Show
วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งองค์การสหประชาชาติคือ 1. รักษาสันติภาพของโลก 2. พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆ 3. ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีฐานะยากจนให้มสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพอนามัย ความรู้รวมถึงสิทธิและเสรีภาพ 4. เป็นศูนย์ช่วยเหลือแก่ประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้เมื่อดูจากประวัติการก่อตั้งองค์การสหประชาชาติแล้ว ย่อมเห็นว่าภาระหน้าที่สำคัญที่สุดขององค์การสหประชาชาติคือการรักษาสันติภาพโลก ภารกิจหลักของสหประชาชาติคือการรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เมื่อเกิดกรณีพิพาทระหว่างประเทศ หน้าที่ของสหประชาชาติคือให้คณะมนตรีความมั่นคงเข้าไปแทรกแซงโดยเปิดการเจรจาระหว่างคู่กรณีเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้ทำความตกลงระงับความขัดแย้งอย่างสันติ ระหว่างการเจรจาคณะมนตรีความมั่นคงจะพิจารณาว่าความขัดแย้งดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสันติภาพและความมั่นคงของโลกหรือไม่ และอาจเสนอแนะแนวทางต่างๆ เพื่อหาทางออกหากการเจรจาไม่เป็นผลและเกิดการรุกรานด้วยกองกำลังติดอาวุธ คณะมนตรีความมั่นคงมีอำนาจบีบบังคับด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งทางการทูต เศรษฐกิจและการแทรกแซงทางทหาร เพื่อให้การปะทะกันยุติลง หลังมีข้อตกลงหยุดยิงอาจมีการส่งผู้รักษาสันติภาพเข้าไปยังพื้นที่ประเทศที่ขัดแย้งกันในกรณีที่ประเทศดังกล่าวยินยอม บางกรณีคณะมนตรีความมั่นคงอาจให้กำลังรบของประเทศสมาชิกเข้าแทรกแซงแต่ไม่ได้อยู่ในบังคับบัญชาของสหประชาชาติ แต่เมื่อดูเหตุการณ์ทั่วโลกตั้งแต่ก่อตั้งองค์การสหประชาชาติเป็นต้นมาปรากฏว่ามีสงครามเกิดขึ้นในทุกทวีปตลอดเวลา นี่คือความล้มเหลวที่สุดขององค์การสหประชาชาติ สหประชาชาติมีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่ก็ไมอาจยับยั้งสงครามได้เลย ในความพยายามที่จะรักษาสันติภาพ สหประชาชาติมีบทบาทสำคัญในความพยายามด้านการลดและลดอาวุธ การวางระเบียบของอาวุธยุทธภัณฑ์ รวมไปถึง การเขียนกฎบัตรสหประชาชาติในปี 1945 ซึ่งมีวิสัยทัศน์ที่จะลดการใช้ทรัพยากรมนุษย์และทรัพยากรทางเศรษฐกิจในการ ผลิตอาวุธ สหประชาชาติถูกวิจารณ์จากความล้มเหลวในการรักษาสันติภาพเพราะมีประเทศมหาอำนาจที่นึกว่าตัวยิ่งใหญ่กว่าองค์การสหประชาชาติ หลายกรณีที่รัฐสมาชิกปฏิบัติการด้วยความไม่เต็มใจ หรือไม่ยอมปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ องค์การสหประชาชาติก็ทำอะไรไม่ได้ ว่ากันว่าสหรัฐฯ นั้นช่วยงบประมาณให้กับสหประชาชาติประมาณหนึ่งในห้า เป็นพี่เอื้อยในสหประชาชาติ แต่อำนาจนี้ก็กำลังถูกท้าทาย ตั้งแต่สมัยเลขาธิการสหประชาชาติคนก่อน ก็มีความพยายามจะปรับปรุงองค์การสหประชาชาติ ให้เป็นที่ซึ่งสามารถกลับมาเป็นที่พึ่งของโลกได้อีก โดยจัดทีมพิเศษคัดจากผู้เชี่ยวชาญ 16 คน ซึ่งเป็นทั้งอดีตทูตและนักการเมืองสำคัญๆ มาช่วยงาน เพื่อประเมินว่ามีอะไรที่สำคัญและเป็นภัยต่อมนุษยชาติบ้าง และยูเอ็นควรทำอะไรบ้าง ทั้งหมดมีหน้าที่ให้คำปรึกษาว่ายูเอ็นควรปรับปรุงอย่างไร แต่มาจนถึงเลขาธิการคนปัจจุบันก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิผลน่าพอใจ หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ.1913-1921) ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน (Woodrow Wilson)แห่งสหรัฐอเมริกา ได้เสนอให้ก่อตั้งองค์การสันนิบาตชาติขึ้น ซึ่งเป็นแนวความคิดที่จะป้องกันมิให้เกิดสงครามร้ายแรงที่จะทำลายล้างประชาชาติขึ้นอีก โดยให้สถาปนาองค์การสันนิบาตชาติขึ้นเพื่อเป็น องค์กรกลางที่จะใช้แก้ปัญหากรณีพิพาทระหว่างประเทศ โดยสันติวิธีเพื่อดำรงรักษาสันติภาพอันถาวรไว้ โดยประชุมครั้งแรก ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ค.ศ.1920ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน (Woodrow Wilson)แห่งสหรัฐอเมริกาองค์การสันนิบาตชาติสมาชิกภาพ ประเทศที่เป็นฝ่ายชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 ทุกประเทศได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญา สันติภาพและเป็นสมาชิกขององค์การสันนิบาตชาติโดยอัตโนมัติ วัตถุประสงค์การดำรงสันติภาพและป้องกันสงครามในอนาคต ประเทศสมาชิกต่างให้ สัตยาบันที่จะเคารพเอกราช และบูรณภาพแห่ง อาณาเขตของประเทศต่าง ๆ ในกรณีที่ประเทศสมาชิกใดถูกรุกรานทั้งทางด้านเศรษฐกิจหรือกำลังทหาร ต้องเป็นหน้าที่ของประเทศสมาชิกอื่นในการร่วมมือกันต่อต้านผู้รุกราน องค์การสันนิบาตชาติมีหลักการในความร่วมมือกัน ดังนี้ การดำเนินงาน
การดำเนินงานขององค์การสันนิบาตชาติมีองค์กรต่าง ๆ ทำหน้าที่และรับผิดชอบ ดังนี้ - สำนักงานเลขาธิการ มีเลขาธิการซึ่งได้รับเลือกจากคณะมนตรีมีหน้าที่เป็นสำนักงานจัดทำรายงานรักษาเอกสารหลักฐาน อำนวยการวิจัยและประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ - คณะกรรมาธิการ มีคณะกรรมาธิการฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับกิจการด้าน ผลงานขององค์การสันนิบาตชาติ
การปฏิบัติงานขององค์การสันนิบาตชาติในฐานะองค์การระหว่างประเทศอาจนับได้ว่าล้มเหลวแม้ได้ทำการแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งได้สำเร็จอยู่บ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อสังคมโลกและเป็นปัญหาที่ชาติมหาอำนาจไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง
องค์การสันนิบาตชาติก็ไม่สามารถใช้มาตรการใดลงโทษญี่ปุ่น ได้วิกฤตการณ์ระหว่างประเทศที่แสดงถึงความล้มเหลวขององค์การสันนิบาตชาติ ที่ชัดเจนที่สุด คือ สงครามอะบิสซิเนีย(Abyssinian War) ที่อิตาลีส่งกองทัพบุกอะบิสซิเนียโดยไม่ประกาศสงครามเมื่อ ค.ศ.1935และสามารถยึดกรุงแอดดิสอาบาบาได้ในค.ศ.
1936 ซึ่งสมัชชาขององค์การสันนิบาตชาติได้ลงมติประณามอิตาลีว่าเป็นฝ่ายรุกรานอิตาลีจึงตอบโต้องค์การสันนิบาตชาติด้วยการลาออกจากการเป็น จุดอ่อนขององค์การสันนิบาตชาติแม้องค์การสันนิบาตชาติจะได้ปฏิบัติภารกิจสำเร็จในช่วงต้น ๆ หลายกรณี แต่ต่อมาก็คลายความศักดิ์สิทธิ์ลง ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากองค์ประกอบต่าง ๆ ดังนี้ 1. การที่ประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้เป็นสมาชิก ทำให้กฎข้อบังคับขององค์การ สันนิบาตชาติบังคับใช้ได้ผลก็เฉพาะกับประเทศสมาชิก 2. ประเทศมหาอำนาจโจมตีประเทศอื่น ดังนั้นแม้ว่าจะมีองค์การสันนิบาตชาติ แต่เมื่อประเทศมหาอำนาจต้องการผลประโยชน์หรือเสียผลประโยชน์ มหาอำนาจเหล่านี้จะเพิกเฉยต่อบทบาทและหน้าที่ขององค์การสันนิบาตชาติ หรือลาออกจากการเป็นสมาชิก ซึ่งองค์การสันนิบาตชาติก็ไม่สามารถปฏิบัติการใดๆอันเป็นการตอบโต้ต่อประเทศ เหล่านั้นได้ หลังจากการก่อตั้งองค์การสันนิบาตชาติมาได้ 20 ปี สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้น |