 5 พลงั งานกบั ชวี ิต กจิ กรรมท่ี 1.1 การหมุนรอบตวั เองของโลกทำให้เกิดปรากฏการณ์อะไรบา้ ง กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้สร้างแบบจำลองเพ่ือ อธิบายการเกิดกลางวัน กลางคืน และปรากฏการณ์ การขึน้ และตกของดวงอาทติ ย์ และการกำหนดทศิ เวลา 4 ชัว่ โมง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สร้างแบบจำลองและอธิบายการเกิดกลางวัน กลางคนื 2. สร้างแบบจำลองและอธิบายปรากฏการณ์ การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ และการ กำหนดทิศ วัสดุ อุปกรณส์ ำหรบั ทำกจิ กรรม สงิ่ ท่ีครตู อ้ งเตรยี ม/กลมุ่ 1. ลกู โลก 1 ลูก สอ่ื การเรยี นรู้และแหลง่ เรียนรู้ 2. ไฟฉาย 1 กระบอก 1. หนังสือเรยี น ป.3 เลม่ 2 หน้า 61-70 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.3 เล่ม 2 หนา้ 55-61 3. กรรไกร 1-2 เล่ม 3. ตัวอยา่ งวดี ทิ ัศน์ปฏบิ ัติการวทิ ยาศาสตรส์ ำหรับครู 4. กระดาษแข็งเทาขาว 1 แผน่ 3.1 เร่อื งกลางวัน กลางคนื เกิดขึ้นได้อยา่ งไร http://ipst.me/8040 5. ดินนำ้ มัน 1 ก้อน 3.2 เรือ่ ง การขึน้ และตกของดวงอาทิตย์ และ 6. เทปใส 1 มว้ น การกำหนดทิศเกิดข้นึ ไดอ้ ย่างไร http://ipst.me/9928 7. ไม้จ้มิ ฟัน 1 อนั ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ S1 การสังเกต S5 การหาความสมั พันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ S8 การลงความเห็นจากข้อมูล S13 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ S14 การสร้างแบบจำลอง ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 C4 การสอื่ สาร C5 ความรว่ มมือ ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 5 พลังงานกบั ชีวิต 152 แนวการจดั การเรยี นรู้ ในการทบทวนความรู้พื้นฐาน ครูควรให้เวลานักเรียนคิดอย่าง 1. ครูทบทวนความร้พู ้ืนฐานเก่ียวกบั ดวงอาทติ ย์และโลก โดยใชค้ ำถามดงั นี้ เหมาะสม รอคอยอย่างอดทน 1.1 โลกเคลื่อนที่อย่างไร (โลกหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบ นักเรียนต้องตอบคำถามเหล่านี้ได้ ดวงอาทติ ย)์ ถูกต้อง หากตอบไม่ได้หรือลืมครูต้อง 1.2 โลกหมุนรอบตัวเองในทิศทางใด (ทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมอง ให้ความรู้ท่ีถูกต้องทันที จากบริเวณเหนือข้ัวโลกเหนอื ) ในการตรวจสอบความรู้ 2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เกิดจาก เดิม ครูรับฟังเหตุผลของ การหมุนรอบตัวเองของโลก โดยใช้คำถามว่า การหมุนรอบตัวเองของ นักเรียนเป็นสำคัญ ครูยังไม่ โลกทำให้เกิดปรากฏการณ์ใดบ้าง และเกิดขึ้นได้อย่างไร (นักเรียนตอบ เฉลยคำตอบใด ๆ แต่ชักชวน ตามความเข้าใจของตนเอง) ให้หาคำตอบที่ถูกต้องจาก กิจกรรม 3. ครเู ชื่อมโยงความรเู้ ดิมของนกั เรียนเข้าสู่กิจกรรมที่ 1.1 โดยชี้แนะวา่ เมื่อ นักเรียนทำกิจกรรมนี้แล้ว นักเรียนจะได้ทราบว่าคำตอบของนักเรียน ถูกต้องหรือไม่ 4. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และทำเป็นคิดเป็น ข้อ 1 จากนั้นร่วมกัน อภิปรายเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกบั จุดประสงค์ในการทำกิจกรรม โดยใชค้ ำถาม ดังนี้ 4.1 กจิ กรรมน้นี ักเรียนจะได้เรยี นเรอื่ งอะไร (การเกดิ กลางวนั กลางคืน) 4.2 นกั เรียนจะไดเ้ รียนรเู้ รื่องน้ดี ้วยวธิ ีใด (การสรา้ งแบบจำลอง) 4.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทำอะไรได้ (อธิบายการเกิดกลางวัน กลางคนื ) 5. นักเรียนบันทกึ จุดประสงคล์ งในแบบบันทกึ กิจกรรม หน้า 55 6. นักเรียนอ่านสิ่งที่ต้องใช้ในการทำกิจกรรม ซึ่งถ้าเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่ นักเรียนไม่เคยใช้มากอ่ น ครคู วรแนะนำและสาธติ วธิ กี ารใชอ้ ุปกรณ์น้ัน ๆ 7. นกั เรยี นอ่านทำอย่างไร ตอนท่ี 1 โดยครใู ชว้ ิธฝี กึ การอ่านท่ีเหมาะสมกับ ความสามารถของนักเรียน จากนั้นตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการ ทำกจิ กรรม จนนกั เรียนเข้าใจลำดับการทำกิจกรรม โดยใช้คำถามดังนี้ 7.1 กิจกรรมตอนที่ 1 มีลำดับการทำกิจกรรมอย่างไร (ออกแบบวิธีการ สร้างแบบจำลองการเกิดกลางวัน กลางคืน โดยการวาดรูป แบบจำลองและบรรยายวา่ อปุ กรณท์ ี่เลอื กใชแ้ ทนสิ่งใดในธรรมชาติ จากนั้นนำเสนอและอธิบายการเกิดกลางวัน กลางคืนจากรูปที่วาด อ่านใบความรู้เรื่องการเกิดกลางวัน กลางคืน แล้วปรับป รุง แบบจำลองที่ออกแบบไว้ จากนั้นสร้างแบบจำลองตามที่ออกแบบ และอธิบายการเกิดกลางวัน กลางคืน และสังเกตการได้รับแสงของ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

153 ค่มู ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 5 พลังงานกบั ชวี ิต ประเทศไทยและอภิปรายการเปลี่ยนแปลงการเกิดกลางวัน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กลางคนื ของประเทศไทย) และทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ทนี่ กั เรียน ครบู ันทกึ คำตอบของนักเรยี นสน้ั ๆ บนกระดาน ดังน้ี จะได้ฝึกจากการทำกจิ กรรม 7.2 ในการสร้างแบบจำลอง นักเรียนจะใช้วัสดุอุปกรณ์อะไรบ้าง S1 สังเกตการได้รับแสงของลูกโลกและ (ลูกโลก ไฟฉาย และอุปกรณ์อื่น ๆ ตามความคิดของนักเรียน โดย การเปลี่ยนแปลงการได้รับแสงของ ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่กำหนดให้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการออกแบบ ประเทศไทยเมื่อหมนุ ลูกโลก แบบจำลองของนกั เรยี น) S8 ลงความเห็นข้อมูลเกี่ยวกับการเกิด 7.3 ในรูปวาดแบบจำลองที่ออกแบบไว้ นักเรียนต้องบรรยายอะไรบ้าง กลางวัน กลางคืน จากการอ่าน (บรรยายว่าอุปกรณท์ เ่ี ลอื กใช้แทนสิง่ ใดในธรรมชาติ) ใบความรแู้ ละการสรา้ งแบบจำลอง 8. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการทำกิจกรรมแล้ว ให้นักเรียนออกแบบวิธีการ S14 สร้างแบบจำลองการเกิดกลางวัน สร้างแบบจำลอง แล้วนำเสนอและอธิบายการเกิดกลางวัน กลางคืน กลางคืน โดยใช้ลูกโลก ไฟฉาย และ จากนั้นครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทำกิจกรรม โดยครูนำ อุปกรณ์อื่น ๆ และอธิบายการเกิด อภปิ รายโดยใชค้ ำถามดังต่อไปนี้ กลางวนั กลางคนื จากแบบจำลอง 8.1 แบบจำลองที่สร้างขึ้นใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง และอุปกรณ์แต่ละอย่าง ใช้แทนสิ่งใดในธรรมชาติ (แบบจำลองที่สร้างขึ้นใช้อุปกรณ์ ดังนี้ C4 นำเสนอรูปวาดแบบจำลองที่อธิบาย ไฟฉาย ลูกโลก และอุปกรณ์อื่น ๆ ตามผลการทำกิจกรรมใน การเกิดกลางวัน กลางคืน และ ห้องเรียน โดยใช้ไฟฉายแทนดวงอาทิตย์ ใช้ลูกโลกแทนโลก และ บรรยายว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เลือกใช้ อุปกรณ์อนื่ ๆ ตามผลการทำกจิ กรรมในหอ้ งเรยี น) แทนสง่ิ ใดในธรรมชาตใิ หผ้ ูอ้ ื่นเขา้ ใจ C5 ทำงานร่วมกับผู้อื่นในการออกแบบ วิธีการสร้างแบบจำลองและสร้าง แบบจำลองการเกิดกลางวัน กลางคืน รวมทั้งการสังเกตการได้รับแสงของ ประเทศไทยบนลูกโลก ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับครู โรงเรียนที่ไม่สามารถหาห้องมืด สำหรับทำกิจกรรมนี้ได้ อาจจะใช้กล่อง กระดาษ A4 แทนห้องมืด และใช้ ลูกปิงปองหรือลูกบอลขนาดเล็กแทน ลูกโลก ⎯ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยที่ 5 พลังงานกบั ชีวติ 154 9. นักเรียนอ่านใบความรู้เร่ืองการเกิดกลางวัน กลางคืน จากนั้นร่วมกนั หากนกั เรียนไม่สามารถตอบ อภิปรายตามแนวคำถามดังต่อไปน้ี คำถามหรืออภิปรายได้ตามแนว 9.1 โลกมลี ักษณะอยา่ งไร (คลา้ ยทรงกลม) คำตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน 9.2 กลางวนั กลางคนื เกิดขนึ้ ได้อย่างไร (กลางวนั กลางคืนเกิดขึ้นได้ คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง โดยโลกหมนุ รอบตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้ด้านหน่ึง อดทน และรับฟังแนวความคิด ของโลกได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ ด้านนั้นจะสว่าง เป็นเวลา ของนกั เรยี น กลางวัน และอีกด้านหนึ่งไม่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ ด้านน้ัน จะมดื เปน็ เวลากลางคืน) 9.3 การเกิดกลางวัน กลางคืนที่บริเวณต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลง หรือไม่ อยา่ งไร (มีการเปลย่ี นแปลง โดยเม่อื โลกหมนุ รอบตัวเอง ทำให้บริเวณต่าง ๆ ของโลกที่เคยได้รับแสงเปลี่ยนเป็นไม่ได้รับ แสง บริเวณนั้นจะเปลี่ยนจากเวลากลางวันเป็นเวลากลางคืน ในทางกลับกันบริเวณที่ไม่ได้รับแสงจะเปลี่ยนเป็นได้รับแสง บรเิ วณนั้นจะเปลีย่ นจากเวลากลางคืนเปน็ เวลากลางวัน) 9.4 กลางวัน กลางคืนเป็นวัฏจักรหรือไม่ เพราะเหตุใด (เป็นวัฏจักร เพราะการเกิดกลางวัน กลางคืนเป็นแบบรูปต่อเนื่องไม่มีท่ี ส้นิ สดุ ) 10. นักเรียนนำความรู้ที่ได้จากการอ่านใบความรู้มาปรับปรุงแบบจำลองที่ ไดอ้ อกแบบไว้ จากนน้ั สรา้ งแบบจำลองตามท่ีออกแบบ แลว้ อธิบายการ เกิดกลางวัน กลางคืน และสังเกตการเปลี่ยนแปลงการเกิดกลางวัน กลางคนื ของประเทศไทย 11. หลังจากทำกิจกรรมแล้ว ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทำ กิจกรรม โดยใช้คำถามดงั ตอ่ ไปนี้ 11.1 หลังจากอ่านใบความรู้ นักเรียนมีการปรับปรุงแบบจำลอง อยา่ งไร (นักเรียนตอบตามผลการทำกจิ กรรม) 11.2 จากแบบจำลองที่สร้างขึ้น นักเรียนอธิบายการเกิดกลางวัน กลางคืนได้อย่างไร (โลกด้านที่ได้รับแสงจากไฟฉาย จะสว่าง เป็นเวลากลางวัน และโลกอีกด้านหนึ่งไม่ได้รับแสงจากไฟฉาย จะมืด เป็นเวลากลางคืน เมื่อหมุนลูกโลกไปในทิศทางทวนเข็ม นาฬิกาเมื่อมองจากบรเิ วณเหนือขัว้ โลกเหนือ จะทำให้โลกดา้ นที่ เคยได้รับแสงเปลีย่ นเป็นไม่ได้รับแสง โลกด้านนั้นจะเปลีย่ นจาก เวลากลางวันเป็นเวลากลางคืน และโลกด้านที่เคยไม่ได้รับแสง สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

155 คมู่ ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 5 พลงั งานกับชวี ิต จะเปลี่ยนเป็นได้รับแสง โลกด้านนั้นจะเปล่ยี นจากเวลากลางคืน ถ้าครูพบว่านักเรียนยังมี เป็นเวลากลางวัน) แนวคิดคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับ 11.3 เมื่อหมุนลูกโลก 3 รอบ การเกิดกลางวัน กลางคืนของ การเกิดกลางวัน กลางคืนให้ ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร (ไม่มีการ ร่วมกันอภิปรายจนนักเรียนมี เปลี่ยนแปลง เมื่อหมุนลูกโลกทั้ง 3 รอบ โดยเมื่อตำแหน่ง แนวคดิ ทถี่ ูกต้อง ประเทศไทยอยู่ทางด้านที่ได้รับแสงจากไฟฉาย จะสว่าง เป็น เวลากลางวนั แต่เมื่อตำแหน่งประเทศไทยอยู่ทางด้านที่ไม่ไดร้ บั แสงจากไฟฉาย จะมืด เป็นเวลากลางคืน ซึ่งจะเป็นเช่นนี้เสมอ ในทกุ รอบ) 11.4 จากแบบจำลองสามารถแสดงการเกิดกลางวัน กลางคืนที่เป็น วัฏจักรไดอ้ ย่างไร (เมือ่ ลกู โลกดา้ นหน่ึงหนั ไปทางไฟฉาย ด้านนั้น จะสวา่ ง เป็นเวลากลางวัน ส่วนดา้ นตรงกันขา้ ม จะมดื เป็นเวลา กลางคืน เมื่อหมุนลูกโลกต่อไปจะทำให้ด้านที่เคยสว่าง เปลี่ยนเป็นมืด คือเปลี่ยนจากเวลากลางวันเป็นเวลากลางคืน ส่วนด้านท่ีเคยมืดจะเปลี่ยนเป็นสว่าง คือเปลี่ยนจากเวลา กลางคืนเป็นเวลากลางวัน และเมื่อลูกโลกหมุนต่อไปเรื่อย ๆ ปรากฏการณ์ดังกล่าวก็ยังคงเกิดขึ้นเช่นนี้อย่างต่อเนื่องเป็น แบบรปู ซำ้ ๆ เป็นวัฏจกั ร) 12. ครูให้นักเรียนสังเกตการเกิดกลางวัน กลางคืนเพิ่มเติมโดยใช้ แอปพลิเคชันสำหรับการสังเกตภาพเสมือนจริงสามมิติ (AR) เรื่อง การเกิดกลางวัน กลางคืน ในหนังสือเรียนหน้า 65 เป็นสื่อเสริม ประกอบเพ่ิมเติม 13. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรียนซักถามในส่ิงที่อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเกดิ กลางวัน กลางคืน รวมทั้งตรวจสอบแนวคิดของนักเรียนว่าถูกต้อง หรือไม่ จากนั้นร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่า การที่โลกหมุนรอบ ตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตย์ทำให้เกิดกลางวัน กลางคืน โดยจะมี ด้านหนึ่งได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ ด้านนั้นจะสว่าง เป็นเวลากลางวัน ส่วนอีกด้านหนึ่ง ไม่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ ด้านนั้นจะมืด เป็นเวลา กลางคืน และเมื่อโลกหมุนต่อไป ด้านที่เคยได้รับแสงก็จะเปลี่ยนเป็น ไม่ได้รับแสง ด้านนั้นก็จะเปลี่ยนจากเวลากลางวันเป็นเวลากลางคืน ในทางกลับกันดา้ นที่เคยไม่ไดร้ บั แสงจะเปลีย่ นเป็นได้รับแสง ด้านนั้นก็ จะเปลี่ยนจากเวลากลางคืนเป็นเวลากลางวัน หมุนเวียนเป็นแบบรูป คงท่ตี ่อเน่อื งไม่มที ี่ส้ินสุดเปน็ วัฏจักร (S13) ⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยที่ 5 พลังงานกับชีวิต 156 14. นักเรียนตอบคำถามในฉันรู้อะไร ตอนที่ 1 และร่วมกันอภิปรายเพ่อื ให้ ขอบฟ้า ท้องฟา้ ไดแ้ นวคำตอบทถ่ี กู ต้อง รปู ท่ี 2 ขอบฟ้า พืน้ ดนิ 15. ครูเชื่อมโยงความรู้จากตอนที่ 1 ไปตอนที่ 2 โดยใช้คำถามว่า การหมนุ รอบตัวเองของโลกขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ นอกจากจะทำให้เกิด กลางวนั กลางคืนแลว้ ยงั ทำให้เกิดปรากฏการณ์อะไรอีก นักเรียนจะได้ ทราบจากการทำกิจกรรมตอนท่ี 2 16. นักเรียนอ่านทำเป็นคิดเป็น ข้อ 2 จากนั้นร่วมกันอภิปรายเพื่อ ตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ในการทำกิจกรรม โดยใช้ คำถาม ดังน้ี 16.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเรื่องอะไร (ปรากฏการณ์การขึ้น และตกของดวงอาทติ ย์ และการกำหนดทศิ ) 16.2 นกั เรยี นจะไดเ้ รียนรเู้ รื่องนดี้ ้วยวธิ ใี ด (การสร้างแบบจำลอง) 16.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทำอะไรได้ (อธิบายปรากฏการณ์ การข้นึ และตกของดวงอาทิตย์ และการกำหนดทิศ) 17. นักเรยี นบนั ทกึ จุดประสงคล์ งในแบบบันทกึ กิจกรรม หนา้ 57 18. นักเรียนอ่านทำอย่างไร ตอนที่ 2 ข้อ 1-6 โดยครูใช้วิธีฝึกการอ่านท่ี เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นตรวจสอบความเข้าใจ เกยี่ วกบั วิธีการทำกจิ กรรม จนนักเรยี นเข้าใจลำดับการทำกจิ กรรม โดย ใชค้ ำถามดงั นี้ (ครอู าจเขยี นขั้นตอนการทำกิจกรรมลงบนกระดาน) 18.1 นักเรียนต้องสร้างแบบจำลองเกีย่ วกับอะไร (การขึ้นและตกของ ดวงอาทติ ย์ และการกำหนดทิศ) 18.2 อุปกรณ์แต่ละอย่างในแบบจำลองใช้แทนอะไรบ้าง (ลูกโลกใช้ แทนโลก ตุ๊กตาดินนำ้ มนั ใชแ้ ทนผูส้ ังเกตซึง่ หันหน้าไปทางข้ัวโลก เหนอื แผ่นกระดาษวงกลมใช้แทนขอบฟา้ ของผ้สู ังเกต ไม้จิ้มฟัน ใช้แทนแขนขวาของผ้สู ังเกต ไฟฉายใช้แทนดวงอาทิตย์) ในกรณีท่ีนักเรียนยังไม่รู้จักขอบฟ้า ครูควรอธิบายเพิ่มเติม ดังนี้ ขอบฟ้าเปน็ เสน้ ทแี่ บ่งระหวา่ งพ้นื ดนิ กับท้องฟ้า ดงั รูปท่ี 2 18.3 นักเรียนต้องวางไฟฉายให้ห่างจากลูกโลกเท่าใด และวางไว้ด้าน ใดของตุ๊กตา (วางไฟฉายให้ห่างจากลูกโลก 30 เซนติเมตร และ วางไว้ดา้ นขวาของตุ๊กตา) 18.4 เมื่อจัดอุปกรณ์และเปิดไฟฉายแล้ว นักเรียนต้องทำอะไรบ้าง (สังเกตตำแหนง่ ของไฟฉายเมอ่ื เทยี บกบั ตุ๊กตา ทำเครอื่ งหมาย E บนกระดาษวงกลมทตี่ ำแหนง่ เริ่มเหน็ แสงตกกระทบ) สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

157 คูม่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 5 พลังงานกับชีวิต 18.5 นักเรียนต้องสังเกตตำแหน่งของไฟฉายเมื่อเทียบกับตุ๊กตา รูปที่ 3 ตำแหน่งที่ 1 2 3 และ 4 กีต่ ำแหนง่ (4 ตำแหนง่ ) หากนักเรยี นไม่สามารถตอบ 18.6 ตำแหน่งที่ 1 2 3 และ 4 ของผู้สังเกตอยู่ที่ตำแหน่งใดเม่ือเทียบ คำถามหรืออภิปรายได้ตามแนว กับตำแหน่งของไฟฉาย (ตำแหน่งที่ 1 แขนขวาของตุ๊กตาอยู่ คำตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน ทางด้านที่วางไฟฉาย ตำแหน่งที่ 2 หัวของตุ๊กตาจะอยู่ตรงกับ คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง ไฟฉาย ตำแหน่งที่ 3 แขนขวาของตุ๊กตาจะอยู่ตรงกันข้ามกับ อดทน และรับฟังแนวความคิด ไฟฉาย และตำแหน่งที่ 4 ตุ๊กตาจะอยู่อีกด้านหนึ่งของโลก ของนกั เรยี น มองไม่เหน็ ไฟฉาย) ครูควรสาธิตการเตรียมอุปกรณ์สำหรับสร้างแบบจำลองและ สาธิตตำแหนง่ ของตุ๊กตาทง้ั สตี่ ำแหน่งประกอบการอภปิ รายข้ันตอนการ ทำกจิ กรรม โดยหมนุ ลูกโลกทวนเขม็ นาฬกิ า แล้วหยดุ ท่ตี ำแหนง่ 2 3 4 และกลับไปตำแหน่ง 1 ดังรูปที่ 3 ให้นักเรียนเข้าใจก่อนทำกิจกรรม โดยยังไม่ต้องเปิดไฟฉาย หรือให้นักเรียนทำไปพร้อม ๆ กับการสาธิต ของครู 18.7 นอกจากนักเรียนต้องทำเครื่องหมาย E แล้ว ยังต้องทำ เครื่องหมายอะไรลงบนกระดาษวงกลมอีก และทำที่ตำแหน่งใด (ทำเครื่องหมาย W ตำแหน่งที่เห็นแสงตกกระทบบนกระดาษ เป็นจุดสดุ ท้าย) 18.8 นกั เรยี นตอ้ งทำเชน่ เดิมก่ีรอบ (2 รอบ) 18.9 นักเรียนต้องอภิปรายและบันทึกผลเกี่ยวกับเรื่องอะไร (ปรากฏการณ์การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ และการกำหนด ทิศ) 19. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการทำกิจกรรมในทำอย่างไร ตอนที่ 2 ข้อ 1-6 แลว้ ใหน้ ักเรียนเริ่มปฏิบตั ติ ามขัน้ ตอนของกจิ กรรม 20. หลังจากทำกิจกรรมแล้ว ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทำ กิจกรรม โดยใชค้ ำถามดงั ต่อไปน้ี 20.1 เมื่อผู้สังเกตอยู่ตำแหน่งที่ 1 แสงจะอยู่ด้านใดของผู้สังเกต (ด้าน ขวามือ) 20.2 ตำแหน่งท่ี 1 มีแสงตกกระทบกระดาษหรือไม่ ถ้ามี แสงตก กระทบทต่ี ำแหน่งใดของกระดาษ (มแี สงตกกระทบกระดาษ อยู่ ด้านขวาของกระดาษ) 20.3 เมื่อหมุนลูกโลกไปตำแหน่งที่ 2 แสงจะอยู่ด้านใดของผู้สังเกต (แสงอย่บู นหัวของผสู้ งั เกต) ⎯ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 5 พลังงานกับชวี ติ 158 20.4 ตำแหน่งท่ี 2 มีแสงตกกระทบกระดาษหรือไม่ ถ้ามี แสงตก ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระทบท่ตี ำแหน่งใดของกระดาษ (มแี สงตกกระทบกระดาษ อยู่ และทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ทนี่ กั เรยี น บริเวณกลางกระดาษ) จะได้ฝึกจากการทำกจิ กรรม 20.5 เมื่อหมุนลูกโลกไปตำแหน่งที่ 3 แสงจะอยู่ด้านใดของผู้สังเกต (ดา้ นซา้ ยมอื ) S1 สังเกตตำแหน่งของแสงจากไฟฉายบน แผ่นกระดาษวงกลมเทียบกับตุ๊กตา 20.6 ตำแหน่งที่ 3 มีแสงตกกระทบกระดาษหรือไม่ ถ้ามี แสงตก เม่อื หมุนลกู โลกไปยงั ตำแหนง่ ตา่ ง ๆ กระทบท่ีตำแหน่งใดของกระดาษ (มแี สงตกกระทบกระดาษ อยู่ ด้านซา้ ยของกระดาษ) S5 หาความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่งของ ด ว ง อ า ท ิ ต ย ์ แ ล ะ ก า ร ม อ ง เ ห็ น 20.7 เมื่อหมุนลูกโลกไปตำแหน่งที่ 4 แสงจะอยู่ด้านใดของผู้สังเกต ดวงอาทิตย์เมือ่ โลกหมุนรอบตัวเอง (แสงอยู่ใตเ้ ท้าของผ้สู งั เกต ผู้สงั เกตมองไม่เหน็ แสง) S8 ลงความเห็นจากข้อมูลเกี่ยวกับ 20.8 นักเรียนทำเครื่องหมาย E และ W เมื่อหมุนลูกโลกมาหยุดท่ี การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ และ ตำแหน่งใด (ทำเครื่องหมาย E ที่ตำแหน่งที่ 1 และทำ การกำหนดทิศจากการสร้าง เครอื่ งหมาย W ท่ีตำแหนง่ ที่ 3) แบบจำลองและการอ่านใบความรู้ 20.9 เมอื่ หมนุ ลกู โลกครบทงั้ 3 รอบ ตำแหน่งทเ่ี ริ่มเหน็ แสงตกกระทบ S14 สร้างแบบจำลองและอธิบายการข้ึน บนกระดาษและตำแหน่งที่เห็นแสงเป็นจุดสุดท้ายบนกระดาษ และตกของดวงอาทิตย์ และการ เหมือนเดมิ ทกุ ครง้ั หรือไม่ (เหมอื นเดิมทกุ ครงั้ ) กำหนดทิศจากแบบจำลอง 20.10 ขณะที่เริ่มมองเห็นแสงจากดวงอาทิตย์ตกที่ขอบกระดาษ C4 นำเสนอตำแหน่งที่แสงตกกระทบบน กำหนดใหเ้ ปน็ ทศิ ใด (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) แผ่นกระดาษวงกลมเมื่อหมุนลูกโลก ไปตำแหนง่ ตา่ ง ๆ ให้ผ้อู น่ื เขา้ ใจ 20.11 ขณะที่มองเห็นแสงจากดวงอาทิตย์ตกที่ขอบกระดาษเป็นครั้ง สุดท้าย กำหนดให้เป็นทิศใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ C5 ทำงานร่วมกับผู้อื่นในการสร้าง ของตนเอง) แบบจำลองการขึ้นและตกของ ดวงอาทติ ยแ์ ละการกำหนดทศิ 20.12 ดา้ นขวามือและซา้ ยมือของผสู้ ังเกตจะเป็นทิศเดิมตลอดหรือไม่ เพราะเหตใุ ด (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 21. นักเรียนอ่านทำอย่างไร ตอนที่ 2 ข้อ 7-8 โดยครูใช้วิธีฝึกการอ่านที่ เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความ เข้าใจเกี่ยวกับวิธีการทำกิจกรรม จนนักเรียนเข้าใจลำดับการทำ กิจกรรม โดยครูใช้คำถามดังนี้ (ครูอาจเขียนขั้นตอนการทำกิจกรรมลง บนกระดาน) 21.1 นักเรยี นต้องทำอะไรบ้าง (อ่านใบความรู้เรื่องการขนึ้ และตกของ ดวงอาทิตย์ และการกำหนดทิศ จากนั้นร่วมกันอภิปราย บันทึกผลและนำเสนอ) สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

159 คู่มอื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 5 พลงั งานกบั ชีวติ 21.2 นักเรียนจะนำเสนอปรากฏการณ์การข้ึนและตกของดวงอาทิตย์ หากนักเรยี นไม่สามารถตอบ และการกำหนดทศิ ในรูปแบบใด (นกั เรยี นตอบตามความคิดของ คำถามหรืออภิปรายได้ตามแนว ตนเอง) คำตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง 22. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการทำกิจกรรมในทำอย่างไร ตอนที่ 2 ข้อ 7-8 อดทน และรับฟังแนวความคิด แล้ว ให้นักเรียนอ่านใบความรู้เรื่องการขึ้นและตกของดวงอาทติ ย์ และ ของนกั เรียน การกำหนดทิศ ทีละย่อหนา้ แล้วรว่ มกันอภิปรายโดยใช้คำถาม ดงั นี้ ยอ่ หน้าที่ 1 22.1 การที่โลกหมุนรอบตวั เองในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมองจาก บริเวณเหนือขั้วโลกเหนือ ขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ทำให้เกิด ปรากฏการณ์ใด และเกิดขึ้นได้อย่างไร (เกิดปรากฏการณ์ การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ โดยเมื่อโลกหมุนรอบตัวเองขณะ โคจรรอบดวงอาทิตย์ จะทำให้คนบนโลกมองเห็นดวงอาทิตย์ ปรากฏขึ้นจากขอบฟ้าด้านหนึ่ง แล้วเคลื่อนที่ไปบนท้องฟ้าจน ลับขอบฟ้าอกี ด้านหน่งึ ) 22.2 ปรากฏการณ์การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์เป็นวัฏจักรหรือไม่ เพราะเหตุใด (เป็นวัฏจักร เพราะการที่ดวงอาทิตย์ปรากฏข้ึน จากขอบฟ้าด้านหนึ่ง แล้วเคลื่อนที่ไปบนท้องฟ้าจนลับขอบฟ้า อีกด้านหนึ่ง เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดหมุนเวียนเป็นแบบรูปซ้ำ ๆ ต่อเน่ืองไมม่ ีท่สี ิน้ สดุ ) ย่อหนา้ ที่ 2 22.3 การหมุนรอบตัวเองของโลกทำให้เกิดอะไรอีก และเกิดขึ้นได้ อย่างไร (การกำหนดทิศ โดยเมื่อโลกหมุนรอบตัวเอง ด้านที่ ผู้สังเกตบนโลกมองเห็นดวงอาทิตย์เริ่มปรากฏขึ้นจากขอบฟ้า กำหนดให้เป็นทิศตะวันออก และด้านท่ีผู้สังเกตบนโลกมองเห็น ดวงอาทติ ย์ลบั จากขอบฟา้ กำหนดให้เป็นทิศตะวนั ตก) ย่อหน้าที่ 3 22.4 รูปที่ 18 ในใบความรู้เปรียบได้กับแบบจำลองเมื่อผู้สังเกตอยู่ท่ี ตำแหนง่ ใด (ตำแหนง่ ท่ี 1) 22.5 เมื่ออยู่ที่ตำแหน่งนี้ ผู้สังเกตมองเห็นดวงอาทิตย์อยู่ทางด้านใด และเปน็ เวลาใด (ดา้ นขวามอื เปน็ เวลาเช้า) 22.6 ขอบฟ้าทางขวามอื ของผ้สู ังเกตเปน็ ทศิ ใด (ทิศตะวันออก) 22.7 ในแบบจำลองท่ีตำแหน่งนี้นักเรียนทำเครื่องหมายใด (เครอื่ งหมาย E) ⎯ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี