ยุคใดเป็นยุคแรกที่สามารถ ส่งข้อความ SMS ได้

G ย่อมาจาก Generation แปลว่า ยุค หรือช่วงสมัย


ความเป็นมาของแต่ละยุค  เริ่มตั้งแต่ 1G เลยนะ

ยุคใดเป็นยุคแรกที่สามารถ ส่งข้อความ SMS ได้


ยุค 1G (1st Generation) เป็นยุคที่ใช้ระบบอนาล็อก (Analog) คือใช้สัญญาณวิทยุ

ในการส่งคลื่นเสียง (Voice) โดยสามารถโทรออก-รับสายได้อย่างเดียว ไม่สามารถส่งผ่าน

ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น (ผู้เขียนเกิดทันนะ ตอนนั้นยังเป็นเด็กนักเรียน) ในยุคนั้นผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ

ส่วนใหญ่มักเป็นบุคคลที่มีรายได้สูง


ยุค 2G (2nd Generation) เป็นยุคที่เปลี่ยนจากการส่งคลื่นวิทยุแบบอนาล็อก (Analog) 

มาเป็นการเข้ารหัสดิจิตอล (Digital) แทน โดยผู้ใช้สามารถใช้งานทางด้านข้อมูล

ก็คือสามารถส่งข้อความ SMS ได้นอกเหนือจากการโทรออก-รับสาย

รวมทั้งยังทำให้เกิดการบริการต่างๆ มากมาย เช่น การเปิดให้ดาวน์โหลด Ringtone, 

Wallpaper ซึ่งในยุคนี้ถือเป็นยุคเฟื่องฟูของโทรศัพท์มือถือ


ถัดมาได้มีการนำเทคโนโลยี GPRS (General Packet Radio Service) มาใช้

เพื่อเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลให้มีการรับ-ส่งข้อมูลได้มากขึ้น

ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเช่น นอกจากส่งข้อความ SMS แล้ว

ยังสามารถส่ง MMS ได้อีกด้วย, เสียงเรียกเข้ามีการเพิ่มเสียงเป็นแบบ Polyphonic

และ True tone รวมทั้งเริ่มมีโทรศัพท์มือถือที่มีหน้าจอสี นอกจากหน้าจอขาว-ดำ

ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาความเร็วในการส่งข้อมูลเพิ่มสูงขึ้น

โดยเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า EDGE (Enhanced Data rates for Global Evolution) 

ซึ่งจะมีความเร็วมากกว่า GPRS ประมาณ 3 เท่า ทำให้สามารถเข้าเว็ปไซด์

เล่นอินเตอร์เน็ตได้ แต่ความเร็วยังมีจำกัด และไม่สามารถรองรับไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ได้

เทคโนโลยี GPRS และ EDGE ถูกนำมาใช้ในระบบมาตรฐานคลื่นความถี่ GSM

(Gobal System for Mobile Communication) 

(ขนาด 2G ก็มันส์แล้ว ตอนนั้นผู้เขียนเริ่มทำงานใหม่ มือถือมีให้ผ่อนด้วยนะ

เข้าทางเลย ถอนมา  1 เครื่อง ยี่ห้อโนเกีย)


ยุค 3G (3rd Generation) เทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3 ซึ่งจะมีความโดดเด่น

ในเรื่องของความเร็วในการเชื่อมต่อและการรับ-ส่งข้อมูลโดยเน้นการเชื่อมต่อ

แบบไร้สายด้วยความเร็วสูง เพื่อรองรับการใช้งานกับอุปกรณ์สมัยใหม่

ที่ช่วยให้สามารถใช้งานด้านมัลติมีเดียได้อย่างสมบูรณ์แบบ

และสามารถส่งข้อมูลทั้งภาพและเสียงในระบบไร้สายด้วยความเร็วที่สูง

ยุค 3G สำหรับประเทศไทยได้นำเทคโนโลยี UMTS ( Universal Mobile 

Telecommunications System) มาใช้ ซึ่งเป็นระบบเครือข่ายมาตรฐานใหม่

ที่ถูกพัฒนามาจากระบบมาตรฐานคลื่นความถี่ GSM ที่มีเทคโนโลยีหลักคือ W-CDMA

ต่อมาได้ถูกพัฒนาให้เป็นเทคโนโลยี HSPA+ ที่สามารถรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุดถึง 42 Mbps 



ยุค 4G หรือ (4th Generation) ถือได้ว่าเป็นยุคปัจจุบันสำหรับทั่วโลกยุค 4G

หรือ (4th Generation) ถือได้ว่าเป็นยุคปัจจุบันสำหรับทั่วโลก

รวมถึงในประเทศไทยที่พึ่งจะจบการประมูลคลื่นความถี่กันไปเป็นที่เรียบร้อย

และได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้วในหลายๆพื้นที่


หลายๆ คนคงเคยได้ยินคำว่า 4G LTE และคงมีคำถามว่าแล้ว LTE คืออะไร

เกี่ยวข้องกับ 4G อย่างไร สำหรับ LTE นั้นย่อมาจาก Long Term Evolution 

เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่ถูกนำมาทดลองใช้ในยุค 4G โดยเกิดจากความร่วมมือ

ของ 3GPP (3rd Generation Partnership Project) ที่มีการพัฒนาให้ LTE

มีความเร็วมากกว่ายุค 3G ถึง 10 เท่า โดยมีความสามารถในการส่งถ่ายข้อมูล

และมัลติมีเดียสตรีมมิ่งที่มีความเร็วอย่างน้อย 100 Mbps และมีความเร็วสูงสุดถึง 1 Gbps 

นอกจากเทคโนโลยี LTE แล้วยังมีอีก 2 เทคโนโลยีที่ถูกนำมาทดลองใช้เหมือนกัน

คือ UMB (Ultra Mobile Broadbrand) ที่พัฒนามาจากมาตรฐาน CDMA2000

ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ในยุค 3G นั่นเองและ WiMax 

(Worldwide Interoperability for Microwave Access)

เป็นเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายความเร็วสูง

โดยพัฒนามาจากมาตรฐาน IEEE 802.16 ซึ่งเป็นมาตราฐานเดียวกันกับ Wi-Fi

แต่มาตรฐาน Wimax สามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 40 ไมล์ ด้วยความเร็ว 70 Mbps

และมีความเร็วสูงสุด 100 Mbps โดยปัจจุบันนี้มีเพียง 2 เทคโนยีที่ถูกนำมาใช้ในยุค 4G

คือ เทคโนโลยี LTE และ Wimax ซึ่งเกือบทุกประเทศทั่วโลกใช้เทคโนโลยี 4G LTE

แต่มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ใช้เทคโนโลยี 4G Wimax

เช่น ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน บังคลาเทศ เป็นต้น 


เทคโนโลยี 4G LTE ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากกว่า 130 ประเทศทั่วโลก 

ทำให้สามารถใช้งานบนมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก รวมถึงเมืองไทยด้วย

สำหรับบ้านเรา หลายท่านคงได้สัมผัส 4G แบบแท้ๆและเต็มรูปแบบกันบ้างแล้ว 

(คงรู้แล้วซินะว่า เร็ว แรงทะลุนรกเป็นอย่างไร  555 ผมหมายถึงคนที่เผลอเปิดใช้ข้อมูล

โดยไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่ได้สมัครแพ็คเก็จสำหรับเล่นเน็ตเอาไว้ 

เติมเงิน 100 บาท เพี่ยง ชม.เดียว 4G สูบเกลี้ยงเลย)


อีกนิดหนึ่ง สำหรับคนที่จะซื้อมือถือเครื่องใหม่ ช่วงนี้ 3 G กำลังจะจากลาไป เห็นหลายยี่ห้อ

ลดสนั่นเลย เพิ่มเงินอีกหน่อย เอา 4 G เลยครับ และไม่ต้องกังวลว่าจะซื้อ 4G ผิดรุ่น

เพราะที่วางขายในเมืองไทยเป็น 4G LTE ทั้งนั้นเลย 

ส่วนท่านที่ใช้ 3G อยู่และเครื่องก็ยังใช้ได้ดี  จงใช้ต่อไปเถอะครับ เพราะทราบใดที่ยังมีคนใช้

ผู้ให้บริการสัญญาณเขาไม่เลิกหรอกครับ อะไรที่ขายได้เขาก็ขายวันยันค่ำครับ

การส่งข้อความ (SMS) เริ่มที่ยุคใด

วันที่ 3 ธันวาคม 1992 ถือเป็นวันแรกที่ SMS (Short Message Service) หรือบริการส่งข้อความขนาดสั้นบนโทรศัพท์มือถือได้กำเนิดขึ้น โดยเวลานั้น นีล แพพเวิร์ธ (Neil Papworth) นักพัฒนาและออกแบบซอฟต์แวร์ในวัย 22 ปีกลายเป็นมนุษย์คนแรกที่สามารถส่งข้อความสู่แพลตฟอร์มโทรศัพท์มือถือได้สำเร็จ

เครือข่ายไร้สายยุคใดที่ส่งข้อความสั้นได้ (SMS)

ยุค 2G (2nd Generation) ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง และเฟื่องฟูของตลาดโทรศัพท์มือถือ เพราะมีการเปลี่ยนระบบการส่งคลื่นสัญญาณวิทยุแบบอนาล็อค มาเป็นการเข้ารหัสดิจิตอล (Digital) แทน การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ นอกจากเราจะโทรศัพท์คุยกันได้ด้วยเสียงแล้ว เราสามารถส่งข้อความ SMS ได้อีกด้วย

SMS เกิดขึ้นในยุคกี่G

การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุค 2G โทรออก รับสาย ส่ง SMS.

เทคโนโลยี MMS หรือ SMS เริ่มใช้ในยุคใด

การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุค 2.75G ส่ง SMS. ส่ง MMS.