จากนั้นโปรแกรมจะนำรูปภาพที่เลือกมาใส่ไว้ในอัลบั้มของงานนำเสนอให้ ซึ่งเราสามารถปรับแต่งแก้ไขรูปภาพเพิ่มเติม ได้บางลักษณะ คือ การหมุนรูปภาพ ความคมชัด และแสงสว่างของรูปภาพ ดังนี้ Show จากข้างต้นเราได้ทำการใส่รูปภาพลงในอัลบั้มรูปแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการกำหนดเค้าโครง หรือรูปแบบของอัลบั้ม ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ เมื่อเลือกรูปแบบของรูปภาพแล้วถัดมาคือการกำหนดลักษณะของกรอบรูปภาพ ดังนี้ หัวข้อถัดมาคือการกำหนดชุดรูปแบบของอัลบั้มที่โปรแกรมมีมาให้ ดังนี้ จากนั้นโปรแกรมจะทำการเปิดชุดรูปแบบต่างๆที่มี ให้เราเลือก ดังนี้ เมื่อกำหนดค่าต่างๆเสร็จแล้ว ขั้นสุดท้ายก็คือการสร้างอัลบั้มรูปขึ้นมา โดย เมื่อสร้างอัลบั้มเสร็จแล้วจะได้งานนำเสนอที่เป็นรูปภาพในมุมมองปกติ ดังนี้ เมื่อเราสร้างอัลบั้มรูปขึ้นมาแล้ว หน้าแรกของอัลบั้มรูปจะมีข้อความเริ่มต้นมาให้ ซึ่งหากเราไม่ต้องการข้อความ ที่โปรแกรมสร้างให้ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้ เมื่อทำการเปลี่ยนข้อความ เปลี่ยนลักษณะตัวอักษร และตำแหน่งของข้อความแล้วจะได้ ดังนี้ เมื่อสร้างอัลบั้มรูปเสร็จแล้ว อยากจะกลับไปแก้ไขหรือปรับแต่งส่วนต่างๆใหม่ สามารถทำได้ดังนี้ จากนั้นจะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ของการแก้ไขอัลบั้มรูปขึ้นมาให้ ซึ่งจะเหมือนกับตอนสร้างอัลบั้มรูปใหม่ในตอนแรก และให้ทำการเปลี่ยนแปลงค่าต่างๆตามความพอใจ ดังนี้ เมื่อคลิกที่ปุ่มปรับปรุงแล้ว โปรแกรมก็จะเปลี่ยนแปลงค่าต่างๆของอัลบั้มให้ตามที่เรากำหนด การสร้างงานนำเสนอนั้นจะเลือกแทรกลงในสไลด์ได้ 3 แบบ คือ ไฟล์เสียงจากเครื่องใช้งาน แทรกไฟล์เสียงออนไลน์ และบันทึกเสียงลงไปโดยไฟล์เสียงที่แทรกนั้นอาจจะเป็นไฟล์เสียง (Sound) ทั่วไปนามสกุล .wav ไฟล์เสียงแบบ .mp3 เช่น เพลง (Music) เป็นต้น ผู้เรียนสามารถเพิ่มเสียงจากแฟ้มในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ Microsoft Clip Organizer รวมทั้งบันทึกเสียงของผู้เรียนเองเพิ่มลงในงานนำเสนอหรือ ใช้เพลงจากซีดีก็ได้ ซึ่งรูปแบบของการแทรกเสียงได้แก่ แทรกไฟล์เสียงส่วนตัวลงสไลด์ การแทรกเสียงแบบนี้ เป็นแบบที่ผู้ใช้งานทั่วไปจะนิยมใช้กันมาก โดยเป็นการแทรกไฟล์เสียงที่มีอยู่ แล้วในเครื่องคอมพิวเตอร์ เข้ามาในสไลด์ของโปรแกรม PowerPoint ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ จากนั้นจะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ของการแทรกเสียงขึ้นมา เพื่อให้เลือกไฟล์เสียง ดังนี้ เมื่อคลิกที่ปุ่ม แทรก เพื่อแทรกเสียงแล้ว โปรแกรมจะแสดงไอคอน คลิกปุ่ม เพลง แล้วคลิกปุ่ม Online Audio คือการนำไฟล์เสียงจาก Office.com Clip Art มาใช้ในงานนำเสนอ โดยที่คุณต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตก่อน แล้วคลิกปุ่ม เสียง > เสียงออนไลน์ เพื่อเลือกไฟล์เสียงที่จะใช้งานดังภาพ เนื้อหาของการสร้างงานพรีเซนเตชันอีกแบบหนึ่งที่มักใช้กันคือ การใส่เสียงบรรยายลงไปในสไลด์เพื่ออธิบายเนื้อเรื่อง ใช้เพื่อการนำเสนอแบบอัตโนมัติแบบไม่มีผู้ควบคุม หรือเวลาที่ต้องการฉายสไลด์โชว์ในงานต่าง ๆ โดยสามารถอัดเสียงลงไปในสไลด์แต่ละแผ่นเพื่อเล่าเรื่องแทนได้ เมื่อแทรกไฟล์เสียงเข้ามาจะแสดงแท็บเครื่องมือ AUDIO TOOLS (เครื่องมือเสียง) ขึ้นมาให้ปรับแต่งการแสดงของเสียง โดยหลัก ๆ จะอยู่ในแท็บ การเล่น ดังนี้ ซึ่งส่วนของคำสั่งที่ใช้ในการจัดการเสียงจะอยู่ในกลุ่มของ ตัวเลือกของเสียง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ระดับเสียงการนำเสนอสไลด์ ใช้สำหรับกำหนดระดับความดังของเสียงที่แทรกลงในสไลด์ โดยให้คลิกที่คำสั่ง จากนั้นจะปรากฏรายการของระดับเสียง ได้แก่ เบา , ปานกลาง , ดัง และปิดเสียง ดังนี้ ซ่อนระหว่างนำเสนอ คือ ให้ทำการซ่อนไอคอนของเสียง ซึ่งก็คือรูปลำโพง ในขณะที่ทำการแสดงสไลด์นั่นเอง โดยให้คลิกให้มีเครื่องหมายถูกด้านหน้าคำสั่ง ดังนี้ วนรอบจนกว่าจะสั่งหยุด คือ เมื่อทำการแสดงสไลด์แล้ว เสียงจะเล่นซ้ำไปเรื่อยจนกว่าจะ เปลี่ยนไปสไลด์ถัดไป โดยที่ให้คลิกให้มีเครื่องหมายถูกด้านหน้าคำสั่ง ดังนี้ จะมีปุ่มเครื่องมือเพื่อให้กำหนดค่าเกี่ยวกับเสียงได้แก่ Fade Duration กำหนดค่าการลด-เพิ่มเสียง โดยคลิกเสียงเริ่ม จากค่อยไปดัง คลิกปุ่มเพื่อกำหนดเวลาการ Fade In, เสียงเริ่มจากดังไปค่อย คลิกปุ่มเพื่อกำหนดเวลาการ Fade Out กำหนดการเริ่มเล่นไฟล์เสียง โดยปกติจะแสดงตัวเลือกเป็น Automatically เล่นทันทีเฉพาะสไลด์ที่แทรกเสียง, On Click คลิกเมาส์เสียงจึงจะทำงาน (เฉพาะสไลด์ที่แทรกเสียง), Play across slides เล่นเพลงแม้เปลี่ยนสไลด์ เราสามารถแทรก Bookmark ลงไปยังตำแหน่งเวลาที่ต้องการบนไฟล์คลิปเสียงหรือคลิปวิดีโอ เพื่อเป็นตัวกำหนด ตำแหน่งเอาไว้ โดยตำแหน่งดังกล่าวอาจใช้งานตำแหน่งในการตัดทิ้ง เป็นต้น คุณสามารถตัดไฟล์เสียงได้ เพื่อทำให้เวลาของเสียงสั้นลง โดยจะตัดได้จากต้นเสียงและท้ายเสียงดังนี้ ในปัจจุบันสื่อการบันทึกข้อมูลมีความสามารถสูง ทำให้คุณสามารถบันทึกข้อมูลและภาพเคลื่อนไหวได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะบันทึกเสียงหรือวีดีโอคลิป คุณสามารถนำข้อมูลมัลติมีเดียเข้ามาเสริมเพื่อเพิ่มความชัดเจนในการนำเสนอ เช่น ใส่เสียงประกอบ เสียงเพลง เสียงบรรยาย ไฟล์วีดีโอ หรือแทรกไฟล์มูฟวี่ จาก Flash เข้ามานำเสนอได้ จากนั้นจะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ของการแทรกภาพยนตร์ขึ้นมา เพื่อให้เลือกไฟล์วีดีโอ ดังนี้ ประเภทของไฟล์วีดีโอที่สามารถนำมาใช้งานบนสไลด์ได้ จะเป็นไฟล์วีดีโอเพื่อทุกประเภท เช่น .avi, .mov, .m4v, .wmx, .wm, .qt และอื่นๆ ซึ่งเป็นไฟล์วีดีโอที่มาจากการถ่ายจากมือถือ ,กล้องถ่ายภาพ หรือกล้องถ่ายวีดีโอทั่วไป หากคุณต้องการแทรกไฟล์จากเว็บไซต์ดัง อย่าง YouTube ให้เลือกการแทรกวีดีโอแบบออนไลน์ (Online Video) ได้แต่ต้องเชื่อมอินเทอร์เน็ตขณะแทรก และในขณะที่เล่นในงานนำเสนอด้วยโดยจะเลือกแทรกได้ 2 แบบดังนี้ นอกจากการนำคลิปวีดีโอจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรามาวางบนสไลด์แล้ว เรายังสามารถนำคลิปวีดีโอ ที่เก็บไว้บนสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เช่น OneDrive, Facebook และ YouTube มาวางบนสไลด์ได้อีกด้วย โดยการใส่คลิปวีดีโอออนไลน์ดังนี้ ภาพวีดีโอสามารถจัดรูปแบบภาพได้ เช่น ปรับแสงให้สว่างหรือมืด, ปรับสีภาพให้เป็นโทนสีต่าง ๆ หรือจะเลือกปรับแต่งกรอบแสดงภาพด้วย Video Styles ให้มีเงา, การสะท้อน หรือหมุนแบบ 3 มิติเหมือนการจัดรูปแบบรูปภาพที่ผ่านมา โดยเลือกคำสั่งจากแท็บ FORMAT ของ VIDEO TOOLS ได้ดังนี้ เลือกสไตล์พื้นที่แสดงวีดีโอ (Video Styles) พื้นที่การแสดงภาพวีดีโอปกติจะเป็นรูปสี่เหลี่ยม หรือพื้นที่รูปแบบสไตล์ที่คุณเลือก แต่คุณสามารถเลือก ให้แสดงให้รูปร่างหรือรูปทรงอื่นๆ ได้โดยเลือกจากปุ่ม รูปร่างวีดีโอ Video Shape ดังภาพ เลือกสีเส้นขอบวีดีโอ (Video Border) เลือกเอฟเฟ็กต์ วีดีโอ (Video Effects) การเปลี่ยนสีภาพวีดีโอคือ การปรับสีภาพให้เป็นโทนสีต่าง ๆ เหมือนการย้อมสีภาพให้ออกมาเป็นโทนสีตามความต้องการเช่น ต้องการให้เป็นภาพวีดีโอเก่า ๆ ก็เลือกเป็นสีขาวดำ หรือสีซีเปียน้ำตาลอ่อน ๆ ได้โดยคลิกเลือกจากปุ่ม Color (สี) แล้วคลิกเลือกสีที่ต้องการได้ หรือคลิกที่ More Variations เพื่อเลือกสีอื่นด้วยตนเอง การจัดรูปแบบวีดีโอ เช่น ปรับสี ใส่กรอบ หรือใส่เอฟเฟ็กต์ หากไม่ต้องการใช้งานก็ยกเลิกออกได้ โดยคลิกปุ่ม Reset Design (ตั้งค่าการออกแบบใหม่) ซึ่งจะเลือกได้ 2 แบบ คือ - Reset Design (ตั้งค่าการออกแบบใหม่) ยกเลิกรูปแบบทั้งหมดแล้วกลับไปใช้ค่าเริ่มต้นครั้งแรก - Reset Design & Size (ตั้งค่าการออกแบบและขนาดใหม่) ยกเลิกรูปแบบและการปรับขนาดวีดีโอด้วย ลบวีดีโอ (Delete Video) ซึ่งส่วนของคำสั่งที่ใช้ในการจัดการเสียงจะอยู่ในกลุ่มของ ตัวเลือกของเสียง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 1. ระดับเสียงการนำเสนอสไลด์ ใช้สำหรับกำหนดระดับความดังของเสียงที่แทรกลงในสไลด์ โดยให้คลิกที่คำสั่ง จากนั้นจะปรากฏรายการของระดับเสียง ได้แก่ เบา , ปานกลาง , ดัง และ ปิดเสียง ดังนี้ 2. ซ่อนขณะที่ไม่มีการแล่น คือ ซ่อนในที่ในขณะที่ไม่ได้เล่น 3. วนรอบจนกว่าจะสั่งหยุด คือ เมื่อทำการแสดงสไลด์แล้ว เสียงจะเล่นซ้ำไปเรื่อยจนกว่าจะ เปลี่ยนไปสไลด์ถัดไป โดยที่ให้คลิกให้มีเครื่องหมายถูกด้านหน้าคำสั่ง ดังนี้ 3. วนรอบจนกว่าจะสั่งหยุด คือ เมื่อทำการแสดงสไลด์แล้ว เสียงจะเล่นซ้ำไปเรื่อยจนกว่าจะ เปลี่ยนไปสไลด์ถัดไป โดยที่ให้คลิกให้มีเครื่องหมายถูกด้านหน้าคำสั่ง ดังนี้ 4. จะมีปุ่มเครื่องมือเพื่อให้กำหนดค่าเกี่ยวกับวิดีโอ ได้แก่ คลิกเพื่อดูวิดีโอ หรือ Fade Duration กำหนดค่าการลด-เพิ่มของการปรากฏของไฟล์วิดีโอ โดยคลิกวิดีโอเริ่มจะค่อยๆ ปรากฏขึ้น คลิกปุ่มเพื่อกำหนดเวลาการ Fade In,วิดีโอเริ่มจะค่อยๆ หายไป คลิกปุ่ม เพื่อกำหนดเวลาการ Fade Out หากไฟล์วีดีโอที่นำมาใช้นั้นมีความยาวมากเกินไปคุณอาจใช้คำสั่ง Trim Video (ตัดแต่งวีดีโอ) ตัดส่วนที่ไม่ต้องการออกได้โดยจะตัดได้ที่ต้นไฟล์และท้ายไฟล์เท่านั้น เพื่อทำให้วีดีโอนั้นสั้นลงดังนี้ หากต้องการยกเลิกการตัดหรือกำหนเขอบเขตใหม่ให้คลิกปุ่ม Trim Video (ตัดแต่งวีดีโอ) อีกครั้งเพื่อปรับขอบเขตเวลาใหม่วีดีโอใหม่ คำสั่งใดใช้สำหรับการแทรกไฟล์เสียงในโปรแกรม PowerPointในมุมมอง ปกติ ให้คลิกสไลด์ที่คุณต้องการเพิ่มเสียงลงไป บนแท็บ แทรก ในกลุ่ม สื่อ คลิกลูกศรภายใต้ เสียง ในรายการ ให้คลิก เสียงจากไฟล์ หรือ เสียงคลิปอาร์ต ระบุตำแหน่งและเลือกคลิปเสียงที่คุณต้องการ แล้วคลิก แทรก
การบันทึกเสียงใช้คำสั่งใดการบันทึกเสียง
1. คลิกที่แท็บแทรก (Insert) 2. เลือกปุ่มคำสั่งเสียง (Insert Audio) 3. เลือกคำสั่งบันทึกเสียง (Record Audio)
การใส่เสียงลงสไลด์ต้องเลือกคำสั่งในกลุ่มใด1. เริ่มจากสร้าง presentation (งานนำเสนอ) หรือเปิดไฟล์ที่ต้องการแทรกเพลง จากนั้นเลือกแท็บ Insert (แทรก) ใน Group Media คลิกที่เมนู Audio (เสียง) แล้วเลือก Audio on My PC.. (เสียงบนพีซีของฉัน) 2. เลือกไฟล์เพลงหรือเสียงดนตรี ตามที่ต้องการ จากนั้นคลิก Open.
เสียงที่นำมาใช้ในงานนำเสนอมีอะไรบ้างประเภทของไฟล์เสียงที่สามารถนามาใช้กับงานนาเสนอได้
. wav (Windows audio file) • . wma (Windows Media Audio flie) • .mp3 (Mpeg Layer 3 audio file) • . aiff (Audio Interchange File Format Audio file) • .au ((unix) audio file) • .midi (Musical Instrument Digital Interface)
|