ใบ งาน การเคลื่อนที่ของมนุษย์

4.1 ระบบโครงกระดูกและข้อต่อ

     ระบบโครงกระดูกของคนระบบโครงกระดูก หมายถึง กระดูกอ่อน(Cartilage) กระดูกแข็ง (Compact bone) ข้อต่อ(Joints)รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่มาเกี่ยวพัน ได้แก่ เอ็นกล้ามเนื้อ (Tendon) เอ็นยึดข้อ (Ligament)

ใบ งาน การเคลื่อนที่ของมนุษย์

4.1 ระบบโครงกระดูกและข้อต่อ

1. เป็นโครงร่าง ทำให้คนเราคงรูปอยู่ได้ นับเป็นหน้าที่สำคัญที่สุด

2. เป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อลาย เป็น รวมทั้งพังผืด

3. เป็นโครงร่างห่อหุ้มป้องกันอวัยวะภายใน ไม่ให้เป็นอันตราย เช่น กระดูกสันหลังป้องกัน   ไขสันหลัง

4. เป็นแหล่งเก็บแคลเซียมที่ใหญ่ที่สุด

5. เป็นแหล่งสร้างเม็ดเลือดชนิดต่างๆ

6. ช่วยในการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะกระดูกยาวทำให้เราสามารถเคลื่อนไหวเป็นมุมที่กว้างขึ้น

7. กระดูกบางชนิดยังช่วยในการนำคลื่นเสียง ช่วยในการได้ยิน เช่น กระดูกค้อน ทั่ง และ โกลน ซึ่งอยู่ในหูตอนกลาง จะทำหน้าที่นำคลื่นเสียงผ่ายไปยังหูตอนใน


กระดูกอ่อน  (Cartilage)

         กระดูกอ่อน จัดเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดพิเศษ ที่มีเมทริกซ์แข็งกว่าเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดอื่นๆ ยกเว้น กระดูกแข็ง

  หน้าที่สำคัญ ของกระดูกอ่อน คือ รองรับส่วนที่อ่อนนุ่มของร่างกาย เนื่องจากผิวของกระดูกอ่อนเรียบ ทำให้การเคลื่อนไหวได้สะดวกป้อ

การเสียดสี 

     กระดูกอ่อนจะพบที่ปลายหรือหัวของกระดูกที่ประกอบเป็นข้อต่อต่างๆ  และยังเป็น       ต้นกำเนิดของกระดูกแข็งทั่วร่างกาย

 ความแตกต่างในแง่ของปริมาณและชนิดของ fiber ที่อยู่ภายใน matrix มีผลให้คุณสมบัติของกระดูกอ่อนแตกต่างกันไป  ทำให้สามารถ

จำแนกชนิดของกระดูกอ่อนได้เป็น 3 ชนิด

1. กระดูกอ่อนโปร่งใส (Hyaline Cartilage)

   มีลักษณะใสเหมือนแก้ว เพราะมีเมทริกซ์โปร่งใส เป็นชนิดที่พบมากที่สุดในร่างกาย เป็นต้นกำเนิดโครงกระดูกส่วนมากในร่างกาย

เช่น กระดูกซี่โครงด้านหน้าตรงส่วนรอยต่อกับกระดูกหน้าอกบริเวณส่วนหัวของกระดูกยาว เช่น  จมูก กล่องเสียง หลอดลม รูหูชั้นนอก

หลอดลมขั้วปอด

ใบ งาน การเคลื่อนที่ของมนุษย์

 2.  กระดูกอ่อนยืดหยุ่น(Elastic Cartilage)

เป็นกระดูกอ่อนที่ยืดหยุ่นได้ดี  มีเมทริกซ์เป็นพวกเส้นใย ยืดหยุ่นมากกว่าเนื่องจากมี  คลอลาเจนไฟเบอร์ พบได้ที่ใบหู ฝาปิดกล่อง

เสียงหลอดยูสเตเชียน

ใบ งาน การเคลื่อนที่ของมนุษย์

3. กระดูกอ่อนเส้นใย  (Fibrous Cartilage)

       พบในร่างกายน้อยมาก   เป็นกระดูกอ่อนที่มีสารพื้นน้อยแต่มีเส้นใยมาก  พบได้ที่หมอนรองกระดูกสันหลัง  ปลายเอ็นตรง

ส่วนที่ยึดกับกระดูก และตรงรอยต่อที่กระดูกกับหัวหน่าว

ใบ งาน การเคลื่อนที่ของมนุษย์

กระดูก (Bone)     

กระดูกเป็นเนื้อเยื่อค้ำจุน (Supporting tissue) ที่แข็งที่สุด แบ่งตามลักษณะโครงสร้างได้เป็น 2 พวกคือ

1. กระดูกฟองน้ำ (Spongy Bone) เป็นกระดูกที่มีรูพรุนคล้ายฟองน้ำ พบที่ส่วนปลายทั้งสองข้างของกระดูกยาว ส่วนผิวนอกตรงส่วน

ปลายกระดูก จะมีกระดูกอ่อนหุ้มอยู่ ส่วนที่เป็นรูพรุนจะมีไขกระดูกบรรจุอยู่ เป็นที่สร้างเม็ดเลือกให้แก่ร่างกาย

2. กระดูกแข็ง (Compact Bone) หมายถึงกระดูกส่วนที่แข็งแรง จะพบอยู่บริเวณผิวนอกส่วนกลางๆ

 ของกระดูกยาว มีเนื้อกระดูกมากกว่าช่องว่าง ในภาคตัดขวางจะเห็นเป็นชั้นๆ ดังนี้

 2.1 เยื่อหุ้มกระดูก (Periosteum) มีลักษณะบางเหนียว เป็นส่วนที่มีหลอดเลือดฝอยเพื่อนำอาหารไปเลี้ยงกระดูก 

และชั้นในสุดของเยื่อหุ้มกระดูกจะมีเซลล์ออสทีโอบลาสต์ (Osteoblast) เป็นเซลล์ที่ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์กระดูก

2.2  เนื้อกระดูก นับเป็นโครงสร้างที่แข็งแรงที่สุดของร่างกาย

2.3  ช่องว่างในร่างกาย (Medullary Cavity)  เป็นช่องว่างที่มีไขกระดูกบรรจุอยู่

2.4  ไขกระดูก (Bone Marrow) มีสีเหลือง ประกอบด้วยเซลล์ไขมันจำนวนมาก ไขกระดูก มี 2 ชนิดคือ 

2.4.1  ไขกระดูกแดง เป็นที่สร้างเม็ดเลือด เริ่มสร้างประมาณกลางวัยเด็ก เมื่อวัยรุ่นจะถูกแทนที่โดยเซลล์ไขมัน กลายเป็นไขกระดูกเหลือง

2.4.2  ไขกระดูกเหลืองเป็นพวกเซลล์ไขมัน อาจเปลี่ยนกลับเป็นไขกระดูกแดงได้

ใบ งาน การเคลื่อนที่ของมนุษย์


4.2 ข้อต่อและเอ็นเชื่อมกระดูก

คือ ตำแหน่งที่กระดูกตั้งแต่ 2 ชิ้น ขึ้นไปมาจรดกันโดยมีเนื้อเยื่อหรือเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน  มายึดให้ติดกันเป็นข้อต่ออาจเคลื่อนไหวได้มากหรือ

น้อย หรือไม่ได้เลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของข้อต่อนั้นๆ แต่ประโยชน์ที่สำคัญคือ เพื่อป้องกันอันตรายต่อกระดูก และให้กระดูกที่มีความแข็ง

อยู่แล้ว สามารถเคลื่อนไหวหรือปรับผ่อนได้ตามสภาพและหน้าที่ของกระดูกที่อยู่ ณ ตำแหน่งนั้น ๆ

ข้อต่อแบบลูกกลมในเบ้า   

    สามารถหมุนได้เกือบทุกทิศทาง  สามารถพบได้ที่บริเวณสะโพกและหัวไหล่

ข้อต่อแบบบานพับ  

 ข้อต่อแบบนี้  พบได้ที่บริเวณข้อศอก  ซึ่งจะเคลื่อนไหวได้แค่งอและเหยียดเท่านั้นคล้ายกับบานพับประตู

ข้อต่อแบบเลื่อน

-  จะมีผิวแบนเรียบ  ซึ่งจะเลื่อนไปซ้อนกันได้เล็กน้อยในทุกทิศทาง  พบได้ที่บริเวณระหว่างข้อกระดูกสันหลัง  และที่บริเวณข้อมือ-ข้อเท้า

ข้อต่อแบบเดือยหมุน    

พบในข้อต่อระหว่างกระดูกคอชิ้นที่ 1 และ 2 โดยกระดูกคอชิ้นที่ 2 มีลักษณะเป็นเดือยตั้งให้กระดูกคอชิ้นที่ 1

4.3 ระบบกล้ามเนื้อ                                                                                                                                                 กล้ามเนื้อ(muscle) เป็นตัวที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวโดยทำงานร่วมกับระบบโครงกระดูก

กล้ามเนื้อแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ

 1. กล้ามเนื้อลาย ( skeletal  muscle )  เป็นกล้ามเนื้อชนิดเดียวที่ยึดเกาะกับกระดูก ประกอบด้วยเซลล์ที่มีลักษณะเป็น ทรงกระบอกยาว

เรียกว่า    เส้นใยกล้ามเนื้อ ( muscle fiber )  ถ้าดูด้วยกล้องจุลทรรศน์จะมองเห็น   เป็นแถบลาย สีเข้ม สีอ่อน สลับกันเห็นเป็นลายตาม

ขวาง แต่ละเซลล์มีหลายนิวเคลียส การทำงานอยู่ภายใต้การควบคุมของจิตใจ ระบบประสาทโซมาติก (voluntary muscle) เช่น กล้ามเนื้อที่

แขน ขา หน้า ลำตัว เป็นต้น

กล้ามเนื้อลาย

        ประกอบด้วยเซลล์ที่มีลักษณะยาวเหมือนเส้นใยเรียกว่า  เส้นใยกล้ามเนื้อ ( muscle fiber ) อยู่รวมกันเป็นมัดเซลล์แต่ละเซลล์ในเส้นใยกล้ามเนื้อจะมีหลายนิวเคลียส

 ในเส้นใยกล้ามเนื้อแต่ละเส้นจะประกอบด้วยมัดของ  เส้นใยฝอย หรือเส้นใยกล้ามเนื้อเล็ก ( myofibrils ) ที่มีลักษณะเป็นท่อนยาว

เรียงตัวตามแนวยาว ภายในเส้นใยฝอยจะประกอบด้วยเส้นใยเล็กๆ

 เรียกว่า ไมโอฟิลาเมนท์ ( myofilament )

ไมโอฟิลาเมนต์

ประกอบด้วยโปรตีน 2 ชนิด คือ ไมโอซิน

 ( myosin ) และแอกทิน ( actin ) ไมโอซินมีลักษณะเป็นเส้นใยหนา

ส่วนแอกทินเป็นเส้นใยที่บางกว่า การเรียงตัวของไมโอซินและแอกทินอยู่ในแนวขนานกัน ทำให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นลายขาวดำสลับกัน

 2.  กล้ามเนื้อเรียบ ( smooth  muscle ) เป็นกล้ามเนื้อที่ไม่มีลาย ตามขวาง  ประกอบด้วยเซลล์ที่มีลักษณะแบนยาว แหลมหัวแหลมท้าย

ภายในเซลล์มีนิวเคลียสอันเดียวตรงกลาง   ทำงานอยู่นอกอำนาจจิตใจ   ระบบประสาทอัตโนวัติ  ( involuntary  muscle ) เช่น กล้ามเนื้อ

ของอวัยวะภายในต่างๆ

3.  กล้ามเนื้อหัวใจ ( cardiac  muscle ) เป็นกล้ามเนื้อของหัวใจโดยเฉพาะรูปร่างเซลล์ จะมีลายตามขวางและมีนิวเคลียสหลายอันเหมือน

กล้ามเนื้อลาย แต่แยกเป็นแขนงและเชื่อมโยงติดต่อกันกับเซลล์ข้างเคียงการทำงานอยู่นอกอำนาจจิตใจเช่นเดียวกับกล้ามเนื้อเรียบ

กล้ามเนื้อไบเซพ (biceps) และกล้ามเนื้อไตรเซพ (triceps)  

     ปลายข้างหนึ่งของกล้ามเนื้อทั้งสองยึดติดกับกระดูกแขนท่อนบน  ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งยึดติดอยู่กับกระดูกแขนท่อนล่าง  เมื่อกล้าม

เนื้อ ไบเซพหดตัว ทำให้แขนงอตรง  บริเวณข้อศอก  ขณะที่แขนงอ กล้ามเนื้อไตรเซพจะคลายตัว  แต่ถ้ากล้ามเนื้อไบเซพคลายตัวจะทำให้

แขนเหยียดตรงได้ ซึ่งขณะนั้นกล้ามเนื้อไตรเซพจะหดตัว  ดังนั้นกล้ามเนื้อไบเซพจึงเป็นกล้ามเนื้อเฟล็กเซอร์  ส่วนกล้ามเนื้อไตรเซพ จะ

เป็นกล้ามเนื้อเอ็กซ์เทนเซอร์