ขายไอโฟน13 PRO MAX ได้กี่บาท

หลังจากที่ Apple Event 2022 “Far out.” ได้เปิดตัว iPhone 14 และ iPhone 14 Pro ไปแล้ว เมื่อวันที่ 7 กันยายน 65 ที่ผ่านมา ล่าสุด Apple ประกาศเลิกขายไอโฟนหลายรุ่น ได้แก่ iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max, iPhone 12 mini และ iPhone 11 โดยราคาไอโฟนลดลงกว่า 3,000-4,000 บาท

Apple ประกาศ "เลิกขาย" ไอโฟน ได้แก่ iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max, iPhone 12 mini และ iPhone 11 ซึ่งมีผลทันที ถือเป็นกลยุทธ์ของ Apple ที่เปิดตัวไอโฟนรุ้นใหม่ และเลิกขายรุ่นเก่าที่เป็นรุ่นท็อป และนำรุ่นปกติมาขายต่อ โดยยังคงวางขาย iPhone 13, iPhone 13 mini และ iPhone SE อยู่ แต่มีการปรับราคาลงเล็กน้อย เพื่อส่งเสริมการขาย

เช็กราคาไอโฟน13 (iPhone 13) ล่าสุด 

ราคา iPhone 13

  • iPhone 13 128GB ราคา 29,900 บาท (ราคาเดิม 29,900 บาท)
  • iPhone 13 256GB ราคา 33,900 บาท (ราคาเดิม 33,900 บาท)
  • iPhone 13 512GB ราคา 42,900 บาท (ราคาเดิม 41,900 บาท)

ราคา iPhone 13 mini

  • iPhone 13 mini 128GB ราคา 24,900 บาท (ราคาเดิม 25,900 บาท)
  • iPhone 13 mini 256GB ราคา 28,900 บาท (ราคาเดิม 29,900 บาท)
  • iPhone 13 mini 512GB ราคา 37,900 บาท (ราคาเดิม 37,900 บาท)

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

ทุกประเด็นร้อนข่าวสาร สาระ ทันเหตุการณ์ พูดคุยกันได้ 24 ชม.

คลิกเลย >>> TrueID Community <<<

Photo Credit : Apple

iPhone 13 Pro Max พี่ใหญ่สุดของ iPhone 13 Series เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 15 กันยายน 2021 อัดแน่นมาด้วยสเปคแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผลที่กว้างถึง 6.7 นิ้ว มีการปรับ Refresh Rate จากเดิม 60 Hz มาเป็น 120 Hz มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลรุ่นใหม่ Apple A15 Bionic รองรับหน่วยความจำให้เลือกสูงสุดถึง 1TB ไม่เพียงเท่านั้นแบตเตอรี่ยังถูกปรับให้มีความอึดขึ้นถึง 2.5 ชั่วโมงเลยทีเดียว พิเศษ! ถ้ารีบซื้อตอนนี้ล่ะก็ ไอโฟน 13 Pro Max ราคาล่าสุดจะลดเหลือเพียงไม่กี่บาทเท่านั้น คุ้มค่ากว่านี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว แต่ก่อนที่แฟนบอยทั้งหลายจะซื้อไอโฟนรุ่นนี้มาใช้เป็นมือถือเครื่องต่อไป ต้องมาอ่านรายละเอียดที่นี่เลย

ดีไซน์ตัวเครื่อง iPhone 13 Pro Max เป็นอย่างไร ?

สำหรับการออกแบบตัวเครื่อง Apple iPhone 13 Pro Max บอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะโทรศัพท์มีหน้าจอขนาดใหญ่ แสดงผลได้คมชัด แถมยังมีบอดี้หลากหลายสีสันให้เลือกด้วย

หน้าจอ

iPhone 13 Pro Max ถูกดีไซน์ให้มีขนาดหน้าจอที่กว้างถึง 6.7 นิ้ว แบบ OLED ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล มีความหนาแน่นพิกเซล 458ppi พร้อมรองรับความสว่างสูงสุด 1,200nits บนจอภาพ Super Retina XDR เป็นไอโฟนรุ่นแรกที่รองรับเทคโนโลยี Adaptive ProMotion แถมรองรับอัตรารีเฟรชที่ปรับได้สูงสุดถึง 120Hz ทำให้ภาพที่ออกมามีความลื่นไหน ลื่นสบายตา ไม่เพียงเท่านั้นยังได้รองรับเทคโนโลยี HDR และการแสดงผลแบบ True Tone ช่วยให้การปรับ White Balance ที่แสดงผลบนหน้าจอมีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่ใช้งานในขณะนั้น สีของภาพที่แสดงจึงออกมาจึงมีความสดใสและดูเป็นธรรมชาติ

การออกแบบ

ขนาดตัวเครื่องไอโฟน 13 Pro Max จะอยู่ที่ 160.8 x 78.1 x 7.65 มิลลิเมตร น้ำหนัก 238 กรัม และมีขนาดที่หนาขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเท่านั้น แต่ปุ่มต่าง ๆ ยังคงอยู่ที่เดิม ฝั่งซ้ายจะมีปุ่มสำหรับ เปิด-ปิด เสียง, ปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงฝั่งขวาจะมีปุ่ม Power ถัดลงมาจะมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM ส่วนบนไม่มีอะไรปล่อยเรียบ เว้นแต่ด้านล่างที่จะมีช่องเสียบ Lightning Port, ลำโพงตัวเครื่อง, ไมโครโฟนอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ ด้านหลังยังคงออกแบบเป็นกระจกพร้อมกับตรงกลางเป็นรูป Apple สามารถติดตามกับ MagSafe ได้ และมีกล้องที่แปลงโฉมใหม่พอสมควร สังเกตได้ว่ากล้องจะใหญ่กว่า iPhone 12 Pro Max ประมาณหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 มาให้ด้วย

สีสันบอดี้

สีสันของบอดี้จะมีให้เลือก 4 สี ประกอบไปด้วย สีเซียร์ร่าบลู (Sierra Blue) เป็นโทนสีฟ้าอ่อน ๆ แบบพาสเทล แถมกรอบตัวเครื่องยังตัดด้วยฟ้าแบบมันวาว ถือว่าเป็นสีฟ้าที่ลงตัว ไม่แรงและไม่อ่อนจนจนเกินไป ต่อมาคือสีเงิน (Silver) ยังคงความเรียบง่ายแต่ลงตัว ความขาวของฝาหลังให้อารมณ์ที่สะอาดบริสุทธิ์ ส่วนบริเวณกรอบเครื่องจะเป็นสีเงินของสแตนเลสที่ดูหรูหราน่าใช้ สีที่สามจะเป็นสีทอง (Gold) ซึ่งโทนสีทองตัวนี้จะออกครีม ๆ ซึ่งเป็นโทนทีเข้มกว่ารุ่นก่อนหน้า มาพร้อมกรอบเครื่องสแตนเลสที่สีทองแบบอร่าม ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็น่าใช้ และสีสุดท้ายคือสีกราไฟต์ (Graphite) เป็นโทนเทาแบบเดิม และยังเป็นสีที่คลาสสิค เชื่อว่าน่าจะถูกใจผู้ที่ชอบความมินิมอล

สเปค iPhone 13 Pro Max ดีไหม ?

iPhone 13 Pro Max มีประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วแรง เล่นเกมหนัก ๆ ได้สบาย มาพร้อมแบตเตอรีสุดอึดทน รองรับการใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งรายละเอียดแบบเจาะลึกจะมีดังนี้

ชิปเซ็ตและความจุ

ชิปเซ็ตของ iPhone 13 Pro Max เป็นชิปเซ็ท Apple A15 Bionic บนสถาปัตยกรรมขนาด 5 นาโนเมตร มาพร้อม GPU จำนวน 5-core จากปกติมีจำนวน 4-core นอกจากนี้ Neural Engine ยังมีความเร็ว 15.8 TOPS ที่เร็วแรงกว่าโทรศัพท์ทั่วไปถึง 50 เท่า จับคู่มากับชิปประมวลผลกราฟิคแบบ 5-Core บวกกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB และหน่วยความจำภายในที่มีให้เลือกถึง 4 ขนาด นั่นคือ 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB ให้คุณจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้แบบเหลือ ๆ

การเล่นเกม

ในส่วนของการเล่นเกมบอกเลยว่าเล่นได้สบาย เพราะ iPhone 13 Pro Max รองรับอัตรารีเฟรชสูงสุด 120 Hz การเล่นเกมจึงลื่นไหลอย่างมาก เมื่อทดลองใช้เล่นเกม PUBG Mobile พบว่าโทรศัพท์รองรับกราฟิกได้ถึงระดับ Ultra HD ภาพในเกมที่ออกมาจึงมีคุณภาพสูง ภาพสวย คมชัด สีสด ตอบรับการสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว และสามารถสัมผัสได้อย่างลื่นไหล ส่วนอีกเกมก็คือเกมปราบเซียนอย่าง Genshin Impact สามารถปรับกราฟฟิกได้ที่ระดับสูง อีกทั้งยังรันเฟรมเรตได้สูงถึง 60fps โดยที่เครื่องไม่มีอาการหน่วงเลย

แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ของรุ่นนี้มีความจุเพิ่มขึ้น โดยใส่มาให้ถึง 4,352mAh ทำให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นที่ออกมาก่อนหน้า สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 9 ชั่วโมง 52 นาที และถึงแม้จะเปิดใช้งาน 5G ร่วมด้วย ก็ไม่ได้ทำให้แบตเตอรีหมดไวไวขึ้น นอกจากนี้ยังสนับสนุนการชาร์จผ่านสาย 20W ชาร์จไร้ทั้งแบบ MagSafe 15W และไร้สายแบบ Qi 7.5W เท่านั้นไม่พอยังมีระบบถนอมแบตเตอรี่โดยอาศัยระบบ AI เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นการถนอมแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น

รีวิวกล้อง iPhone 13 Pro Max ทำอะไรได้บ้าง ?

ความแตกต่างของกล้อง iPhone 13 Pro Max คือการใส่ลูกเล่นเยอะขึ้น ทำให้การถ่ายรูปไม่น่าเบื่อเหมือนอย่างเคย โดยตัวกล้องจะมีรายละเอียดดังนี้

กล้องหน้า

ในส่วนของกล้องด้านหน้า เป็นกล้องแบบ TrueDepth ที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2 มาพร้อมการถ่ายภาพ Portrait หรือภาพถ่ายบุคคล อีกทั้งยังสามารถใช้งานโหมดต่าง ๆ ที่อยู่ในกล้องหลังได้ เช่น สไตล์ภาพถ่าย, ภาพเซลฟี่ตอนกลางคืน, บันทึกวิดีโอแบบ HDR, โหมดภาพยนตร์, HDR อัจฉริยะ, Deep Fusion ฯลฯ และส่วนที่ถูกปรับพัฒนาขึ้นจะเป็นการถ่ายวิดีโอ โดยกล้องจะรองรับการบันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision ได้สูงสุดถึงระดับ 4K ที่ 60 fps

กล้องหลัง

กล้องหลังของ iPhone 13 Pro Max จะมีทั้งหมดด้วยกัน 3 เลนส์คือ

  1. เลนส์ Wide มาพร้อมความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/1.5
  2. เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/1.8 มุมกว้าง 120 องศา ชุดเลนส์ 5 ชิ้น
  3. เลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.8

กล้องหลังมีการอัปเกรดรอบด้านทั้งด้านฮาร์ดแวร์ เซนเซอร์ ซอฟแวร์ ทำให้การถ่ายรูปออกมาดูดีมากขึ้นทั้งตอนกลางวัน และกลางคืน ทั้งภาพนิ่ง และวิดีโอ ซึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือโหมดที่ใส่มาให้ใหม่อย่าง Photographic Styles เป็นการเพิ่มฟิลเตอร์ให้กับภาพถ่าย สามารถเลือกปรับอุณหภูมิโทนต่าง ๆ ให้ตรงกับความต้องการ อีกทั้งยังมาพร้อมภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืน LiDAR Scanner เป็นฟีเจอร์ที่ใส่มาให้เฉพาะในรุ่น Pro และ Pro Max ช่วยสำหรับภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืน ทำให้ออโต้โฟกัสที่เร็วขึ้นในการถ่ายภาพบุคคลในสภาพแสงน้อย

การถ่ายวิดีโอ

สำหรับการถ่ายวิดีโอ iPhone 13 Pro Max มีลูกเล่นใหม่อย่าง Cinematic หรือโหมดภาพยนตร์ มีถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอ สามารถเลือกให้จุดใดเด่นในระหว่างการถ่ายวิดีโอ จังหวะการเปลี่ยนจุดโฟกัสสามารถทำได้ดี วิดีโอที่ถ่ายออกมาจึงมีความสมูทมากขึ้น และสามารถปรับระยะโฟกัสกับความเบลอหลังถ่ายไปแล้วได้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้โหมดดังกล่าวจำกัดความละเอียดไว้ที่ 1080p 30 fps

นอกจากนี้การถ่ายวิดีโอของ เพิ่มระบบการโฟกัสที่ทำงานได้เร็วและยังมีฟีเจอร์ Cinematic Camera สามารถปรับแต่งภาพวิดีโอฉากละลายหลังได้ดี แต่ยังไม่หมดเพราะมีการรองรับ ProRes Video ทำงานผ่าน A15 Bionic และความละเอียด 4K สามารถทำงานจบในเครื่อง เมื่อใช้งานจริงพบว่า การทำงานดีขึ้นจริงแต่ว่าลูกเล่นอย่าง Macro จะต้องเล็งให้เหมาะสมไม่งั้นจะเกิดปัญหาคือกล้องจะสลับไปมาได้ ถ้ามีการอัพเดท Firmware ของ iOS 15 ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาลูกเล่นต่าง ๆ ให้เสถียรขึ้นยิ่งกว่าเดิม

Photo Credit : Apple

ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ใน iPhone 13 Pro Max มีอะไรน่าสนใจ ?

โทรศัพท์จะมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ มาให้เพียบ ทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น สมกับราคาไอโฟน 13 Pro Max ที่จ่ายไป เราไปดูกันว่ามีฟีเจอร์ไหนที่โดดเด่นเป็นพิเศษบ้าง

การโทร FaceTime ที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

FaceTime ช่วยให้ติดต่อกับคนสำคัญได้ง่ายยิ่งขึ้น และใน iOS 15 นั้น การพูดคุยกับเพื่อน ๆ และครอบครัวก็จะให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น เพราะมีระบบเสียงตามตำแหน่งที่จะทำให้เสียงพูดขณะโทร FaceTime ฟังดูราวกับว่ามาจากตำแหน่งที่บุคคลนั้นอยู่บนหน้าจอจริง ๆ พร้อมด้วยโหมดไมโครโฟนใหม่ที่จะช่วยแยกเสียงพูดออกจากเสียงรบกวนรอบข้าง และ FaceTime ยังมาพร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคลสำหรับการวิดีโอคอล

พร้อมด้วย SharePlay สำหรับการแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน

วันนี้ผู้ใช้ไอโฟนสามารถแชร์ประสบการณ์ร่วมกันด้วย SharePlay ขณะพูดคุยกับเพื่อน ๆ ด้วย FaceTime ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงใน Apple Music ไปด้วยกัน, การดูรายการทีวีหรือภาพยนตร์ไปพร้อมกัน หรือการแชร์หน้าจอเพื่อดูแอปต่าง ๆ ด้วยกัน SharePlay ใช้งานได้ทั้งบน iPhone, iPad และ Mac และมีส่วนควบคุมการเล่นแบบแชร์ที่ให้ใครก็ได้ในเซสชั่น SharePlay นั้นสามารถเล่น หยุด หรือข้ามไปข้างหน้าได้

เครื่องมือช่วยโฟกัส

iOS 15 มีเครื่องมืออันทรงพลังที่จะลดสิ่งรบกวนสมาธิและช่วยให้ผู้ใช้โฟกัสกับสิ่งที่ทำอยู่ได้เต็มที่ นั่นคือ "โฟกัส" ซึ่งเป็นคุณสมบัติใหม่ที่จะกรองการแจ้งเตือนและแอปโดยพิจารณาจากสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการโฟกัส สามารถตั้งค่าอุปกรณ์เพื่อให้ตนเองจดจ่อกับเรื่องปัจจุบันได้เต็มที่โดยการสร้างโฟกัสในแบบของตัวเอง หรือเลือกโฟกัสที่แนะนำให้โดยอาศัยระบบอัจฉริยะบนไอโฟน ซึ่งจะแนะนำว่าควรอนุญาตให้บุคคลใดหรือแอปใดแจ้งเตือนได้บ้าง คำแนะนำของโฟกัสจะอ้างอิงตามบริบทของผู้ใช้

ประสบการณ์ใหม่สำหรับการแจ้งเตือน

การแจ้งเตือนได้รับการออกแบบใหม่โดยการเพิ่มรูปของผู้ติดต่อ ในกรณีที่มาจากบุคคลและมีไอคอนที่ใหญ่ขึ้นในกรณีที่มาจากแอป ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ระบุได้ง่ายขึ้นว่าเป็นการแจ้งเตือนจากใคร และยังมีคุณสมบัติใหม่สำหรับสรุปการแจ้งเตือนเพื่อช่วยลดสิ่งรบกวนสมาธิโดยการรวบรวมการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นต้องรู้ทันทีในขณะนั้น มาแสดงในเวลาที่เหมาะสมกว่า โดยที่ระบบอัจฉริยะบนอุปกรณ์จะจัดเรียงการแจ้งเตือนตามลำดับความสำคัญ พร้อมกับแสดงการแจ้งเตือนที่ผู้ใช้น่าจะสนใจที่สุดไว้บนสุด

ปรับแต่งแอปสภาพอากาศและรูปแบบโน้ตที่ไม่เหมือนเดิม

แอปสภาพอากาศมาพร้อมกราฟิกแสดงข้อมูลสภาพอากาศที่มีมากยิ่งขึ้น รวมถึงแผนที่แบบเต็มหน้าจอ และการจัดเลย์เอาท์แบบไดนามิกที่จะปรับเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศขณะนั้น พร้อมกันนี้ยังมีภาพพื้นหลังเคลื่อนไหวที่ออกแบบขึ้นใหม่อย่างสวยงาม ซึ่งจะแสดงตำแหน่งของดวงอาทิตย์รวมถึงปริมาณฝนได้แม่นยำยิ่งขึ้น และมีการแจ้งเตือนเมื่อฝนหรือหิมะเริ่มตกหรือหยุดตกด้วย แอปโน้ตก็เพิ่มแท็กที่ผู้ใช้สร้างเองได้ ซึ่งจะช่วยให้จัดประเภทโน้ตได้ง่ายและรวดเร็ว

ข้อดี-ข้อเสีย iPhone 13 Pro Max คืออะไร ?

เมื่อรู้จักกับสเปคแบบเต็ม ๆ ไปแล้ว เรามาลองดูข้อดีและข้อเสียของ Apple iPhone 13 Pro Max กันบ้างดีกว่าว่ามีอะไร จะได้ใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาเลือกซื้อ

ข้อดี

  • ไอโฟน 13 Pro Max ถูกออกแบบด้วยวัสดุคุณภาพดี ทำให้ประสบการณ์การสัมผัสหน้าจอและตัวเครื่องค่อนข้างเป็นที่พึงพอใจของผู้ใช้หลาย ๆ คน
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Apple A15 Bionic เร็วแรง ทำงานได้ไว และมีความเสถียรในระดับสูง ไม่ว่าจะใช้ทำงานหรือเล่นเกมก็ลื่นไหล
  • คุณภาพของกล้องดีมาก อยู่ในระดับดีเยี่ยม โดยทั้งรูปภาพและวิดีโอที่ถ่ายออกมาจะมีความคมชัดและมีความนิ่งสูง
  • แบตเตอรี่อึดทนนาน และมีฟีเจอร์ชาร์จเร็ว ถูกเคลมว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่แบตเตอรี่อึดทนมากที่สุดของ Apple
  • iPhone 13 Pro Max ราคาในไทยไม่แพงเลย ลดเหลือไม่กี่บาทเท่านั้นจากราคาเปิดตัว

ข้อเสีย

  • เครื่องมีน้ำหนักมาก ขนาดเครื่องค่อนข้างใหญ่ ทำให้ผู้ใช้บางรายอาจจะจับไม่ถนัดและเสี่ยงตกพื้นได้ง่าย
  • ไม่มีไฟแอลอีดีโนทิฟิเคชั่น

iPhone 13 Pro Max ใช้ชิปเซ็ต A15 Bionic ซึ่งผลิตโดย Apple เอง โดยความแรงแทบไม่ต้องเป็นห่วงกันเลย มาพร้อมแบตเตอรี่อึด ด้วยความจุที่พกให้ถึง 4,352mAh และด้วยความเป็นพี่ใหญ่ของตระกูลทำให้ฟีเจอร์ต่าง ๆ และกล้องที่ปรับแต่งใหม่ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปอีก อย่ารอช้า! รีบซื้อกันได้เลย คุณสามารถตรวจสอบ iPhone 13 Pro Max ราคาในไทยได้บนเว็บไซต์เรา พร้อมกับเช็คราคา เปรียบเทียบราคาสมาร์ทโฟนทุกรุ่นทุกแบรนด์ได้แล้วที่ iPrice Thailand

ไอโฟน13ขายได้กี่บาท

รุ่น รุ่นไหนที่ใช่สำหรับคุณ iPhone 13 mini จอภาพขนาด 5.4 นิ้ว1 เริ่มต้นที่ ฿24,900. iPhone 13 จอภาพขนาด 6.1 นิ้ว1 เริ่มต้นที่ ฿29,900.

ไอโฟน13 PRO MAXกี่บาท

iPhone 13 Pro Max (1 TB) ฿ 57,500. เริ่มต้น ฿ 48,200.

ขายไอโฟน 12 ได้กี่บาท

iPhone มือสองราคาเท่าไหร่ในปี 2021 ถูกกว่ามือหนึ่งแค่ไหน ?.

ไอโฟน13ใส่ได้กี่ซิม

คุณสามารถใช้ซิมคู่ได้โดยใช้ซิมจริงและ eSIM iPhone 13 และรุ่นใหม่กว่ายังรองรับ eSIM ที่ใช้งานอยู่สองซิมด้วย iPhone รุ่นที่ไม่มีถาดใส่ซิมจริงจะรองรับ eSIM ที่ใช้งานอยู่สองซิม