เปรียบเทียบ iphone 11 กับ 12

เปรียบเทียบ iphone 11 กับ 12

เจ้าของ iPhone ส่วนใหญ่ เลือกที่จะอัปเกรดเป็นรุ่นใหม่ทุกๆ 2 – 3 ปี และในโอกาสที่ iPhone 14 Pro กำลังจะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ (ถ้าไม่ติดปัญหาด้านการผลิต) ก็อาจจะถึงเวลาที่เจ้าของ iPhone 11 Pro จะพิจารณาเปลี่ยนมาเป็น iPhone รุ่นใหม่ เพื่อได้รับฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ Apple เพิ่มเข้ามาใน iPhone 12 Pro และ iPhone 13 Pro ซึ่งทั้งหมดจะถูกรวมไว้ใน iPhone 14 Pro ด้วย

เปรียบเทียบ iphone 11 กับ 12

นอกจากจะได้รับฟีเจอร์ใหม่จาก iPhone ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แน่นอนว่า iPhone 14 Pro จะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกหลายอย่าง ที่ทำให้ผู้ใช้งาน iPhone 11 Pro สามารถนำไปใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจซื้อ ส่วนจะมีวามแตกต่างอย่างไรบ้าง ระหว่าง iPhone 11 Pro กับ iPhone 14 Pro เว็บไซต์ MacRumors ได้สรุปมาให้แล้ว

ชิปประมวลผล – คาดว่า iPhone 14 Pro จะมาพร้อมชิปรุ่นใหม่ A16 แต่เนื่องจากยังไม่เปิดตัว จึงต้องย้อนไปดูชิป A15 ใน iPhone 13 Pro ซึ่งเร็วกว่าชิป A13 ใน iPhone 11 Pro ถึง 42% อ้างอิงจากคะแนนทดสอบผ่านแอป Geekbench 5 จึงมั่นใจได้ว่าชิป A16 จะทำให้ iPhone 14 Pro ล้ำหน้ากว่า iPhone 11 Pro มากขึ้นไปอีก

จอแสดงผล – iPhone 11 Pro มีขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว แต่ iPhone 14 Pro มีโอกาสสูงที่ยังคงรักษาขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว เหมือนกับ iPhone 13 Pro นอกจากนี้ ยังคาดว่า iPhone 14 Pro จะมีความสว่างหน้าจอสูงกว่า 200 นิต เมื่อเทียบกับ iPhone 11 Pro ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งาน iPhone รุ่นใหม่ในปีนี้ ได้รับชมคอนเท้นต์ต่างๆ ได้ดีขึ้น

เปรียบเทียบ iphone 11 กับ 12

ไร้รอยบาก – iPhone 14 Pro ถูกลือว่าจะไม่มีรอยบากอีกต่อไปแล้ว แต่จะแทยที่ด้วยการเจาะหลุดพร้อมเจาะช่องเป็นรูปทรงแคปซูลยา สำหรับติดตั้งกล้องหน้า และเซ็นเซอร์ที่ซับซ้อนของ Face ID

ProMotion – จอแสดงผลของ iPhone 14 Pro จะได้รับเทคโนโลยี ProMotion อย่างแน่นอน หลังจากนำมาใช้แล้วกับ iPhone 13 Pro ช่วยให้จอแสดงผลรองรับอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้สูงสุดที่ 120Hz

Always-on Display – iPhone 14 Pro ถูกอ้างว่า จะเป็น iPhone รุ่นแรก ที่มีโหมด Always-on Display ช่วยให้หน้าจอแสดงข้อมูลอยู่ตลอดเวลา โดยไม่ต้องปลุกหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็น เวลา วันที่ การแจ้งเตือน รวมถึงวิดเจ็ตใหม่ๆ บนหน้าจอ Lock Screen ที่มาพร้อม iOS 16

Ceramic Shield – แผงด้านหน้าของ iPhone 14 Pro จะได้รับการป้องกันด้วย Ceramic Shield ที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ iPhone 12 Pro สามารถทนต่อการตกได้ดีขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับ iPhone 11 Pro

แบตเตอรี่ – iPhone 13 Pro รองรับการเล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 22 ชั่วโมง ซึ่งให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า 4 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับ iPhone 11 Pro และมีข่าวลือว่า iPhone 14 Pro จะมีความจุแบตเตอรี่มากกว่า iPhone 13 Pro

กล้อง – iPhone 14 Pro ถือเป็นการปรับปรุงระบบกล้องครั้งใหญ่ เมื่อเทียบกับ iPhone 11 Pro โดยมีข่าวลือว่าจะได้รับกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล พร้อมปรับปรุงคุณภาพกล้องทั่วทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นการซูมออปติคอล ระบบป้องกันภาพสั่นไหว โหมดถ่ายภาพต่างๆ และ รองรับการบันทึกวิดีโอ 8K ขณะที่กล้องหน้า ก็ได้รับการปรับปรุงด้วยระบบออโต้โฟกัส

ดีไซน์ – ในส่วนของการออกแบบ คาดว่า iPhone 14 Pro ยังคงใช้วัสดุสเตนเลสสตีลแบบเดียวกับ iPhone 11 Pro แต่มีส่วนขอบแบนราบ ซึ่งโดยรวมแล้วยังดูคล้ายกับ iPhone 13 Pro ยกเว้นรอยบากบนหน้าจอที่ถูกลบออกไป

5G – iPhone 11 Pro รองรับมาตรฐานเครือข่ายมือถือสูงสุด 4G แต่ iPhone 14 Pro รองรับถึง 5G ช่วยให้การเชื่อมต่อไร้สายมีความเร็วมากยิ่งขึ้น

Wi-Fi – iPhone 14 Pro ถูกอ้างว่าจะสนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E ที่มีความเสถียรของสัญญาณมากกว่า Wi-Fi 6 โดยรองรับย่านความถี่ 6GHz เพิ่มเติมจากมาตรฐานก่อนที่รองรับ 2.4GHz และ 5GHz

MagSafe – Apple เริ่มนำ MagSafe มาใช้ตั้งแต่ iPhone 12 และแน่นอนว่าจะพบได้ใน iPhone 14 Pro ช่วยในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ชาร์จไร้สายแบบแม่เหล็กของ Apple รวมถึงเคสและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่สนับสนุน MagSafe มั่นใจได้ว่า ผู้ใช้งาน iPhone 11 Pro จะได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น

พื้นที่เก็บข้อมูล – iPhone 11 Pro มีความจุเริ่มต้น 64GB แต่คาดว่า iPhone 14 Pro จะมีความจุเริ่มต้น 128GB ทำให้มีพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น 2 เท่า

LiDAR Scanner – iPhone 12 Pro เป็น iPhone รุ่นแรกที่มาพร้อม LiDAR Scanner และแน่นอนว่าเจ้าของ iPhone 14 Pro จะได้ใช้งานเช่นกัน ซึ่งมีส่วนช่วยในด้านประสบการณ์ AR (Augmented Reality) และยังช่วยปรับปรุงระบบออโต้ฟกัส ในการถ่ายภาพและวิดีโอที่มีแสงน้อย ให้ดีขึ้นถึง 6 เท่า

ป้องกันน้ำได้ดีขึ้น – iPhone 11 Pro สามารถทนน้ำที่ความลึกไม่เกิน 4 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที ขณะที่ iPhone 12 Pro และรุ่นใหม่กว่า รวมถึง iPhone 14 Pro สามารถทนน้ำที่ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ในระยะเวลาเท่ากัน

ที่มา – MacRumors