เกิดเป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย ต้องเป็นคนช่างเลือก เลือกให้เป็น เลือกให้ถูก ไม่อย่างนั้นแทนที่จะสวยจะกลายเป็นหน้าพังแทนนะจ๊ะ โดยเฉพาะกับเครื่องสำอาง ที่เดี๋ยวนี้มีให้เลือกมากมาย
ตั้งแต่ราคาไม่กี่สิบไปจนถึงหลักพัน แต่จะหลักไหนก็ขออย่างเดียวเถอะจ้ะ ขอให้เป็นของแท้ก็พอ เพราะหลายครั้งที่คิดว่า แท้แน่ๆ ปรากฏว่าลองไปเทียบดูในรีวิว เอ้า ปลอมนี่หว่า แล้วในเมื่อปลอมกันจนแทบแยกไม่ออกเนี้ย มีวิธีไหนบ้างที่จะดูว่า เครื่องสำอางที่เรากำลังจะซื้อเนี่ย มันของแท้หรือเปล่านะ จะต้องถึงขั้นทดลองอะไรหรือเปล่านะ วันนี้ฟรายเดย์เลยขอนำเทคนิคดูเครื่องสำอางมาให้สาวๆ กันนะคะ รับรองว่าต่อไปนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเงินฟรี แถมหน้าอาจพังฟรีด้วย มาดูกันเถอะค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง
ดูกันแบบง่ายที่สุด โดยไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมาย ก็คือ ราคา เนี้ยแหละ ตามปกติเครื่องสำอางตาม ดรักสโตร์จะมีราคาประมาณ 100 - 500 บาทขึ้นไป ส่วนแบบ Hi-End นั้นจะมีราคาตั้งแต่ 500 - 2000 บาท เพราะฉะนั้นถ้าเจอร้านที่ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น อย่างเช่น 'ลิปสติกของ N** ราคา 55 บาท' ทั้งที่เวลาเราไปดูตามร้านราคาเป็นร้อย ให้คิดไว้ก่อนเลย ปลอมชัว เพราะปกติเครื่องสำอางจะไม่ค่อยมีราคาถูกถึงขนาดหลักสิบเท่าไรเนอะ
อีกจุดหนึ่งที่สังเกตกันได้ง่ายๆ คือ กล่อง เนี้ยแหละสาวๆ เพราะถ้าเป็นกล่องที่เป็นของแท้ จะค่อนข้างแข็งแรง ตัวอักษรมีคำคมชัด และกระดาษมีความหนา แต่ถ้าเป็นของปลอม ตัวกล่องจะไม่ค่อยแข็งแรง ตัวอักษรบนกล่องอันจะพิมพ์ไม่ชัด เลือน หรือดูจัดวางแปลกๆ กระโดดไปมา แถมเนื้อกระดาษดูบอบบาง ไม่สวยสมกับเป็นแบรนด์ดังเลยแม้แต่น้อย
เจาะลึกกันมาอีกสักนิดกับตัวแพ็คเกจของเครื่องสำอาง โดยสังเกตได้ไม่ยาก ถ้าเป็นของแท้ ตัววัสดุที่ทำจะทำออกมาแข็งแรง ถือแล้วกระชับ จับถนัดมือ ( สำหรับลิปสติก ) สีดูไม่เพี้ยน แต่ถ้าเป็นของปลอม ก็ตรงกันข้ามกับที่ว่ามาเลย แถมถ้าสังเกตดูดีๆ เธออาจจะเห็นรอยคราบแก้วที่ใช้ต่อแพ็คเกจเข้าด้วยกันอีกด้วย สยองสุดๆ
นี่ก็เป็นอีกเทคนิที่ดูด้วยตาเปล่าก็ได้ สำหรับของปลอมนั้นสังเกตได้ไม่ยากเลย เพราะสีของเครื่องสำอางปลอมนั้นมักจะมาเป็นสีเดียวโดดๆ เช่น สีน้ำตาล สีแดง สีฟ้า เหมือนกับสีที่เราใช้ระบายสีตอนเป็นเด็กๆ แต่ถ้าเป็นของแท้ สีของเครื่องสำอางจะมีส่วนผสมที่หลากหลายกว่า อย่างเช่น สีส้มแดง สีฟ้าน้ำทะเล หรือ สีชมพูโรสโกลว์ เป็นต้น ยิ่งเอามาเทียบกันแบบนี้ ยิ่งเห็นชัดเลยว่าอันไหนของแท้ อันไหนของเทียม
ยิ่งพิกเมนต์ดีเท่าไรก็ยิ่งดีใช่ไหมล่ะคะสาวๆ แต่สำหรับเครื่องสำอางปลอมนั้น เรื่องนี้ตัดไปได้เลย ยิ่งลองเอามาปาดๆ ที่แขน ก็ยิ่งเห็นว่าพิกเมนต์นี่เบามาก ลมพัดเบาๆ ก็ปลิวได้ ( สะเทือนใจสุดๆ ) แถมปาดๆ ไป สีขาดช่วงไม่ต่อเนื่อง ในขณะที่ของแท้นั้น ปาดทีเดียว สีสม่ำเสมอตั้งแต่ต้นยันจบ แถมยังติดทนล้างยังไงก็ไม่ออก ลำบากต้องไปหาคลีนซิ่งล้างกันอีก ฮือ
อันนี้จะดูยากหน่อยสำหรับสาวๆ ที่ไม่ค่อยสันทัดเรื่องกลิ่น แต่สำหรับเครื่องสำอางระดับ Hi-End นั้นจะ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ถ้าเป็นของปลอมก็ดูง่ายมาก เพราะกลิ่นจะออกเหมือนสารเคมีมากกว่า ไหนเขาเคลมเขาว่ายี่ห้อนี้เหมือนกลิ่นช็อคโกแลตไง ( ปาดน้ำตา ) ได้กลิ่นแบบนี้ก็คิดเสียว่าเสียเงินฟรีฟาดเคราะห์ใหญ่ไปแทนนะคะ
อาจฟังดูยุ่งยาก เพราะสาวๆ หลายคนคงอาจไม่ถนัดวิชาวิทยาศาสตร์กันเท่าไร แต่เอาจริงแล้วแค่ใช้ การสังเกต ก็เพียงพอแล้ว สำหรับของแท้นั้น ฉลากจะอ่านง่าย ตัวอักษรชัด ระบุส่วนผสมด้วยภาษาอังกฤษ และมีสติ๊กเกอร์แปะรับรอง ( หรือเลขรหัส ) ในขณะที่ของปลอมนั้น ฉลากอ่านยาก ส่วนผสมเป็นภาษาต่างดาวที่ไม่ใช่ภาษาอื่น ตัวอักษรเลือน แต่ส่วนนี้ฟรายเดย์ต้องขอบอกว่าเทคโนโลยีการก๊อปปี้มันไปไกลมาก บางครั้งก็เหมือนจนแทบดูไม่ออกเลยก็มี เพราะฉะนั้นต้องดูกันดีๆ นะคะสาวๆ
ถ้าใครเป็นสาวกเมคอัพ คงจะรู้โดยทันทีว่าแบรนด์ไหนผลิตอะไร มีรุ่นไหนออกมาบ้าง แต่สำหรับสาวๆ มือใหม่นั้น ฟรายเดย์ให้สังเกตจาก แบบอักษร เพราะถ้าเป็นของปลอม ส่วนใหญ่จะมีการจัดอาร์ตเวิร์คของกล่องที่ดูแปลกๆ ไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของแบรนด์แม้แต่น้อย ประมาณเธอเป็นถึง Hi-End ทำไมออกมาแปลกๆ นั้นละ _______________________________________________________________ สำหรับสาวๆ
คนไหนที่คิดว่า ของปลอม ก็ไม่เป็นอะไรหรอก เพราะฉะนั้นก่อนซื้อ ดูดีๆ ไม่งั้นจะเสียใจ ( เพราะเสียเงินไปแล้ว โฮ ) |