จะรู้ได้ ไง ว่า สัมภาษณ์งาน ผ่าน

หากคุณยื่นเรซูเม่สมัครงานไป แล้วถูกเรียกไปสัมภาษณ์งาน แปลว่าโปรไฟล์ของคุณพาคุณมาได้ถึงครึ่งทางแล้ว แต่การสัมภาษณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี่แหละที่เป็นสิ่งตัดสินว่าคุณจะได้ไปต่อหรือไม่

เมื่อการสัมภาษณ์สิ้นสุดลง คุณรู้สึกว่ามีสัญญาณที่ดีแท้ ๆ ว่าคุณจะได้งานนี้ ทั้งความรู้สึกสบายใจ หรือการที่ทางบริษัทพูดคุยกับคุณเป็นเวลานานประหนึ่งว่ารู้จักกันมาก่อน หรือถูกพาไปแนะนำตัวกับคนอื่น ๆ ในองค์กร แต่ท้ายที่สุดคุณกลับถูกปฏิเสธ หรือไม่ได้รับการติดต่อกลับไปเลยดื้อ ๆ ซึ่งก็คงทำให้คุณข้องใจไม่น้อยว่าฉันพลาดอะไร ดังนั้น มาดูกันดีกว่าว่าทำไมคุณถึงไม่ได้งานที่นี่

1. ความประทับใจแรกไม่มี

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบุคลิกภายนอกเป็นด่านแรกที่ทำให้คุณดูโดดเด่นจากคนอื่น แต่ถ้าหากว่าการพบกันครั้งแรกระหว่างคุณกับบริษัทที่เป็นคนแปลกหน้ากัน ฝ่ายหนึ่งจะจ้างงาน และอีกฝ่ายอยากได้งาน เท่านี้ก็เห็นแล้วว่าใครมีอำนาจในการตัดสินใจมากกว่ากัน ซึ่งถ้าคุณแต่งตัวไม่เหมาะสม เนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง คะแนนความประทับใจก็หายไปแล้วกว่าครึ่ง ยิ่งถ้าคุณไปสายอีกก็ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะคุณสมบัติเรื่องการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญมากนะสำหรับการทำงาน

2. เขาทำดีกับทุกคน

ข้อนี้อาจจะทำให้คุณรู้สึกแย่สักนิด แต่คุณต้องยอมรับความจริง บริษัทที่อยู่ในสถานะเจ้าบ้านเรียกคุณที่อยู่ในสถานะแขกเข้าไปสัมภาษณ์งาน ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าบ้านจะต้อนรับแขกเป็นอย่างดี และการปฏิบัติต่อแขกทุกคนก็ไม่ได้ต่างกัน ดังนั้น การที่เขาแสดงสัญญาณบวกกับคุณก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่แสดงกับคนอื่น เขาอาจจะพยายามเป็นกันเองเพื่อลดอาการประหม่าของคุณ และคุณต้องแยกให้ออกเพราะบางคำถามก็เป็นคำถามพื้น ๆ ในการสัมภาษณ์งาน เช่น เงินเดือน วันที่เริ่มงาน ซึ่งไม่ได้แปลว่าเขาจะจีบคุณมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมอย่างแน่นอนก็เป็นได้

3. เขาได้ตัวเลือกที่ดีกว่า

การที่บริษัทเรียกคนเข้ามาสัมภาษณ์งานนั้น เขามีตัวเลือกมากกว่าหนึ่งอยู่แล้ว โดยหน้าที่ของเขาก็คือหาคนที่เหมาะสมที่สุดมาทำงาน ตรงนี้คุณอาจจะมั่นใจว่าคุณมีโปรไฟล์ดี สัมภาษณ์ได้ดี แถมสัญญาณหลังสัมภาษณ์ก็ไม่เลว แต่คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าคนที่นั่งรอสัมภาษณ์อยู่ข้าง ๆ หรือตรงข้ามคุณนั้นเขามีของแค่ไหน ซึ่งคุณสมบัติของเขาอาจจะโดดเด่นกว่าคุณก็ได้ ฉะนั้นก็ไม่ใช่เรื่องน่าสงสัยเลยว่าทำไมบริษัทถึงไม่เลือกคุณ แต่ก็อย่าเพิ่งน้อยใจว่าคุณไม่เก่งหรือแย่อะไรแบบนั้น เพียงแค่คุณยังไม่ใช่สำหรับที่นี่เท่านั้นเอง

4. คุณพลาด (อย่างแรง) โดยไม่รู้ตัว

เมื่อถูกเรียกสัมภาษณ์งาน ใคร ๆ ก็ต้องเตรียมตัวล่วงหน้ากันทั้งนั้น แต่ด้วยความกดดันความตื่นเต้น ก็อาจทำให้เกิดอาการประหม่าจนเผลอทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัว เช่น ชื่ออีเมลที่ดูไม่มืออาชีพ หลุดคำหยาบ (มาก ๆ) ตอนคุยโทรศัพท์กับเพื่อนระหว่างที่นั่งรอ กรรมการสักคนอาจเดินมาเจอเข้าก็ได้ หรือขณะที่กำลังสัมภาษณ์คุณก็เผลอทำกิริยาที่เขาไม่ปลื้มออกมา คุณอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่บริษัทเขามองไกลกว่านั้น ว่าถ้าตอนเผลอคุณยังขนาดนี้ ถ้าเข้ามาทำงานแล้วสนิทชิดเชื้อกับคนอื่นและคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแล้ว คุณอาจจะหนักกว่านั้นก็ได้

5. คุณสมบัติบางอย่างของคุณทำให้เขาลังเล

ย้อนกลับไปที่ “ตัวเลือกที่ดีกว่า” และ “พลาดโดยไม่รู้ตัว” บริษัทเรียกคุณไปสัมภาษณ์ ก็เพื่อดูการแสดงออก การพูดคุย ความสามารถในการสื่อสาร ทัศนคติ เป็นต้น แต่ถ้าคุณเกิดมีคุณสมบัติบางอย่างที่ทำให้บริษัทลังเลว่าจะเอายังไง จะจ้างหรือไม่จ้างดี หรือมีคนที่มีคุณสมบัติพร้อมกว่า เช่น คุณอาจจะบอกว่าคุณพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่ถนัด แต่ถ้าคู่แข่งของคุณดันพร้อมในสิ่งที่คุณไม่พร้อม บริษัทก็ต้องเลือกคนที่มีคุณสมบัติพร้อมกว่าอยู่แล้ว เพราะสามารถทำงานได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเทรนเยอะ

6. งบประมาณในการจ้างงานมีจำกัด

ทุกวันนี้มีบริษัทเล็ก ๆ อยู่มากมายไปหมด ซึ่งบางที่งบประมาณในการจ้างงานเขาก็ไม่ได้มากขนาดนั้น ทำให้แม้ว่าโปรไฟล์ของคุณจะเข้าตา คุณสมบัติดีพร้อม แต่ถ้าเงินเดือนที่คุณเรียกสูงเกินที่บริษัทตั้งไว้ (ปกติเปลี่ยนงานก็มักจะเรียกเงินสูงกว่าที่เกาอยู่แล้ว) ถ้าบริษัทสู้ราคาไม่ไหว เขาอาจจะพยายามต่อรองก่อน แต่ถ้าเขามีตัวเลือกที่ใกล้เคียงกับคุณ แต่เซฟเงินกว่า เขาก็คงเลือกของดีราคาประหยัดอยู่แล้ว อย่าลืมว่าธุรกิจเป็นองค์กรที่แสวงหาผลกำไร ไม่ใช่องค์กรการกุศล ถ้าจ้างแล้วไม่คุ้ม บริษัทก็มีสิทธิเลือกและปฏิเสธอยู่แล้วต่อให้คุณจะเพียบพร้อมแค่ไหนก็ตาม

7. ตัวตนจริง ๆ ของคุณอันตรายเกินไป

สังเกตหรือไม่ว่าใบสมัครที่คุณต้องกรอกก่อนเข้าสัมภาษณ์นั้น จะมีช่องที่คุณต้องกรอกโซเชียลมีเดียของคุณด้วย แล้วมีหรือที่บริษัทจะขอคุณไปเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร โดยเฉพาะการรู้จักคุณให้มากขึ้นผ่านโซเชียลมีเดีย เขาจะเข้าไป “ส่องตัวตน” ของคุณ เพราะหลายคนมีความคิดว่านี่เป็นพื้นที่ส่วนตัว ฉันจะทำอะไรก็ได้ แต่คุณคงลืมว่าที่ของคุณนั้นมันเผยแพร่สู่สายตาคนทั่วโลก ถ้าทัศนคติที่คุณแสดงออกผ่านโซเชียลมีเดียมันไม่ไหว บริษัทก็จะมองว่าคุณเป็นคนที่อันตรายเกินไปก็ได้ ฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าแสดงอะไรแย่ ๆ ผ่านโซเชียลมีเดียเลย

หากคุณพึ่งจะผ่านการสัมภาษณ์งานมา คุณอาจจะรู้สึกอยากรู้ผลการสัมภาษณ์โดยเร็วว่าจะได้งานนี้หรือไม่ แต่อย่างน้อยระหว่างการสัมภาษณ์ คุณอาจจะไม่รู้ว่า ผู้สัมภาษณ์ได้บอกใบ้บางอย่างว่าคุณจะได้งานนี้ในระหว่างการสัมภาษณ์ไปแล้ว

วันนี้เราจึงขอมาแจกแจงสัญญาณบอกใบ้ต่างๆที่บ่งบอกว่า คุณมีโอกาสได้งานที่คุณพึ่งได้สัมภาษณ์ไปสูงกว่าที่คุณคิด

  1. ภาษากายที่ผู้สัมภาษณ์ใช้ระหว่างการสัมภาษณ์

ในบางจังหวะ ผู้สัมภาษณ์อาจมีการใช้ภาษากายที่ไม่ใช่คำพูดที่แสดงให้เห็นถึงว่าการสัมภาษณ์กับคุณนั้นผ่านไปด้วยดีและค่อนข้างน่าประทับใจ อาทิ การยิ้ม พยักหน้าเห็นด้วยในสิ่งที่คุณพูดระหว่างการสัมภาษณ์ รวมทั้งการตั้งใจฟังโดยไม่หลบตา


  1. ได้ยินคำว่า “เมื่อ” ไม่ใช่คำว่า “ถ้า”

หากผู้สัมภาษณ์รู้สึกเชื่อมั่นว่าคุณเป็นคนที่ใช่สำหรับตำแหน่งงาน ลักษณะการใช้”คำ”จะเปลี่ยนไป อาทิ ใช้คำว่า “เมื่อ”หรือ”จะ” มากกว่าคำว่า “ถ้า” ที่แสดงให้เห็นว่าพวกเค้ากำลังคิดอยู่ว่าคุณจะมาทำตำแหน่งนี้ได้อย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น ผู้สัมภาษณ์บอกคุณว่า “เมื่อคุณมีปัญหา จะต้องประสานงานกับทีมนี้ที่ดูแลโดยคุณ………..” หรือ “เมื่อคุณเริ่มต้นลงมือ คุณจะต้องแจ้งให้กับหัวหน้าก่อนเสมอ” เป็นต้น

 

  1. การสนทนาดูเป็นกันเอง

โดยปกติแล้วการสัมภาษณ์มักจะอยู่บนพื้นฐานของความเป็นทางการและความเป็นธุรกิจที่มีความจริงจังสูง แต่เมื่อการพูดคุยกันเปลี่ยนจากการพูดถึงคุณสมบัติของคุณไปเป็นเรื่องอื่นๆที่ดูเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีว่าคุณสมบัติของคุณผ่านแล้วจึงเปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นเรื่องการทำความรู้จักกันให้มากขึ้นแทน

 

  1. คุณถูกพาไปรู้จักและแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมทีม

สัญญาณหนึ่งที่เรียกได้ว่ากว่า 90% คุณจะได้งานนี้อย่างแน่นอน นั่นก็คือ คุณถูกพาไปทำความรู้จักและพูดคุยกับสมาชิกคนอื่นๆในทีมซึ่งโดยปกติแล้วมักจะไม่ทำกันถ้าไม่มั่นใจจริงๆว่าผู้สมัครคนนี้จะได้งานและเหมาะสมกับตำแหน่งนี้จริงๆ

  1. ผู้สัมภาษณ์บอกว่า ประทับใจและชื่นชอบในคำตอบของคุณ

ในบางครั้ง ผู้สัมภาษณ์จะบอกคุณตรงๆว่า พวกเค้าตามหาคนที่มีทักษะและประสบการณ์อย่างคุณ ซึ่งคุณก็ควรที่จะส่งคำถามที่ถามเกี่ยวกับบริษัทและตำแหน่งงานออกมามากๆ และหนึ่งในคำถามเหล่านั้นก็ควรเป็น “คนทำงานในตำแหน่งนี้ในอุดมคติของผู้สัมภาษณ์คืออะไร” ซึ่งคุณสามารถใช้คำตอบของคำถามนี้ในการเน้นช่วงท้ายได้ว่าคุณเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ตามที่ผู้สัมภาษณ์ตามหาอยู่

 

  1. ผู้สัมภาษณ์ใช้ประโยคการเขียนและคำพูดที่แสดงออกว่าเค้าชอบในตัวคุณ

หากผู้สัมภาษณ์ใช้ประโยคว่า “ฉันสนใจที่จะเรียนรู้และรู้จัก……..” หรือ “ฉันประทับใจเกี่ยวกับ……..”อยู่บ่อยครั้ง นั่นเป็นสัญญาณที่ดีว่าผู้สัมภาษณ์สนใจในตัวคุณอยู่ไม่น้อยเลย

 

  1. ผู้สัมภาษณ์พูดถึงสวัสดิการและประโยชน์ต่างๆที่จะได้รับในการเป็นพนักงานบริษัทนี้

หากผู้สัมภาษณ์มีการพูดถึงสวัสดิการ ค่าตอบแทน ประโยชน์ต่างๆที่มอบให้กับพนักงาน เป็นสัญญาณที่ดีว่าพวกเค้ากำลังนำเสนอสิ่งที่จะทำให้คุณสนใจเข้าร่วมงานด้วยกัน การพูดถึงสวัสดิการและประโยชน์ต่างๆจะทำให้การสัมภาษณ์ใช้เวลานานขึ้นและเป็นโอกาสในการทำความรู้จักคุณมากขึ้นอีกด้วย การใช้เวลาอันมีค่าของผู้สัมภาษณ์ไปกับการทำความรู้จักคุณนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเค้าสนใจในตัวคุณมาก

 

  1. ผู้สัมภาษณ์สอบถามเกี่ยวกับความคาดหวังของคุณในเรื่องเงินเดือน

หากผู้สัมภาษณ์ตัดสินใจว่าจะไม่ดำเนินการต่อกับผู้สมัครคนไหน พวกเค้าจะเลือกที่จะไม่ถามเกี่ยวกับความคาดหวังเรื่องเงินเดือน การถามถึงความคาดหวังเรื่องเงินเดือนนั้นเป็นสัญญาณที่ดีว่าต้องการใช้เงินเดือนที่ต่อรองและสร้างความสนใจให้กับคุณได้

 

  1. ผู้สัมภาษณ์พูดถึงขั้นตอนต่อไปหลังการสัมภาษณ์

หากมีการแนะนำถึงขั้นตอนการต่อไปของการสัมภาษณ์ นั่นหมายถึงว่า คุณผ่านการสัมภาษณ์ในขั้นนี้แล้ว ขั้นตอนถัดไปอาจจะเป็นการทดสอบทักษะ เพื่อดูความสามารถที่มีกับผู้จัดการฝ่ายระดับอาวุโสหรือผู้บริหารต่อไป

 

  1. ผู้สัมภาษณ์มอบนามบัตรและหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อให้กับคุณ

ถ้าผู้สัมภาษณ์มอบนามบัตรที่มีระบุถึงข้อมูลส่วนตัว อาทิ หมายเลขโทรศํพท์ หรือ อีเมล นั่นแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่จะติดต่อกับคุณไปนานๆ อาจจะไม่ใช่ตำแหน่งนี้ แต่ในอนาคตก็มีโอกาสเป็นได้

  1. ถามถึงความประทับใจหรือความรู้สึกที่มีต่อบริษัทหรือตำแหน่งงานนี้

หากผู้สัมภาษณ์สอบถามถึงความรู้สึกที่มีต่อบริษัทหรือตำแหน่งนี้ นั่นหมายความว่าพวกเค้าพยายามที่จะสังเกตความรู้สึกที่คุณมีและตอบคำถามเพื่อให้คุณคลายความสงสัย คลายความกังวล และเปิดใจให้กับบริษัทมากยิ่งขึ้น

  1. ถามคุณว่าพร้อมเริ่มงานได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่

หากบริษัทมีความสนใจจะจ้างงานคุณ มักจะถามทันทีว่า เริ่มงานได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่ เพื่อให้สามารถจัดตารางเวลา เตรียมการเปลี่ยนถ่ายงาน และ เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆให้กับคุณหากทราบวันเริ่มงานที่แน่ชัด
 

  1. พาเดินชมทั่วบริษัท

เช่นเดียวกับการพาไปแนะนำตัวกับทีมงานและสมาชิกท่านอื่นๆ หากผู้สัมภาษณ์พาคุณเดินรอบบริษัทเพื่อให้รู้จักส่วนต่างๆของบริษัทมากขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีที่บอกว่า ผู้สัมภาษณ์พยายามทำให้คุณสนใจที่จะร่วมงานกับพวกเค้าให้ได้มากที่สุด และ ลดโอกาสที่จะถูกปฏิเสธได้

 

  1. มีการติดต่อไปยังบุคคลอ้างอิงที่คุณระบุไว้ในใบสมัครงาน

การติดต่อไปยังบุคคลอ้างอิงที่คุณได้ให้ไว้ใบสมัครงาน เป็นสิ่งที่ยืนยันชัดว่าคุณสมบัติต่างๆของคุณผ่านเรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อความมั่นใจ จะมีการติดต่อไปหาบุคคลอ้างอิงเพื่อรู้จักคุณมากขึ้นในมุมมองของผู้อื่น ในด้านการทำงานในอดีตและจริยธรรมในการทำงาน ดังนั้นหากผ่านการสัมภาษณ์แล้ว คุณควรติดต่อไปยังบุคคลอ้างอิงให้เผื่อไว้หากมีบริษัทติดต่อเข้ามาสอบถามเพิ่มเติม

ท่านใดที่กำลังหางานที่สามารถแสดงศักยภาพของตัวเองให้ได้มากที่สุดในบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย ทาง PASONA ก็ยินดีเป็นอีกกำลังสำคัญในการสนับสนุนช่วยให้ท่านหางานที่ใช่ได้โดยเร็วนะครับ

………………………………………………………

สามารถติดตามข่าวสาร ตำแหน่งงานจากบริษัทญี่ปุ่นทั่วประเทศ และงานอบรมออนไลน์ได้ในเฟสบุ๊ค PASONA ที่นี่ได้เลย

FREE Registration : สามารถลงทะเบียนข้อมูลเบื้องต้นเพื่อหางานและฝากใบสมัครโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่

>>> https://pasona.co.th/registration-form/ <<<

………………………………………………………

หางานที่ใช่ ได้งานที่ชอบ ต่อยอดความฝัน ไปให้ถึงเป้าหมาย กับ PASONA

☎️ Contact: Career Consultant

Phone: 02-108-1250

Email: [email protected]

 

หางาน หาคน หาคอร์สอบรม และ บริการต่างๆที่ช่วยพัฒนาองค์กร ได้ที่ PASONA

#หางาน #สมัครงาน #หางานกทม. #หางานทำ #หางานบริษัทญี่ปุ่น #ฝากประวัติ #ค้นหางาน #PASONA #สัมภาษณ์งาน

ย้อนกลับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

จะรู้ได้ ไง ว่า สัมภาษณ์งาน ผ่าน

“ความโปร่งใสของเงินเดือน”ปัจจัยที่มีผลต่อแรงบันดาลใจในการทำงาน

“การจ่ายค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกับงานที่ให้”—เงื่อนไขง่ายๆที่รู้กันอยู่แล้วในโลกของการทำงาน

จะรู้ได้ ไง ว่า สัมภาษณ์งาน ผ่าน

“คุณคิดว่าในอีก 10 ปีคุณจะเป็นอย่างไร”อีกหนึ่งคำถามที่มักถูกถามในการสัมภาษณ์งาน

ในการเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน สิ่งสำคัญก็คือการเตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่มักถูกถามในห้องสัมภาษณ์ คำถามหนึ่งที่เห็นได้บ่อยครั้งก็คือ “คุณคิดว่าในอีก 10 ปีคุณจะเป็นอย่างไร”

จะรู้ได้ ไง ว่า สัมภาษณ์งาน ผ่าน

ตอบอย่างไรให้ดูดี กับคำถามสัมภาษณ์”เงินเดือนที่คุณคาดหวัง”

เพื่อหางานที่มีลักษณะและเงินเดือนที่เหมาะสมกับความต้องการ การต่อรองเงินเดือนมักไม่ได้เกิดขึ้นในขั้นตอนที่บริษัทตัดสินใจจ้างงาน มักเกิดขึ้นในหลายๆขั้นตอนก่อนหน้านั้น