ข้อใดเป็นการขายตรงแบบหลายชั้น

ธุรกิจขายตรง

การทำธุรกิจขายตรง หรือ ธุรกิจ MLM ที่หลายคนเคยได้ยินจากคนรอบตัว หรือโฆษณาออนไลน์ ยิ่งช่วงเรียนมหาวิทยาลัย เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีประสบการณ์การติดต่อมาให้ไปลองฟังข้อมูลของธุรกิจขายตรงอย่างแน่นอน ทั้งชักชวนให้เป็นเครื่อข่าย หรือขายสินค้าให้ บางคนก็กลัวและต่อต้านเจ้าธุรกิจขายตรงนี้ 

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ระบบขายตรง กันให้มากขึ้น เพื่อที่เพื่อน ๆ จะได้ตัดสินใจ และอาจมีมุมมองเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงที่ถูกต้องมากขึ้น และอาจมองเห็นโอกาสจากธุรกิจนี้ก็เป็นได้  

ธุรกิจขายตรง คืออะไร

ธุรกิจขายตรง คือ การขายสินค้า ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ทำการตลาด และเข้าถึงผู้ซื้อด้วยวิธีการนำเสนอขายต่อผู้บริโภคโดยตรง หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นการนำเสนอขายแบบบุคคลต่อบุคคลคือ ตัวแทนขายตรงกับลูกค้านั่นเอง ซึ่งระบบขายตรงที่เราจะเห็นกันบ่อย ๆ ยกตัวอย่างเช่น การเข้าไปนำเสนอขายสินค้าตามที่อยู่อาศัย ที่ทำงาน หรือนัดเจอตามสถานที่ต่าง ๆ อย่างมหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า ที่มักจะไม่ใช่สถานที่ประกอบการค้าตามปกติ

ธุรกิจขายตรง มีอะไรบ้าง

แม้ว่าหลายคนจะเข้าใจว่า รู้จักธุรกิจขายตรง หรือ MLM กันดีแล้ว แต่รู้ไหมว่าธุรกิจขายตรง ยังแบ่งออกเป็นอีก 2 ระบบขายตรง คือ 

1.ธุรกิจขายตรงแบบชั้นเดียว

ธุรกิจขายตรงแบบชั้นเดียว คือ การขายตรงแบบเคาะประตูบ้านถึงผู้บริโภคโดยตรง ไม่มีความซับซ้อน บริษัทจะมีผู้จัดการประจำเขต หรือเรียกอย่างอื่นแล้วแต่บริษัทจะแต่งตั้ง ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทที่มีหน้าที่หาและดูแลตัวแทนขายหรือผู้ขายอิสระ เพื่อเป็นผู้จำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้า ส่วนแบ่งรายได้ก็จะไม่ซับซ้อนคือได้มาจากค่าคอมมิชชั่น หรืออาจเป็นส่วนลดพิเศษในการซื้อสินค้า แตกต่างจากการขายตรงแบบหลายชั้น ที่จะมีรายรับที่ได้มาจากเครือข่ายด้วย 

2.ธุรกิจขายตรงแบบหลายชั้น

ธุรกิจขายตรงแบบหลายชั้น คือ การขายที่ทำการตลาดในลักษณะต่อ ๆ กันเป็นเครือข่ายหลายชั้น หรือบางครั้งถูกเรียกว่า ระบบพีรามิด โดยผู้ขายจะเป็นนักขายอิสระ ไม่ขึ้นอยู่กับใคร ไม่ใช่ลูกจ้างของบริษัทขายตรงนั้น ๆ โดยอาจเรียกว่า เป็นนักธุรกิจอิสระ นักธุรกิจเครือข่าย สมาชิก หรือ ทีมเมมเบอร์ แตกต่างกันไปแต่ละบริษัท โดยผู้ขายจะซื้อสินค้าจากบริษัทเพื่อนำไปขายปลีกให้ลูกค้า หรือขายส่งให้ทีมขายหรือเครือข่ายของตนเอง 

รายได้ของธุรกิจขายตรงแบบหลายชั้น จะมีความซับซ้อนมากกว่า คือ

-รายได้เริ่มต้น : ผลกำไรจากการขายปลีก ก็คือ ผลต่างระหว่างต้นทุนสินค้าที่ซื้อมาจากบริษัทกับราคาขายปลีกที่ได้ขายสินค้าหรือบริการให้กับผู้บริโภคนั่นเอง

-รายได้จากเครือข่าย : มักอยู่ในรูปแบบของค่าคอมมิชชั่นหรือส่วนลด ซึ่งจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับระดับยอดขายของสินค้าหรือบริการที่มีการสั่งซื้อของคนในทีม 

-รายได้ผู้นำ : คอมมิชชั่น หรือส่วนลดผู้นำ เช่น ส่วนแบ่งเป็น % จากยอดขายกลุ่ม รางวัลเงินสดจ่ายครั้งเดียว กองทุนต่าง ๆ เช่น กองทุนท่องเที่ยว ซึ่งรูปแบบของผลตอบแทน ก็จะได้รับแตกต่างกันไป ซึ่งก็แน่นอนว่า ผู้ขายอิสระที่อยู่หัวแถว หรือผู้นำทีม ก็มักจะได้รายได้ผลตอบแทนมากกว่าผู้ขายอิสระรายท้าย ๆ ของเครือข่าย

อ่านเพิ่มเติม : 7 บริษัทขายตรง ที่คิดว่าดีที่สุด และมาแรงในประเทศไทย Update ล่าสุด !

ข้อดีของธุรกิจขายตรง

1.การที่ผู้ขายได้พบกับผู้บริโภคโดยตรงทำให้สามารถเข้าใจผู้บริโภคมากกว่า สามารถให้คำแนะนำ / ให้บริการแก่ผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด

2.ใช้เงินลงทุนน้อย โดยส่วนมากมักเป็นการสมัครสมาชิก บริษัท MLM ที่มีธรรมาภิบาล จะไม่บังคับให้คุณต้องสต็อกสินค้าเพื่อเป็นการบังคับขายสินค้าไปในตัว แต่จะเปิดโอกาสให้คุณได้ค่อยเรียนรู้ สะสมประสบการณ์การขายไปเรื่อย ๆ จนมีผลตอบแทน

3.เริ่มต้นธุรกิจได้ด้วยความเท่าเทียม เพราะคุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาลในการสต็อกสินค้าในช่วงเริ่มต้น ทำให้สมาชิกใหม่ทุกคนเริ่มออกจากจุดเริ่มต้นพร้อมกัน ขายสินค้าที่มีคุณสมบัติเดียวกัน ความสามารถของคุณที่เป็นตัววัดผลตอบแทนของคุณเอง

4.Passive income เป็นจุดขายที่น่าดึงดูดของธุรกิจขายตรงเลยก็ว่าได้ และก็ต้องบอกเลยว่า สมาชิกของระบบขายตรงที่ประสบความสำเร็จสร้างรายได้แบบ Passive income จากเครือข่ายของตัวเองก็มีและสามารถทำให้เป็นไปได้ได้เช่นกัน  

ข้อเสียของธุรกิจขายตรง

1.กรณีที่เลือกบริษัทผิดคุณอาจกลายเป็นเหยื่อไปทำธุรกิจที่เน้นการหาสมาชิกเป็นหลัก ไม่เน้นการขายสินค้าเลย และหักหัวคิวเป็นทอด ๆ ไป หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ แชร์ลูกโซ่นั่นเอง

2.ค่าสมัครแพงเกินกว่าเหตุ และยังมีค่าต่ออายุสมาชิกแพงเกินไป หรือมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ จุกจิก ซึ่งต้องศึกษาดูให้ดีเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจเป็นสมาชิกกับบริษัทขายตรงบริษัทใด ๆ ก็แล้วแต่เสียก่อน

3.บริษัทขายตรงอาจมีสินค้าตัวจริงมาใช้หลอกให้คนสนใจ ใช้สินค้ามาดึงดูดให้สมัครสมาชิก แต่สุดท้ายมีวัตถุประสงค์เพียงการสร้างรายได้จากค่าสมัครสมาชิก สินค้าที่นำมาขายกลับไม่มีคุณภาพ

4.สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ในธุรกิจขายตรงอาจเป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่เห็นสินค้าตัวจริง อาจประสบปัญหาสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เมื่อได้รับแล้ว ไม่ตรงกับที่โฆษณาเอาไว้และภาพก็ไม่ตรงกับ Catalog 

ปัญหาที่พบบ่อยเมื่อทำธุรกิจขายตรง

ข้อควรระวังการทำธุรกิจขายตรง คือ ผู้ขายที่ลงทุนในธุรกิจขายตรงแบบที่ไม่ได้มีการศึกษา อาจหลงเชื่อคำชี้ชวน กลายเป็นเหยื่อของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ได้ เพราะปัจจุบันแชร์ลูกโซ่ที่เน้นการหลอกขายสินค้าบวกกับการจ่ายเงินสมัครค่าสมาชิกเกิดขึ้นอย่างมากมาย 

โดยมักมีสินค้า ผลิตภัณฑ์มาหลอกล่อให้ผู้สนใจ เข้าใจว่าเป็นการลงทุนในธุรกิจขายตรง นั่นเอง ดังนั้นก่อนเริ่มต้นลงทุน หรือสมัครสมาชิกทำธุรกิจขายตรง ผู้สมัครควรศึกษาเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ดีเสียก่อน 

มาถึงตรงนี้ เชื่อว่าเพื่อน ๆ คงเข้าใจเกี่ยวกับ ธุรกิจขายตรง หรือ ธุรกิจ MLM กันมากขึ้น แน่นอนว่า ธุรกิจลักษณะนี้เหมาะกับคนบางกลุ่ม และอาจจะไม่เหมาะกับคนบางกลุ่มเช่นกัน ดังนั้นการตัดสินว่าธุรกิจขายตรงจะเป็นธุรกิจที่ดีสำหรับเราได้หรือไม่ ก็อยู่ที่การศึกษา ทำความเข้าใจเกี่ยวกับบริษัทที่เราสนใจไปเป็นสมาชิกนั้น ๆ และความสามารถและความสนใจของเราเอง

ระบบขายตรง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สร้างรายได้แบบ Passive Income ได้เหมือนกัน แต่การจะรอเงินทุนจากแบบ Passive Income อย่างเดียวเพื่อเอาไปทำธุรกิจในอนาคต ก็อาจจะทำให้เพื่อน ๆ พลาดโอกาสที่ดีทางธุรกิจไปได้ ฉะนั้นแล้วหากต้องการแหล่งเงินทุนเพื่อไปต่อยอดทางธุกิจ ก็สามารถติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่เราเกี่ยวกับเรื่องสินเชื่อ SME ได้ เพื่อที่คุณจะได้มีทั้งรายได้แบบ Passive Income + Active Income ควบคู่กันค่ะ ดูรายละเอียดได้ที่นี่ : https://www.moneywecan.com/sme-loan/