ในภาษาอังกฤษ คำนำหน้านาม a, an มีลักษณะเหมือนคำหน้านามอื่น ๆ ที่ไม่มีการเปลี่ยนรูป การจะเลือกใช้ a หรือ an นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า อักษรตัวแรกของคำนามที่ถูกนำหน้า ให้ใช้ a เมื่อคำนามถัดไปขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ หรือข้างหน้าคำเริ่มต้นด้วย u และ eu โดยออกเสียงเหมือนคำว่า you ให้ใช้ an เมื่อคำนามคำถัดไปเริ่มต้นด้วยสระ (a,e,i,o,u) หรืออกเสียง h ตัวอย่างเช่น
คำนำหน้านาม a, an สามารถใช้อ้างถึงสิ่งที่กล่าวถึงเป็นครั้งแรก หรืออ้างถึงจำนวนที่เจาะจงของคนในกลุ่มหรือในชั้นเรียน ต่อไปนี้ คือ ตัวอย่างการใช้คำนำหน้านาม a, an ในกรณีต่าง ๆ ใช้ a เมื่อกล่าวถึงสิ่งนั้น ๆ เป็นครั้งแรก ตัวอย่างเช่น
ใช้ a กับอาชีพ ตัวอย่างเช่น
ใช้ a กับสัญชาติและศาสนาเมื่อกล่าวในรูปเอกพจน์ ตัวอย่างเช่น
ใช้ a กับวันประจำสัปดาห์ เมื่อกล่าวโดยทั่วไปไม่ได้เจาะจง ตัวอย่างเช่น
ใช้ a เมื่อกล่าวถึงตัวอย่างเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง ตัวอย่างเช่น
ใช้ a กับคำนามเอกพจน์ที่อยู่หลังคำว่า 'what' และ 'such' ตัวอย่างเช่น
ใช้ a เมื่อต้องการหมายถึง 'one' เพื่ออ้างถึงสิ่งเดียว คนเดียว หรือหน่วยเดียว ในประโยคเหล่านี้ สามารถใช้ "one" แทนการใช้ a ได้ เพื่อเป็นการเน้นจำนวนให้ชัดเจน ตัวอย่างเช่น
หากเราพูดถึงภาษาอังกฤษ เรื่องแรกๆที่เราจะนึกคงหนีไม่พ้นเรื่องของคำนำหน้าคำนาม หรือที่เรียกว่า Articles ซึ่งเรื่องที่ดูเหมือนจะง่ายๆนี้กลับเป็นปัญหาของพวกเราหลายๆคน ก็แน่ละสิภาษาไทยเราไม่ได้มีคำนำหน้าคำนามนี่ครับ (คงไม่มีใครบอกวันนี้ผมจะไปหา อะ หมอหรอกนะครับ) ก่อนที่เราจะได้รู้จักคำนำหน้านาม เราจำเป็นต้องมารู้จักคำนามก่อนใช่ไหมครับ บางคนนึกออกก็ดีไป แต่ใครนึกไม่ออกไม่ต้องเครียดนะครับเดี๋ยวผมบอกให้ … คำนาม คือ คำที่ใช้เรียก คน (อาจหมายถึงชื่อคนๆนั้น) อาชีพ สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ ครับ เมื่อรู้จักคำนามแล้วคราวนี้ถึงเวลาที่จะได้รู้จักไอ้เจ้า Articles เสียทีนะครับ 1. Indefinite Articles (คำที่ใช้นำหน้าคำนามที่ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง) ได้แก่ a และ anการใช้ a และ an จะใช้คล้ายๆกันคือ ใช้นำหน้าคำนามนับได้ที่เป็นเอกพจน์ (มีอันเดียว คนเดียว สิ่งเดียว) และกล่าวถึงครั้งแรก ต่างกันที่ a จะนำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ แต่ an จะนำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยสระ (a, e, i, o, u) หรืออ่านออกเสียงเป็นสระ a doctor, a book, a week, a leopard, an hour, an old man, an umbrella, etc. เช่น A teacher is teaching.
(ครูกำลังสอนอยู่) 2. Definite Articles (คำที่ใช้นำหน้าคำนามที่ชี้เฉพาะเจาะจง) ได้แก่ theการใช้ the จะใช้นำหน้าคำนามที่เป็นเอกพจน์ พหูพจน์ นับได้ และนับไม่ได้ (อ้าวหมดเลยนี่นา) ใช่แล้วครับการใช้ the สามารถใช้นำหน้าคำนามได้ทุกคำ เพียงแต่อาจจะต้องคำนึงถึงกฎบ้างอย่างนั่นคือ
เช่น May I close the window?
เช่น the moon, the Chaopraya river The sun rises in the east. (พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก)
เช่น the sky, the sea I want to go to the sea. (ฉันอยากจะไปทะเล)
เช่น the guitar, the piano Can you play the piano? (คุณเล่นเปียโนเป็นไหม?)
เช่น the first man แต่ในภาษาอังกฤษ ก่อนที่เราจะพูดถึงคำนามบางคำนั้นจำเป็นที่จะต้องพูดคำนำหน้าก่อน แต่ไม่ใช่ว่าเห็นอะไรเป็นคำนามก็จะพยายามสรรค์หาคำนำหน้ามาใส่หมดนะครับ เพราะว่ามีคำนามบางกลุ่มที่ไม่จำเป็นต้องมีคำนำหน้า (Articles) เช่นกลุ่มดังต่อไปนี้ เราจะไม่พูดถึง Articles นำหน้าชื่อมื้ออาหารเช่น Did you have your lunch? (คุณทานข้าวหรือยังครับ?) เราจะไม่พูดถึง Articles นำหน้าชื่อวิชา ชื่อภาษาเช่น Do you speak English? (คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม? เราจะไม่พูดถึง Articles นำหน้าวันเช่น I’m sorry, I won’t be able to make it on Sunday. เช่น Tomorrow is the first day of spring. (วันพรุ่งนี้เป็นวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ) เราจะไม่พูดถึง Articles นำหน้าชื่อทวีปเช่น Last vacation I went to Europe. (ผมไปทวีปยุโรปมาเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา) จะเห็นได้ว่าเรื่องของ Articles หรือ การใช้ a an the นั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากหรอกครับ (แต่เป็นเรื่องที่โครตยาก อิอิ) ความจริงแล้วเรื่องนี้ต้องอาศัยการฝึกฝนบ่อยๆ มากกว่าครับ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฟัง ฝึกอ่าน ฝึกพูด และฝึกเขียน ยิ่งเราฝึกฝนบ่อยเท่าไร เรายิ่งใช้ภาษาอังกฤษได้เก่งมากขึ้นเท่านั้นครับ มีประโยคหนึ่งที่ผมชอบมากๆ ซึ่งบอกไว้ว่า “Practice makes perfect” บอกได้เลยว่าเป็นเรื่องจริงครับ 🙂 |