โบราณสถาน เมืองเก่าแก่ ซากปรักหักพังทางประวัติศาสตร์ ฯลฯ อันเป็นสิ่งแสดงถึงวัฒนธรรมอันรุ่งเรื่องของมนุษย์ในอดีตได้รับผลกระทบจากโลกร้อน เหตุเพราะโลกร้อนทำให้อากาศทั่วโลกแปรปรวน ทั้งเกิดพายุ น้ำท่วม ภัยแล้ง ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง และล้วนแต่ยิ่งสร้างความเสียหายให้กับมรดกตกทอดทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมอยู่แล้วโบราณสถานอายุ 600 ปีในจังหวัดสุโขทัยของประเทศไทยเรา ก็เคยเสียหายอย่างหนักเพราะภัยน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งเป็นผลจากภัยโลกร้อน มาแล้วเช่นกัน ในการออกแบบวงโคจรของดาวเทียม นอกจากความสูงของวงโคจรแล้ว ยังต้องคำนึงถึงทิศทางของวงโคจร เนื่องโลกหมุนรอบตัวเอง นักวิทยาศาสตร์จะต้องคำนึงถึงพื้นที่บนพื้นผิวโลกที่ต้องการให้ดาวเทียมเคลื่อนที่ผ่าน เราสามารถจำแนกประเภทของวงโคจร ตามระยะสูงของวงโคจรได้ดังนี้ 3) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 (ประกาศ Must Have) ข้อ 3 ซึ่งอ้างถึงการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของประชาชนทุกคน รวมถึงคนด้อยโอกาสให้เข้าถึงหรือรับรู้และใช้ประโยชน์จากรายการโทรทัศน์บางรายการที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะได้อย่างเป็นธรรม เสมอภาค และทั่วถึง โดยกำหนดให้รายการโทรทัศน์แบบถ่ายทอดสดบางรายการถือเป็นรายการโทรทัศน์ที่สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้ภายใต้การให้บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปเท่านั้น ตัวอย่างของรายการที่ให้บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป ได้แก่ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (Olympic Games) การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (FIFA World Cup Final) และ การแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือกีฬาซีเกมส์ (South-East Asian Games, SEA Games)
อนึ่ง การใช้เงินกองทุนเพื่อซื้อเนื้อหาจากบริษัทเอกชนมาเผยแพร่ไม่ใช่หน้าที่ขององค์กรกำกับดูแล เพราะฟุตบอลโลกเป็นรายการที่มีมูลค่าทางธุรกิจและควรจะเป็นการลงทุนตามกลไกตลาด หากจะต้องอุดหนุนรายการควรจะเป็นในกรณีที่ต้องการตอบสนองวัตถุประสงค์เฉพาะอันไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่มีการอุดหนุน เช่น รายการที่ส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น รายการสำหรับชนกลุ่มน้อย เป็นต้น
หากวิเคราะห์แล้ว กฎ Must Have และ กฎ Must Carry จะเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ซื้อสิทธิ์เอกชนที่มีความร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดิน หรือผู้ให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินแต่เพียงผู้เดียวมากที่สุด เนื่องจากสิทธิในการจัดการผู้สนับสนุนในรายการและในช่วงเวลาการถ่ายทอดสดยังคงเป็นของเจ้าของสิทธิ และการที่กฎ Must Carry ให้ผู้ให้บริการแบบบอกรับเป็นสมาชิกนำพาสัญญาณไปแบบห้ามดัดแปลงจะส่งผลให้เกิดการรับชมที่กว้างขวางขึ้นซึ่งกลับเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของสิทธิในการที่จะอ้างอิงสัดส่วนการรับชมที่มากขึ้น ส่วนผู้ให้บริการแบบบอกรับสมาชิก อาจจะมีแรงจูงใจลดลง เนื่องจากเมื่อได้สิทธิมาก็ไม่สามารถนำมาแสวงหารายได้ในเชิงพาณิชย์จากการแพร่ภาพเฉพาะในช่องทีวีแบบบอกรับสมาชิกได้ ทั้งนี้ กฎ Must Have และ Must Carry อาจส่งผลต่อราคาค่าลิขสิทธิ์ เนื่องจากค่าลิขสิทธิ์จะคิดและต่อรองตามจำนวนช่องทางที่ซื้อสิทธิสำหรับเผยแพร่ เช่น โทรทัศน์ภาคพื้นดิน เคเบิลทีวี ทีวีดาวเทียม วิทยุกระจายเสียง อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ อุปกรณ์มือถือ การรับชม/รับฟังแบบเก็บค่าบริการ (Video/Radio on Demand) หรือการถ่ายทอดไฮไลต์จากการแข่งขัน เป็นต้น จะเห็นได้ว่า กฎ Must Have และ กฎ Must Carry มีส่วนทำให้การซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดรายการตามที่ระบุ มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ในประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 หรือประกาศกฎ Must Have ยังมีข้อยกเว้นสำหรับการทำตามกฎ Must Have โดยเขียนว่าการดำเนินการอื่นใดนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในกฎนี้ ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการก่อน ประเด็นที่ 3. การซื้อลิขสิทธิ์และถ่ายทอดสดรายการตามกฎ Must Have ที่ผ่านมาบริหารจัดการอย่างไร การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก สองครั้งที่ผ่านมาเกิดขึ้นภายหลังจาก กสทช. ออกประกาศ Must Have ซึ่งบังคับใช้ในต้นปี พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2013) โดยมีการกำหนดให้แพร่ภาพผ่านโทรทัศน์ภาคพื้นดิน และโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก ทั้งระบบดาวเทียม ระบบเคเบิล และระบบโครงข่ายไอพีทางสายและไร้สาย เพื่อให้สามารถรับชมได้ทั่วประเทศตามประกาศ Must Carry
ทั้งนี้ มีการแพร่ภาพในเคเบิล/ดาวเทียมทุกแห่ง เพื่อให้สามารถรับชมได้ทั่วไปตามประกาศ Must Carry ในกรณีดังกล่าว บริษัทอาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนลบรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้ทำการฟ้อง กสทช. และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ต่อศาลปกครอง ขอให้ยกเลิกประกาศ กสทช. เกี่ยวกับหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป (Must Have) และมิให้นำประกาศดังกล่าวมาใช้กับการเผยแพร่การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เฉพาะกรณี RS ซึ่งศาลปกครองสูงสุดตัดสินว่า RS ที่เป็นผู้ได้สิทธิในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 ไม่ต้องถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีครบทุก 64 แมตช์ ตามกติกามัสต์แฮฟ ที่ กสทช. กำหนด โดยศาลชี้ว่า การได้สิทธิิถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกของ RS ได้มาก่อนการประกาศ กฎ Must Have จึงไม่สามารถนำมาบังคับใช้กับการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้ อย่างไรก็ตาม กฎ Must Have ยังคงมีการบังคับใช้กับกรณีอื่นตามปกติต่อไป หลังจากนั้น กสทช. จึงได้พิจารณากำหนดมาตรการชดเชยหรือบรรเทาความเสียหายนี้ ตามแนวทางของศาลปกครองแนะนำ โดยการสนับสนุนใช้จ่ายจากกองทุน หรือสนับสนุนหรือส่งเสริมด้วยวิธีการอื่น ส่วนการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 (พ.ศ. 2561) บริษัท ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด เป็นตัวแทนเจรจา และลงนามในสัญญา และเป็นผู้ได้รับสิทธิ์แบบออกอากาศได้ทุกแพลตฟอร์ม โดยใช้งบประมาณราว 1,400 ล้านบาท การถ่ายทอดในครั้งนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ร่วมกับการลงทุนโดยองค์กรเอกชน 9 องค์กร ได้แก่
การถ่ายทอดสดครั้งนี้มีการถ่ายทอดสดผ่านช่อง Free TV ได้แก่ ช่อง 5, True4U, Amarin TV และช่องดาวเทียม True4K (ความคมชัด 4K) โดยมีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจเป็นผู้บริหารจัดการ ทั้งนี้ มีการแพร่ภาพในเคเบิล/ดาวเทียมทุกแห่ง เพื่อให้สามารถรับชมได้ทั่วประเทศตามประกาศ Must Carry ในกรณีกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 เป็นกรณีที่ กกท. ของบประมาณเพื่อสนับสนุน “โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ 5 รายการ” ซึ่งถือเป็นทุนประเภทที่ 2 ตามข้อ 11 ของประกาศ กทปส. เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการใช้จ่ายเงิน กทปส. พ.ศ. 2560 ซึ่งกำหนดให้ กสทช. สามารถทำความตกลงกับหน่วยงานของรัฐเพื่อให้การสนับสนุนโครงการได้ กสทช. จึงได้สนับสนุน 240 ล้านบาทโดยใช้เงินจากกองทุน กทปส. และ กกท. สนับสนุนอีก 240 ล้านบาทจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยเป็นการสมทบในการซื้อลิขสิทธิ์รายการกีฬา จำนวน 5 รายการ ซึ่งมีตัวแทนนักกีฬาจากประเทศไทยเข้าร่วมในการแข่งขันด้วย ได้แก่
การสร้างความร่วมมือระหว่าง การกีฬาแห่งประเทศไทย และ กสทช. เพื่อขอรับทุนสนับสนุนจาก กทปส. สำหรับการถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 เป็นการพิจารณาโครงการฯ ตามกระบวนการของ กทปส. และ กสทช. ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ประเด็นที่ 4. หากใช้เงิน 1.6 พันล้านบาทจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) เพื่อซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลกจะเกิดค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างไร? การใช้เงินกองทุน กทปส. เพื่อซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก แม้จะเป็นการอุดหนุนการเข้าถึงเนื้อหาที่ระบุไว้ในกฎ Must Have แต่ กสทช. เป็นองค์กรกำกับดูแล จึงควรดูแลให้ผู้ประกอบการทำตามกฎที่มี มากกว่าจะเข้ามาแทรกแซงตลาดโดยใช้งบประมาณจากกองทุน กทปส. ซึ่งกำหนดไว้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในระยะยาวและมีความยั่งยืนทางสังคมสูงกว่า นอกจากนี้ การใช้เงินจำนวน 1.6 พันล้านบาท เพื่อซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ย่อมจะกระทบสภาพคล่องของกองทุน กทปส. และอาจส่งผลให้เกิดภาวะสุญญากาศในการสร้างองค์ความรู้ การพัฒนาบุคลากรในกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์หรือกิจการโทรคมนาคม ตลอดจนการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ควรจะได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับสภาวะดิจิทัลดิสรัปชั่นที่ส่งผลต่อวงการการสื่อสารของประเทศอย่างกว้างขวาง เมื่อเปรียบเทียบว่าเงินจำนวนราว 1.6 พันล้านบาท ที่ให้การสนับสนุนเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก จะสามารถนำมาใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุน กสทช. ตามกฎหมาย โดยเทียบกับโครงการที่กองทุนฯ ให้การสนับสนุนที่ผ่านมาจะสามารถ • ให้การสนับสนุนสถานพยาบาล/โรงพยาบาลในโครงการต่อสู้สถานการณ์ "ไวรัสโคโรนา" สายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้มากกว่า 166 โครงการ คิดเป็นสามเท่าของทุนที่ให้การสนับสนุน • ให้ทุนแก่ชุมชนหรือองค์กรวิชาชีพเพื่อดำเนินโครงการตามวัตถุประสงค์กองทุนฯ โครงการละ 1 ล้านบาท ได้มากถึง 1,600 โครงการ • ผลิตรายการสำหรับเด็กปฐมวัย (3 -5 ปี) ความยาว 5 นาที และออกอากาศทางทีวีได้ 14,953 ตอน • ส่งเสริมการผลิตรายการที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มชาติพันธุ์ ผู้มีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่แตกต่าง กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ฯลฯ พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 จัดตั้ง “การกีฬาแห่งประเทศไทย" (กกท.) เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และมีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติขึ้นในการกีฬาแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ส่งเสริมกีฬา จัด ช่วยเหลือ แนะนํา และร่วมมือในการจัดและดำเนินกิจกรรมกีฬา ติดต่อร่วมมือกับองค์การหรือสมาคมกีฬาทั้งในและนอกราชอาณาจักร ประกอบกิจการอื่น ๆ อันเกี่ยวแก่หรือเพื่อประโยชน์ของการกีฬา 1. เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์อย่างทั่วถึง การวิจัยและพัฒนาทรัพยากรสื่อสาร ผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือผู้ด้อยโอกาส พัฒนาบุคลากรและองค์กรวิชาชีพ ตลอดจนสนับสนุนกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ 2. เพื่อใช้สำหรับกิจกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์อย่างทั่วถึง 3. เพื่อใช้สำหรับกิจการโทรคมนาคม ซึ่งจะต้องมีการใช้จ่ายตามแผนการให้บริการอย่างทั่วถึงในกิจการโทรคมนาคม 4. เพื่อสนับสนุนการใช้คลื่นความถี่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งสนับสนุนการเรียกคืนคลื่นความถี่ที่มีผู้ได้รับอนุญาตไปเพื่อนำมาจัดสรรใหม่และสนับสนุนการทดแทน ชดใช้ หรือจ่ายค่าตอบแทนการถูกเรียกคืนคลื่นความถี่ หากพิจารณาจากอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย จะเห็นได้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทยถือเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่มีหน้าที่ส่งเสริมกีฬา จัด ช่วยเหลือ แนะนํา และร่วมมือในการจัดและดำเนินกิจกรรมกีฬา ติดต่อร่วมมือกับองค์การหรือสมาคมกีฬาทั้งในและนอกราชอาณาจักร ประกอบกิจการอื่น ๆ อันเกี่ยวแก่หรือเพื่อประโยชน์ของการกีฬา โดยมีกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติสนับสนุนการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม และมีรายได้อันเกิดขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมด้านการกีฬาของประเทศโดยตรง ส่วน กสทช. เป็นองค์กรกำกับดูแลด้านการกระจายเสียง โทรทัศน์ และโทรคมนาคม ซึ่งเป็นภารกิจด้านการสื่อสารและการแพร่ภาพและเสียงไปสู่สาธารณะ ดังนั้น กรณีการถ่ายทอดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้น ส่งเสริม ให้คนไทยมีความรักในกีฬา พัฒนาทักษะด้านการกีฬาฟุตบอลของคนไทย ผ่านการรับชมรายการแข่งขันระดับโลกเช่นนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทยจึงถือเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่หลักในการดูแลการได้รับสิทธิ์การถ่ายทอด ซึ่งหากการกีฬาแห่งประเทศไทยได้รับสิทธิมาแล้วการบริหารจัดการเพื่อการถ่ายทอดสดในประเทศไทยก็จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายการแพร่ภาพกระจายเสียงในประเทศไทยที่ กสทช. เป็นผู้กำกับดูแล
ดังนั้น การสนับสนุนให้ กกท. ดำเนินการอาจส่งผลให้กลายเป็นผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการบริหารจัดการการถ่ายทอดได้ และอาจขัดกับเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตซึ่งถือเป็นกฎหมายเฉพาะที่ กสทช. เป็นผู้บังคับใช้เอง นอกจากนี้ การชดเชยเงินให้ RS เมื่อปี พ.ศ. 2557 ส่วนหนึ่งก็เป็นไปตามนโยบายคืนความสุขให้ประชาชนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเป็นรัฏฐาธิปัตย์ในขณะนั้น หาก กสทช. จะมาจัดสรรเงินตามคำขอของการกีฬาแห่งประเทศไทยซึ่งมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับช่อง T Sports หมายเลข 7 ในครั้งนี้ ก็จะเป็นการเข้าไปแทรกแซงตลาด ซึ่งขัดกับหลักการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรมที่องค์กรกำกับดูแลมีหน้าที่ต้องยึดถือปฏิบัติตามกฎหมาย อีกทั้งยังไม่มีความชัดเจนด้วยว่า หาก กสทช. ตัดสินใจสนับสนุนทางการเงินในครั้งนี้ การจัดการเรื่องการออกอากาศและการแบ่งผลประโยชน์ทางธุรกิจจะทำอย่างไร และการโอนผลประโยชน์ทางธุรกิจจากสิทธิในการถ่ายทอดกลับมาทดแทนเงินสนับสนุนที่ได้จากกองทุน กทปส.จะทำได้หรือไม่ อย่างไร (อ้างถึงคำให้สัมภาษณ์ของผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทยในสื่อมวลชนที่ระบุว่าการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในครั้งนี้จะสร้างรายได้ในภาคเศรษฐกิจถึง 4 หมื่นล้านบาท) ไม่ว่าจะเลือกทางออกแบบใด กสทช.จำเป็นจะต้องคำนึงถึงความถูกต้องทางกฎหมาย ความเหมาะสมและคุ้มค่า รวมถึงการสนับสนุนกลไกตลาด การแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม ตลอดจนการพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งในการนี้ กสทช. จำเป็นที่จะต้องเร่งทบทวนผลดี ผลเสียของการบังคับใช้กฎ Must Have และ Must Carry ให้สอดคล้องกับบริบททางอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี ที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อลดผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและสังคมต่อไป” |