สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม บริเวณชายเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ทางเข้าอยู่ด้านซ้ายมือบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 12 สายแม่ริม-สะเมิง สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ก่อตั้งเมื่อปี 2536 มีพื้นที่ประมาณ 6,500 ไร่ สภาพโดยทั่วไปเป็นที่ราบและที่สูงสลับกันเป็นชั้นๆ ในระดับ 300-970 เมตร จัดทำเป็นสวนพฤกษศาสตร์ระดับนานาชาติ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ลักษณะการจัดสวนของที่นี่จะแบ่งพันธุ์ไม้ตามวงศ์และความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ รวบรวมพันธุ์ไม้ทั้งในและต่างประเทศ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ สามารถขับรถเที่ยวชมได้ จุดที่แวะชมได้ คือ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่จัดไว้ 4 เส้น คือ 1.เส้นทางน้ำตกแม่สาน้อย-สวนหิน-เรือนรวมพันธุ์กล้วยไม้ไทย (Waterfall Trail) ระยะทาง 300 เมตร 2.เส้นทางสวนรุกชาติ (Arboretum Trail) ระยะทาง 600 เมตร 3. เส้นทางวลัยชาติ (Climber Trail) ระยะทาง 2 กม. 4. เส้นทางพันธุ์ไม้ประจำจังหวัด ระยะทาง 800 เมตร เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30-16.00 น. ค่าธรรมเนียม ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 10 บาท รถรวมทั้งคนขับ 100 บาท ข้อมูลเพิ่มเติม:ททท.เชียงใหม่ 0 5324 8604, 0 5324 8607, 0 5324 8605 แก้ไขล่าสุด 0000-00-00 00:00:00 ผู้ชม 25168 การเดินทาง แผนที่ ที่เที่ยว/ที่พัก กดติดตามการเดินทางของเราใน Youtube ด้วยนะคะด้านหน้าสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ การเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 ถึงอำเภอแม่ริมเลี้ยวซ้ายทางหลวงหมายเลข 1096 (มุ่งหน้าโป่งแยง) เส้นทางบางช่วงขึ้นเขาโค้งคดเคี้ยวแต่ไม่ไกลมากนัก รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 25 กิโลเมตร ก็จะเห็นสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อยู่ทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้ามาในประตูแล้วเจ้าหน้าที่จะบอกให้จอดรถเลียบทางเพื่อไปชำระค่าเข้าชมที่ตู้เล็กๆ ใกล้ๆ กับอาคารที่เป็นกระจกรอบด้าน บนอาคารมีห้องน้ำ ร้านกาแฟ ร้านของที่ระลึกจำหน่าย มีมุมนั่งจิบกาแฟกันก่อนที่จะไปต่อก็ได้ ระหว่างที่จอดรถไปชำระค่าเข้าชมก็ถือโอกาสเก็บภาพที่สวนตรงด้านหน้าของสวนพฤกษศาตร์แห่งนี้ก่อนที่จะเดินทางเข้าไปชมบริเวณโดยรอบ รู้จักสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ปัจจุบันสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ทำหน้าที่หลัก 4 ประการคือ สวน 77 พรรษา เมื่อชำระค่าเข้าชมแล้วเราสามารถที่จะเลือกเดินทางด้วยการขับรถชมบริเวณโดยรอบสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เองตามเส้นทางที่เจ้าหน้าที่จะมีแผนที่ให้ หรือเลือกที่จะนั่งรถนำเที่ยว ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยบรรยายให้ความรู้ตลอดเส้นทาง จากประตูที่เราเข้ามาขับเวียนขวาไปตามแผนที่จะพบกับจุดแรกเรียกว่าเส้นทางเศวตพิมาน เป็นแปลงรวมพันธุ์ไม้ดอกขาว (White flowers collection) ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางหน้า สวนพฤกษศาสตร์ฯ ไปยังกลุ่มอาคารเรือนกระจก มีพื้นที่ประมาณ 40 ไร่ เป็นสถานที่รวบรวมและจัดแสดงพันธุ์ไม้ดอกขาว ที่สวนพฤกษศาสตร์มีแผนจะจัดปลูกไว้ประมาณ 300 ชนิด ขณะนี้ได้จัดปลูกไปแล้วจำนวน 120 ชนิด ทำให้ท่านสามารถเข้าชมความงามของพันธุ์ไม้ดอกขาวได้ตลอด ทั้งปี ถัดจากเศวตพิมานตรงขึ้นไปอีกเล็กน้อยก็จะถึง สวน 77 พรรษา มีลานจอดรถเล็กๆ มีแปลงดอกไม้หลายแปลงเป็นสวนสำหรับพักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี มีศาลาหลายหลัง ทิวทัศน์ของเทือกเขาสวยงาม ในการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ฉลองพระชนมพรรษา 72 พรรษา สวนแห่งนี้เป็นลานต้นขวด มีต้นขวดจำนวนมากในพื้นที่ 5 ไร่ ต้นขวด (Queensland Bottle Tree) ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ต่างประเทศมีรูปทรงอวบอ้วนตรงกลาง และมีคอคอดด้านบน คล้ายขวด มีสถานภาพเป็นไม้เฉพาะถิ่น พบทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ต้นขวดเมื่อโตเต็มที่จะสูงถึง 18-20 เมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางได้ถึง 2 เมตร ต้นแก่ที่มีอายุ 5-8 ปีขึ้นไปมีลำต้นสีเทา ดอกไม้สวยในสวน 77 พรรษา ปัจจุบันสวน 77 พรรษา มีไม้ดอกไม้ประดับ และสมุนไพรบางชนิดปลูกเป็นแปลงเล็กๆ จำนวนหลายแปลงอย่างสวยงาม มีเนินสำหรับเดินขึ้นไปชมภาพมุมสูงได้ด้วย ดอกไม้สวยๆ เหล่านี้ได้แก่ ผีเสื้อ เข็มอินเดีย มีต้นมะเชือการ์ตูน ที่มีผลสีเหลืองน่ารักๆ รูปร่างแปลกด้วยครับ วิวสวยในสวน 77 พรรษา มะเขือการ์ตูน เป็นพืชที่มีผลรูปร่างประหลาด ปกติยังไม่เคยเห็นใครเอามาทำอาหาร ส่วนใหญ่จะเห็นปลูกเป็นไม้ประดับบ้าน กลุ่มอาคารเรือนกระจก หลังจากที่ได้ชมสวน 77 พรรษา ใช้เวลาพักผ่อนกันพอสมควรแล้วคราวนี้ก็เดินทางต่อไปตามเส้นทางในแผนที่ จะมาถึงโซนที่เรียกว่า กลุ่มอาคารเรือนกระจก (Glasshouse Complex) กลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ ประกอบด้วยเรือนกระจก 12 โรงเรือน ภายในจัดปลูกตกแต่งพรรณไม้ไว้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะพรรณไม้หายากและมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ เป็นสถานที่ที่นักวิชาการ นักเรียน
นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ทั้งผู้สูงอายุ และเด็กๆ สามารถเข้าเที่ยวชม เรียนรู้สัมผัสคุณค่าและความงดงามของพรรณไม้ได้ตลอดทั้งปี ทุกฤดูกาล กลุ่มอาคารเรือนกระจกของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ประกอบด้วยเรือนกระจก 3
แบบคือ สวนหย่อมหน้าอาคารเรือนกระจก บริเวณสวนด้านหน้าของกลุ่มอาคารเรือนกระจกจะตกแต่งสวนอย่างสวยงาม ทั้งไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด มีน้ำพุขนาดใหญ่ ในบางเวลาจะสามารถมองเห็นรุ้งบนละอองน้ำพุอย่างสวยงาม นาฬิกาดอกไม้ จุดเด่นอย่างหนึ่งของสวนแห่งนี้ก็คือนาฬิกาขนาดใหญ่ท่ามกลางดอกไม้หลายชนิด และนาฬิกาเรือนนี้ก็เดินบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรง หมุนได้จริงๆ เป็นจุดหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันได้นานหลายนาที ก่อนที่จะเดินเข้าไปในเรือนกระจก จุดชมวิวประดับกล้วยไม้ ด้านตรงข้ามกับกลุ่มอาคารเรือนกระจกมีระเบียงสำหรับชมวิวเทือกเขา โดยประดับด้วยกล้วยไม้หลายชนิดสำหรับเป็นฉากในการถ่ายรูปสวยๆ บัวเซนต์หลุยส์โกลด์ เป็นบัวที่เข้ามาในไทยเมื่อปี พ.ศ. 2514 เป็นบัวผันลูกผสมของสหรัฐอเมริกา เห็นแบบนี้แล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าเรื่องราวของบัวก็มีความเป็นมาที่ยาวนานและน่าสนใจได้ถึงขนาดนี้ นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่สามารถเอามาให้ชมกันเป็นตัวอย่างเพราะทั้งหมดในสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ คงไม่สามารถทำได้บนหน้าเว็บไซต์เพียงหน้าเดียวแน่ๆ ครับ บัวและพืชประเภทไม้น้ำเหล่านี้จะอยู่ในเรือนกระจกเดียวกัน มีการแบ่งโซนของพืชเหล่านี้อย่างลงตัวในอาคารหลังเดียวกัน โดยที่บัวเป็นพืชที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด บัวบา ชื่อเป็นบัว ตัวแอบคล้าย... เป็นคำกล่าวหมายถึงบัวบา พืชน้ำที่มีลักษณะทั่วไปคล้ายกับบัว ชื่อพฤกษศาสตร์ Nymphoides มีความหมายว่าคล้ายกับสกุล Nymphaea (บัวสาย) ซึ่งสอดคล้องกับชื่อที่คนไทยใช้เรียกว่าบัวบาด้วย ตามหลักวิชาการจัดให้บัวบาอยู่ในวงศ์ Menyanthaceae เนื่องจากมีโครงสร้างของดอกที่แตกต่างจากบัวแท้โดยสิ้นเชิง บัวบาจะมีสีขาวแต่ก็มีบัวบาดอกเหลือง หรือบัวมะลิวัลย์ ที่มีสีเหลืองทั้งดอก บัวสายติ่ง หรือบัวบาขาวเล็ก ก็มีลักษณะคล้ายกัน เรือนกระจกสวนพฤกษศาสตร์ เมื่อเดินทะลุเรือนกระจกไม้น้ำออกมาอีกประตูหนึ่งจะมองเห็นเรือนกระจกจำนวนมากมายเรียงกันขึ้นไปตามเนินเขา เรือนกระจกแต่ละหลังจะมีพืชชนิดต่างๆ กันไป โดยจัดให้เป็นหมวดหมู่ มีทั้งผักสวนครัว สมุนไพร ไปจนถึงไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ กลุ่มอาคารเรือนกระจกนับเป็นไฮไลท์ของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ บางครั้งนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่ก็จะเพลิดเพลินอยู่ในเรือนกระจกต่างๆ เหล่านี้จนหมดเวลาและต้องเดินทางกลับโดยไม่ได้ชมส่วนอื่นๆ สวนกุหลาบ เดินตามทางเดินขึ้นเนินมาเรื่อยๆ มองเข้าไปในเรือนกระจกหลายหลังเรียงรายต่อกัน กำลังคิดว่าจะเข้าอาคารไหนดี ก็เดินมาสะดุดอยู่ที่ร้านชาร้านนี้ซะก่อน เห็นว่าเป็นร้านขายชาแต่เป็นชากุหลาบซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน น้ำชากุหลาบมีกลิ้นหอมกุหลาบแบบที่ชาทั่วไปไม่มี หากสนใจจะซื้อมาเป็นของฝากก็มีขายกันที่นี่เลยครับ ร้านชากุหลาบอยู่ที่หน้าแปลงกุหลาบทางเดินเข้าไปมีซุ้มแขวนด้วยช่อกุหลาบขนาดใหญ่อย่างสวยงาม เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชอบมากอีกจุดหนึ่งของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ โดยเฉพาะคนที่มากันเป็นคู่ จะมาถ่ายรูปในสวนกุหลาบนี้เป็นเวลานานพอสมควรทีเดียวครับ แปลงกุหลาบที่นี่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากอย่างที่คิด แต่เป็นแปลงยาวๆ 2 แถวขนานกันมีทางเดินตรงกลาง และมีการจัดวางม้านั่งไว้ให้ถ่ายรูปสวยๆ กลับไปด้วยความประทับใจ แปลงกุหลาบขนาดไม่ใหญ่มากแปลงนี้มีความพิเศษคือกุหลาบที่ปลูกไว้ล้วนแล้วแต่เป็นพันธุ์ที่หาชมยาก มีความสวยงามมาก ขนาดของดอกใหญ่มาก ขนาดใหญ่เท่าหน้าคนก็ว่าได้ กุหลาบสวย กุหลาบนับเป็นพืชไม่กี่ชนิดที่ไม่ได้ปลูกไว้ในเรือนกระจก เพราะสภาพอากาศภายนอกนั้นก็สามารถปลูกกุหลาบได้แล้ว แปลงกุหลาบอยู่ใกล้กับลานจอดรถ ลานที่ 2 ของเรือนกระจก (พอจอดรถปุ๊บก็ถึงแปลงกุหลาบเลย ส่วนพวกเราจอดรถอีกลานหนึ่งจึงต้องเดินมาตั้งแต่สวนน้ำพุด้านหน้า) การที่ปลูกอยู่นอกเรือนกระจกก็ทำให้เราจัดมุมหาฉากสวยๆ ที่จะมาถ่ายรูปกุหลาบเหล่านี้ได้ดีกว่าในเรือนกระจก กุหลาบสวย แปลงกุหลาบแห่งนี้มีกุหลาบสวยๆ หลายสายพันธุ์ ได้แก่ กุหลาบควีนสิริกิติ์ อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ดอกกุหลาบในแปลงกุหลาบสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์มีอยู่มากมายหลายสายพันธุ์ จนไม่สามารถเอารูปมาให้ชมกันได้ทุกดอก แต่มีอยู่ดอกหนึ่งที่จะไม่นำมาให้ชมก็คงไม่ได้ นั่นก็คือกุหลาบพันธุ์ควีนสิริกิติ์ ซึ่งในวันนั้นมีบานให้เห็นเพียงดอกเดียว ควีนสิริกิติ์เป็นกุหลาบดอกมีกลิ่นหอม นายอองเดร อองดริก เป็นผู้ตั้งชื่อตามพระนามของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในเอกสารบันทึกไว้ว่า "พระราชินีแห่งประเทศไทยทรงพระสิริโฉมเป็นเสน่ห์แบบตะวันออก" ป่าดิบชื้น เรือนกระจกในสวนพฤกษศาตร์ ได้จำลองสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพรรณไม้มากมายหลายชนิด หลายแบบ มีพืชน้ำ ไปจนถึงพืชทนแล้วอย่างกระบองเพชร แม้แต่ป่าดิบชื้นซึ่งมีความชื้นสูง และมีแสงส่องลงมาได้น้อยก็ยังมีจำลองเอาไว้ในเรือนกระจกทรงสูง เป็นเรือนกระจกที่สูงที่สุดในนี้ มีการสร้างน้ำตกจำลองที่สูงถึง 3 เมตร ละอองน้ำจากน้ำตกกระจายไปทั่วบริเวณ พิชหลายชนิดที่พบได้เฉพาะในป่าดิบชื้นสามารถเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีในเรือนกระจก เสมือนว่าเป็นป่าจริงๆ ทีเดียว พืชบางชนิดในป่าดิบชื้น นอกเหนือจากต้นไม้ขนาดใหญ่ ก็มีพืชอีกหลายชนิดที่ออกดอกสวยงามได้ในป่าดิบชื้น จะออกดอกตามฤดูกาลในเรือนกระจกแห่งนี้ อย่างเช่น พืชทนแล้ง อยู่ใกล้ๆ กันกับทางเข้าเรือนกระจกใหญ่ป่าดิบชื้น ชื่อเรือนพืชทนแล้งก็บอกในตัวอยู่แล้วว่าจะได้พบกับต้นกระบองเพชรกันเป็นจำนวนมาก กระบองเพชรเหล่านี้มีหลากหลายสายพันธุ์แตกต่างกันทั้งขนาดและรูปร่าง กระบองเพชรหลายสายพันธุ์มาจากต่างประเทศนับเป็นสถานที่ศึกษากระบองเพชรที่ดีแห่งหนึ่งเพราะมีหลายต้นที่หาชมกันได้ยาก ส่วนภาพล่างขวาเป็นบรรยากาศของเรือนกระจกกล้วยไม้และเฟิร์นซึ่งอยู่ติดกันกับเรือนพืชทนแล้ง กล้วยไม้สวย ภาพรวมกล้วยไม้หลากหลายชนิดแบบสวยๆ มีอยู่ในเรือนกระจกหลังนี้เป็นจำนวนมาก เอามาให้ชมกันบางส่วนครับ เนื่องจากกล้วยไม้ในเรือนกระจกมีมากมายหลายสีหลายพันธุ์ เรือนกระจกหลังนี้จึงเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้เข้ามาถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ที่จัดไว้อย่างสวยงามด้วย กล้วยไม้สวย ภาพกล้วยไม้อีกชุดหนึ่งจากสวนพฤกษศาตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ตึกอำนวยการ นอกเหนือจากเส้นทางเศวตพิมาน สวน 77 พรรษา เรือนกระจก ที่ได้เอามาให้ชมกันแล้ว ในสวนพฤกษศาตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายหลายอย่างได้แก่ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ เส้นทางวัลยชาติ เส้นทางสวนรุกขชาติ เรือนรวมพรรณกล้วยไม้ไทย ซึ่งมีพรรณไม้มากมายหลายอย่างให้ชมกันแบบเดินไม่ไหวกันเลยทีเดียว เส้นทางขับรถชมสวนพฤกษศาตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จะพาเรากลับมายังตึกอำนวยการแห่งนี้ซึ่งเป็นประตูทางเข้า-ออก สวนพฤกษศาตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ น้ำตกแม่สาน้อย น้ำตกที่สวยงามในสวนพฤกษศาตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อยู่ด้านหน้าตึกอำนวยการ มีทางเดินลงไปชมน้ำตกแบบใกล้ๆ น้ำตกแม่สาน้อยไหลลงมาจากผากว้างและสูงมาก เป็นชั้นเล็กชั้นน้อยมากมายสวยงาม จบการนำเที่ยวสวนพฤกษศาตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ไว้เท่านี้ก่อนครับ หากมีเวลามากกว่านี้คงได้เข้าไปชมโซนอื่นๆ ที่ยังมีอยู่อีกมากมายจริงๆ รีวิว สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เชียงใหม่"ชวนพี่ๆ เที่ยวงาน Botanic Festival 2018 ภายใต้ชื่องาน “Colourful Garden” ระหว่างวันที่ 23 ธันวาคม 2560 - 2 มกราคม 2561 ตั้งแต่เวลา 07.30 - 18.00 น. ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ภายในงานจะได้พบกับกิจกรรมมากมาย เช่น พันธุ์ไม้หลากสี , กล้วยไม้สายพันธุ์ต่างๆ , ตะลุยหรรษาป่าดิบชื้น , ราชินีแห่งพรรณไม้น้ำ , กุหลาบหอมหวนสวนแห่งรัก , มหัศจรรย์พรรณไม้กินแมลง , สมุนไพรใกล้ตัวเพื่อสุขภาพ รวมทั้งได้เพลิดเพลินไปกับบทเพลงบรรเลงในสวน ชวนชิมลิ้มลองอาหารหลากรส สินค้าชุมชน สินค้าของที่ระลึก ตลอดจน กิจกรรมภายใต้ซุ้มนิทรรศการจากหน่วยงานต่างๆ ชมการจัดแต่งสวนสีสันพรรณไม้ อาทิ สวนชนบทสไตล์ยุโรป สวนสีสันตะวันออก สวนสีสันหุ่นไล่กา อากาศเย็นๆ เที่ยวงานสนุกๆ ห้ามพลาดนะเจ้า ^^ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานประชาสัมพันธ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ โทรศัพท์ 0-5384-1234, 0-5384-1023 และ Facebook สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ Akkasid Tom Wisesklin |