Ultraboost 2.0 กับ 21 ต่างกัน ยัง ไง

Seek SF Co., Ltd. (which is also referred to as the "Company") recognizes the importance of the protection of personal data and other information about you that has been given or will be provided to the Company so that you can trust that the Company Transparency and accountability in collection, use or disclose your information under the Personal Data Protection Act B.E. 2562 (2019) and other applicable laws. This Privacy Policy has been created to clarify and understand the details and procedures regarding the collection, use or disclose personal data processed by the Company, including officials and related persons who act on or on behalf of the Company.

[RE: Ultraboost แต่ละรุ่นต่างกันยังไงครับ ?]

ตามปีเลยครับ 19-20-21-22

ตัว 22 นี่เหมือนจะโฟมบูสต์แน่นกว่าตัว ‘21 กี่ % ไม่แน่ใจ (มีบอก)
แต่ทรง ‘21-‘22 จะเหมือนกัน ไปต่างกะ ‘19 มากกว่า
แล้วก็ upper ก็มีการใช้วัสดุ recycle มากขึ้น ฯลฯ

ส่วนตัวผมมี DNA อยู่คู่นึง ใส่แล้วสบายกว่า ‘22 ครับ
ตัว ‘22 ผมเลือกไซส์เดิมกะ DNA เลย รู้สึกแน่นกว่าครับ

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

"Your energy introduces you before you even speak."
"Be the same person privately, publicly, personally."
"Science explain people, but could not understand them."
“Keep a little fire burning, however small, however hidden.”
"Nullum magnum ingenium sine mixtura dementiæ fuit”

หากจะกล่าวถึงรองเท้าที่สร้างปรากฏการณ์ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา จนกลายเป็นโมเดลที่ Set Standard ใหม่ให้กับวงการรองเท้าวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา และความสบาย เราน่าจะต้องนึกถึง รองเท้า adidas UltraBOOST เป็นแน่แท้ครับ ไม่ว่าจะเป็นตัว 1.0 / 2.0 / 3.0 และ 4.0 หรือโมเดลอย่าง UltraBOOST 19 และ 20 ซึ่งทางแบรนด์ก็ได้พัฒนาและปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อสร้างจุดแตกต่างให้กับรองเท้ารุ่นนี้ และล่าสุดกับ UltraBOOST 21 กับจุดยืนที่ชัดเจนมากขึ้นในตลาด และเราคิดว่า รองเท้าคู่นี้น่าจะถูกใจคนกว่า 80% แน่นอนครับ

รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว แตกต่างไปจากรุ่นก่อนหน้า

-รองเท้า adidas ultraboost 21-

ด้วยรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ทำให้ตัวรองเท้าดูมีความ Performance ค่อนข้างสูงครับ แต่ยังคง DNA ที่ชัดเจนของ UltraBOOST ไว้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าผ้าแบบ Primeknit+ (ไม่มีลิ้นรองเท้า) พื้น BOOST ที่อัดมาแบบเต็ม ๆ และชิ้นพลาสติกล๊อคหน้าเท้าพร้อมสัญลักษณ์ 3 แถบ ถึงแม้รายละเอียดในชิ้น Upper จะไม่ต่างไปจากรุ่น UB 19 / 20 มากนัก แต่ที่เราชื่นชอบคือลายหน้าผ้าที่ทำออกมาแล้วชวนให้นึกถึงรุ่น UB 1.0 / 2.0 ยิ่งนัก เป็นหน้าผ้าที่ลายสวยมากทีเดียวครับ ดีกว่ารุ่นก่อนมาก

มาพร้อมหน้าผ้า Primeblue ที่มีส่วนประกอบของเส้นใยพลาสติก Recycled ที่ร่วมมือกับ Parley เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับวงการ Sneakers บนโลกใบนี้ ถึงแม้ว่าตัวรุ่น UB 21 จะยังคงเป็น Open Looped ก็ตาม (หมายถึงตัวรองเท้ายังไม่สามารถแยกชิ้นและนำมา Recycled ได้ 100% เฉกเช่น Close Looped)

เพิ่ม Boost อีก 6% กับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย

-สีเหลืองสะท้อนแสงคือชิ้น TPU Heel cup ที่ปรับจาก 3D Heel Frame จากรุ่นก่อน แถมด้วย LEP (Linear Energy Push) กลางเท้า ที่ช่วยเพิ่มความมั่นคงและคืนแรงส่งกลับไปได้มากกว่าเดิม-

โดยปกติแล้ว รองเท้าวิ่งในท้องตลาดนั้น จะมีให้เลือกหลากหลายลักษณะไม่ว่าจะเป็น รองเท้าวิ่งทำความเร็ว / รองเท้าวิ่งแนว Support หรือรองเท้าวิ่งที่เสริมความมั่นคงขณะวิ่ง โดยแต่ละตัวนั้น ก็จะมีจุดดีจุดเด่นและจุดด้อยที่เพิ่มลดเพื่อสร้าง Character ให้กับรองเท้ารุ่นนั้น ๆ นั่นเอง ซึ่งเจ้า adidas UltraBOOST 21 นั้น ทางแบรนด์เลือกที่จะเพิ่มปริมาณ Boost เข้าไปอีกถึง 6% เรียกว่าเยอะที่สุดตั้งแต่มีการผลิตรองเท้า UB มาเลยก็ว่าได้ และเมื่อเพิ่มปริมาณ Boost ก็แปลว่าตัวรองเท้าจะมีน้ำหนักมากขึ้น แต่ได้ Support ที่ดีขึ้น สังเกตได้จากชั้น Boost ที่หนาขึ้นมากบริเวณส้นเท้า

-ทางแบรนด์ยังคงเลือกใช้พื้นยาง Continental เช่นเดียวครับ แต่ปรับให้เป็นช่วง ๆ ไม่เต็มพื้นรองเท้าแบบรุ่นก่อนหน้า-

เพิ่มเติมด้วย adidas LEP (Linear Energy Push) กับการปรับ Torsion System ครั้งใหม่จาก adidas ที่ช่วยพยุงเท้าไม่ให้เกิดอาการพลิก และเสริมแรงส่งเพิ่มเติมให้อีก โดยแบรนด์ adidas กล่าวว่า ผู้ใส่จะรู้สึกได้ถึงแรงส่งที่มีมากกว่าเดิมถึง 40% เลยทีเดียว

รองเท้าที่คิดขึ้นเพื่อ “คนวิ่งช้า” โดยเฉพาะ

เห็นได้ชัดว่า ทิศทางของ UltraBOOST นั้น มุ่งเน้นไปที่ Support เป็นหลัก เพื่อตอบโจทย์นักวิ่ง 80+% ที่จริง ๆ แล้ว ไม่ได้เน้นวิ่งทำเวลาแต่อย่างใด หากแต่เป็นการวิ่งลงส้นเท้าและกลางเท้าเป็นหลัก แต่ยังคงต้องการแรงผลักไปข้างหน้าที่มากขึ้น นี่จึงเป็นที่มาของการคิดค้น adidas LEP เพื่อตอบโจทย์คนวิ่งช้าแต่คงยังให้สนุกสนานเวลาวิ่งนั่นเอง

ด้วยพื้น Midsole Boost ที่ปรับให้ไม่นิ่มยวบอีกแล้ว ทำให้ตัวรองเท้าตอบสนองได้ดีขึ้นและยิ่งคงให้ความนุ่มที่ยอดเยี่ยมเวลาลงน้ำหนักหรือแรงกระแทก โดยเฉพาะบริเวณส้นเท้า ส่วนใครที่ชอบลงน้ำหนักที่กลางฝ่าเท้า ตัว adidas LEP เองก็ช่วยพยุงให้การลงน้ำหนักนั่นมั่นคงขึ้นนั่นเอง

รองเท้า Spoil ขั้นสุด ใส่วิ่งช้าก็สบาย ทำความเร็วก็ได้ใส่เดินยิ่งสบายกว่ารุ่นก่อน ๆ ไปอีกขั้น

ตัวรองเท้าเน้นการออกแบบทรง Rocking Shape มากขึ้น เพิ่มความโค้งของตัวรองเท้ากว่า 15% ทำให้เป็นทรงรองเท้าที่ทำความเร็วได้บ้าง วิ่งช้าก็ดี (เพราะตั้งใจออกแบบมาให้วิ่งช้า เน้นระยะทางมากกว่าความเร็ว) แต่ในมุมมองของเราแล้ว คู่นี้ถ้าเอาไปใส่เดินหนัก ๆ น่าจะยอดเยี่ยมเลยครับ เนื่องจาก Support ที่ทางแบรนด์ใส่มาให้แบบเต็ม ๆ บริเวณส้นเท้า ทำให้ลงน้ำหนักได้สบายขึ้น แถมไม่ยวบ ได้ความเด้งคืนมาเล็กน้อย แถมด้วยความมั่นคงบริเวณกลางฝ่าเท้า นี่อาจเป็น Ultimate Travel Shoes เลยก็ว่าได้นะครับในความเห็นของพวกเรา ทีมงาน MenDetails

ลองใส่วิ่งมาแล้วราว 10 กิโลเมตร ต้องบอกว่า เป็นรองเท้าที่เหมาะกับการวิ่งช้าจริง ๆ เพิ่มความเร็วได้บ้างพอสนุกครับ Pace ราว ๆ 5-6 กำลังดี แต่ถ้าวิ่งช้ากว่านั้นจะสบายกว่า ปัญหาคือการระบายอากาศของตัวรองเท้ายังทำได้ไม่ดีนักช่วงฝ่าเท้า รู้สึกถึงความชื้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้สร้างปัญหาในระยะทางสั้น ๆ ราว 10 กิโลเมตร ตัว adidas LEP ตอบสนองได้ดีครับ ลงน้ำหนักกลางฝ่าเท้าแล้วมั่นใจ บวกกับพื้นยาง Continental ด้วยแล้ว ไม่ลื่นเลยครับ เกาะแบบหนึบ ๆ เลย

รองเท้า adidas UltraBOOST 21 สนนราคาอยู่ที่คู่ละ 6,500.- ครับผม วางขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นราคาที่กำลังดี ไม่ถูกไปแพงสำหรับรองเท้าสาย Support ที่ให้ประสิทธิภาพที่หลากหลายในคู่เดียว วางขายที่ Shop adidas Thailand และร้าน Multi-Brand Store อย่างร้าน SEEK Thailand แน่นอนครับ