แม้ว่าทักษะและประสบการณ์จะเป็นคุณสมบัติสำคัญที่นายจ้างต้องการจากพนักงาน แต่ไม่ว่าคุณจะเก่งกาจขนาดไหน หากไม่มีทัศนคติที่ดีควบคู่กันไปแล้ว องค์กรของคุณก็จะไม่อาจเกิดสภาพแวดล้อมในการทำงานที่สมดุลได้ คนทำงานจึงควรพร้อมด้วย 5 ทัศนคติเชิงบวกต่อไปนี้ เพื่อความก้าวหน้าและความสำเร็จไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ตาม เคารพผู้อื่น ไม่เฉพาะแต่ผู้ที่มีอาวุโสกว่าเราเท่านั้นที่เราควรเคารพและให้เกียรติ แต่เราควรเคารพทุก ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่คนที่มีตำแหน่งต่ำกว่าเรา เราควรปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความสุภาพ แม้เราอาจไม่เห็นด้วยกับเขาในบางเรื่อง แต่ก็ควรโต้แย้งด้วยความสุภาพและให้เกียรติเสมอ ภูมิใจในตนเอง คนที่มีความภูมิใจในตนเองเกี่ยวกับงานที่ตนทำมีแนวโน้มที่จะทุ่มเทเพื่อความสำเร็จ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นายจ้างมองหา ความภูมิใจไม่ได้หมายความว่า เราจะหยิ่งทะนงไม่ยอมรับความช่วยจากผู้อื่น แต่หมายถึง เราภูมิใจในผลงานที่ออกมาจากความทุ่มเทของเราและอยากจะทำให้มันดีขึ้น ๆ เรื่อย ๆ ทำตามที่รับปาก เมื่อพนักงานรับปากแล้ว ควรทำให้ได้ เพราะนอกจากจะแสดงถึงความรับผิดชอบแล้ว การรับปากทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ยังทำให้พนักงานต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเพื่อจะทำงานนั้นให้สำเร็จ ซึ่งเป็นการพัฒนาการทำงานและความคิดของตนไปด้วย
พนักงานที่มีความคิดริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ ชอบที่จะคิดนอกกรอบ เพื่อค้นหาวิธีที่แตกต่างในการทำสิ่งเดียวกัน คืออีกคุณสมบัติหนึ่งที่องค์กรต้องการ แม้สิ่งที่คิดอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แม้จะล้มเหลว แต่คนที่มีทัศนคติเช่นนี้จะไม่หยุดคิดอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา และสามารถสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ที่เป็นที่ยอมรับและประสบความสำเร็จได้สักวัน เต็มใจช่วยเหลือผู้อื่น คนมีน้ำใจอยู่ที่ไหนใคร ๆ ก็รัก ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ หรือช่วยเพื่อนร่วมงานให้ทำงานสำเร็จก็ล้วนแต่สำคัญทั้งสิ้น ยิ่งเรามีน้ำใจต่อผู้อื่นมากเท่าไร เราก็จะมีคนอยากร่วมงานกับเรามากเท่านั้น และเพิ่มโอกาสได้รับมอบหมายงานที่สำคัญมากขึ้นด้วย New jobs every day means new opportunities. Don't miss out. Create a Job Alert เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ คนเก่ง ทำไมจึงเก่ง??? พื้นฐานที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
ทัศนคติต่อการทำงานของคนญี่ปุ่น… สัปดาห์ก่อนดิฉันมีโอกาสเดินทางไปหาลูกค้าที่มาเลเซียกับเจ้านายญี่ปุ่น เลยมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเรื่องการทำงานของคนไทยและคนญี่ปุ่น พบว่ามีทัศนคติต่อการทำงานที่ต่างกันพอสมควรค่ะ บทความโดย : พิชชารัศมิ์ www.marumura.com สัปดาห์ก่อนดิฉันมีโอกาสเดินทางไปหาลูกค้าที่มาเลเซียกับเจ้านายญี่ปุ่น
เลยมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเรื่องการทำงานของคนไทยและคนญี่ปุ่น พบว่ามีทัศนคติต่อการทำงานที่ต่างกันพอสมควรค่ะ • ไม่มีปากเสียง เดือนที่แล้วเป็นช่วงโบนัสออกของบริษัท แล้วก็มีพนักงานไทยหลายคนบ่นว่าได้โบนัสน้อย เจ้านายญี่ปุ่นบอกว่าปกติพนักงานบริษัทที่ประเทศญี่ปุ่นจะไม่ค่อยคุยเรื่องผลตอบแทน ต่อให้เงินเดือนหรือโบนัสน้อยก็จะไม่บ่น แต่จะก้มหน้าก้มตาทำไปโดยไม่มีปากเสียงค่ะ ดิฉันคิดว่าในใจลึกๆคงไม่พอใจแต่อาจจะไม่กล้าพูดเพราะกลัวจะมีผลกระทบเรื่องงานค่ะ •
ไม่เปลี่ยนงานบ่อย คนญี่ปุ่นหลายๆคนค่อนข้างแปลกใจที่พนักงานไทยส่วนใหญ่จะอยู่บริษัทหนึ่งไม่นานนัก จนมีคนญี่ปุ่นเคยถามดิฉันว่า “ที่ประเทศไทยหางานใหม่ได้ง่ายมากเลยเหรอ” โดยปรกติคนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยเปลี่ยนงาน (แต่ปัจจุบันวัฒนธรรมนี้เปลี่ยนไป คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่เปลี่ยนงานกันมากขึ้นเพื่อหาโอกาสที่ดีกว่า) คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่กล้าลาออกเพราะกลัวบริษัทใหม่ที่ตนไปสมัครจะไม่รับเพราะมองว่าไม่มีความอดทน ทำให้คนญี่ปุ่นค่อนข้างคิดมากหากจะต้องเปลี่ยนงานค่ะ
ถ้าไม่จำเป็นถึงขั้นคอขาดบาดตายจริงๆก็มักจะทำงานที่เดียวไปเรื่อยๆจนเกษียณ • เคร่งครัดในระเบียบวินัย คนญี่ปุ่นเคร่งครัดเรื่องการตรงต่อเวลาในการทำงาน การไปพบลูกค้า การส่งงานตามกำหนด และมองว่าคนไทยไม่เคร่งครัดเท่าที่ควร นอกจากนี้คนไทยยังมีอัตราการลากิจ ลาพักร้อน ลาป่วย (ด้วยเหตุผลสารพัด เช่น เป็นไข้ ท้องเสีย ไม่สบาย ปวดหัว ตัวร้อน ฯลฯ มากกว่าพนักงานคนญี่ปุ่น • มีระบบอาวุโส ระบบการทำงานของคนญี่ปุ่นมีระบบอาวุโส
พนักงานใหม่ๆและพนักงานระดับล่างมักจะดูแลแทคแคร์รุ่นพี่และคนที่มีอายุงานมากกว่าจนเป็นนิสัย เช่น หากไปกินข้าวสังสรรค์ก็จะตักอาหาร รินเครื่องดื่มให้กับหัวหน้าและรุ่นพี่ ซึ่งค่อนข้างต่างจากที่ไทย • ทำตัวยุ่งตลอด คนญี่ปุ่นหลายๆ คนเมื่อเสร็จงานแล้วก็ไม่กล้ากลับบ้านก่อนเจ้านายและเพื่อนร่วมงานเพราะกลัวจะถูกมองว่าไม่ขยัน ไม่ตั้งใจทำงาน บางคนก็กลัวจัดจนถึงขนาดต้องทำตัวให้ดูยุ่งตลอดเวลาทั้งๆที่อาจไม่ได้ยุ่งจริงๆ ต่างจากคนไทยที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการทำงานขนาดนั้น
หากทำงานเสร็จก็กลับบ้านได้ค่ะ บทความโดย : พิชชารัศมิ์ www.marumura.com สามารถติดตามเรื่องราวแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจด้วยความรักในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” ตามแผงหนังสือชั้นนำ และ สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์ เรื่องแนะนำ
: #ทัศนคติต่อการทำงานของคนญี่ปุ่น Tags :
พิชชารัศมิ์ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง “รักดีดี มีอยู่จริง” วางขายออนไลน์ที่ ookbee และหนังสือเรื่อง “กัมบัตเตะเนะ เพราะความสำเร็จไม่มีทางลัด” จะวางแผงเดือน พฤษภาคมนี้ จบการศึกษาปริญญาโทด้านการค้าระหว่างประเทศ จาก International University of Japan เมืองนีงาตะ ประเทศญี่ปุ่น โดยทุนรัฐบาลญี่ปุ่น และ Graduate Diploma of Business Management จาก Japan-American Institute of Management Science ที่ฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้รับทุนการศึกษาจากบริษัท Fujitsu ปัจจุบันเป็นผู้จัดการอาวุโสฝ่ายส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ ของบริษัทเทรดดิ้งรถยนต์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง มีประสบการณ์ทำงานด้านการค้าระหว่างประเทศและการพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศประมาณ 10 ปี ทั้งจากบริษัทรถยนต์ บริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็คโทรนิคส์ของญี่ปุ่น รวมถึงประสบการณ์ทำงานด้านโลจิสติกส์กับบริษัทขนส่งทางเรือระดับโลก งานอดิเรกคือการเขียนคอลัมน์ เขียนหนังสือ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองและบริหารงานด้วยศาสตร์การโค้ช เป็นวิทยากรรับเชิญ หากว่างจากงานก็จะอ่านหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง ดูหนัง ทำกับข้าวและท่องเที่ยว You May Also Like |