เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดใดมีหน้าที่ทำลายพยาธิในร่างกาย

ลิมโฟไซต์เป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิดพิเศษและเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง (WBC) ลิมโฟไซต์มีหน้าที่ปกป้องร่างกายของเราจากการติดเชื้อและช่วยให้เราหายจากอาการบาดเจ็บ ลิมโฟไซต์ปกติเป็นเซลล์ขนาดเล็กที่มีปริมาณ พลาสซึม (เซลล์ร่างกาย) รอบๆ ตัวกลมๆ มืดๆ ส่วนกลาง.

ประเภทของเซลล์เม็ดเลือดขาว

ลิมโฟไซต์มีหลายประเภท ได้แก่ T-lymphocytes, B-lymphocytes, เซลล์พลาสมาและเซลล์นักฆ่าตามธรรมชาติ เซลล์แต่ละประเภทมีหน้าที่ต่างกันในร่างกาย

การอักเสบที่เกี่ยวข้องกับลิมโฟไซต์

การอักเสบเป็นกระบวนการปกติที่ช่วยรักษาร่างกายหลังจากติดเชื้อหรือได้รับบาดเจ็บ ลิมโฟไซต์ช่วยในกระบวนการนี้โดยกำจัดจุลินทรีย์ (เช่น ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือปรสิต) และโดยการผลิตสารเคมีที่ส่งเสริมการรักษา ด้วยเหตุผลนี้ นักพยาธิวิทยามักจะอธิบายลิมโฟไซต์ว่า เซลล์อักเสบ และกระบวนการเป็น อักเสบเรื้อรัง.

เงื่อนไขทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับลิมโฟไซต์

แม้ว่าลิมโฟไซต์ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องร่างกายของเราและช่วยให้เรารักษาได้ แต่ภาวะทางการแพทย์บางอย่างเกิดจากลิมโฟไซต์ที่ทำลายเนื้อเยื่อของเรา เงื่อนไขทางการแพทย์ประเภทนี้รวมถึงโรคอักเสบและภูมิต้านทานผิดปกติ

___เลือด & ภูมิคุ้มกัน ___ จากบทความที่ผ่านๆ มา หมอได้เคยอธิบายไปแล้วว่าในเลือดนั้นมีส่วนประกอบหลักๆ คือ...

Posted by กรุงเทพทิพโอสถ - Bangkoktip O-sod on Tuesday, November 15, 2016

เม็ดเลือดของคนเรามาจากเซลล์ต้นแบ stem cells ซึ่งจะมีการเจริญเป็นเซลล์หลายชนิดในไขกระดูก ส่วนหนึ่งจะพัฒนาเป็นเซลล์เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด อีกส่วนหนึ่งจะพัฒนาเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวพวก lymphocyte ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย

เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดใดมีหน้าที่ทำลายพยาธิในร่างกาย

เซลล์ lymphocyte มีด้วยกัน 3 ชนิดได้แก่

  •  T cells,
  •  B cells
  •  natural killer (NK) cells.

 

เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดใดมีหน้าที่ทำลายพยาธิในร่างกาย

T cells

มีจำนวนประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของจำนวน lymphocyte ทั้งหมด หน้าที่ของ T cells จะเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันโดยผ่านทาง cell-mediated immunity หมายถึงการสร้างเซลล์เพื่อฆ่าเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอม ส่วน B cells มีหน้าที่ในการสร้างภูมิคุ้มกัน Antibodies ในขบวนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเมื่อสิ่งแปลกปลอมซึ่งอาจจะเป็นเซลล์ที่จะกลายเป็นมะเร็ง หรือเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายก็จะเจอ เซลล์ macrophage มาทำลาย และส่งผ่าน Antigen ให้กับเซลล์ lymphocyte ก็คือทั้ง T cells และ B cells

ในส่วนของ T cells เมื่อได้รับ Antigen จาก macrophage ก็จะแบ่งเป็นเซลล์ 2 ชนิดคือ T helper cells ซึ่งจะสร้างสาร cytokines ทำให้เซลล์ T cells มีการแบ่งตัวเพิ่มขึ้น ทั้ง T helper cells และ  cytotoxic T cells ซึ่งจะมีหน้าที่ทำลายเซลล์ที่แปลกปลอม

โดยสรุปแล้ว T cells จะมีอยู่สามชนิดตามหน้าที่

  • Helper T-cells เป็นเซลล์ lymphocyte ที่เคลื่อนไปตามหลอดเลือดทำหน้าที่ลาดตระเวน หากพบเชื้อโรคหรือเซลล์แปลกปลอมก็จะหลั่งสาร  cytokines เพื่อเรียกให้เม็ดเลือดขาวอื่นมาช่วย หากพบว่าเป็นเซลล์ปกติของร่างกายก็จะหยุดกระบวนการทำลายเซลล์ แต่หากพบว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมจริง ก็จะมีการหลั่งสารดังกล่าวเพื่ม และมีเซลล์อื่นๆ มายังบริเวณดังกล่าวเพื่อทำลายเชื้อโรคหรือเซลล์แปลกปลอม
  • Suppressor T-cells เป็นเซลล์ที่ควบคุมการทำลาย หากพิสูจน์แล้วว่าเซลล์ที่แปลกปลอมเป็นเซลล์ปกติ หรือสิ่งแปลกปลอมหมดพิษแล้ว เซลล์ก็จะสั่งยุติการทำลาย
  • Killer T-cells หรือ cytotoxic T cells เป็นเซลล์ที่ทำลายสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคที่มีภูมิหรือมีสารอื่นอยู่ที่ผิวเพื่อบ่งบอกว่าเป็นสารแปลกปลอม เซลล์นี้จะไม่ทำลายเซลล์ปกติของร่างกาย

B cells

B-cells มีจำนวนประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของลิมโฟไซต์ ในส่วนของ B cells เมื่อได้รับ Antigen จาก macrophage ก็จะมีการสร้างเซลล์เพิ่มขึ้น และมีการสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะเชื้อนั้นเพิ่มขึ้น

ดังนั้นภูมิที่สร้างขึ้นทั้งเซลล์และภูมิคุ้มกันจะถูกออกแบบเฉพาะสิ่งแปลกปลอมนั้นเท่านั้น และมีการเพิ่มทั้งปริมาณเซลล์และภูมิคุ้มกัน

Natural killer cells

ตามธรรมดาจะมีจำนวนน้อยมากเพียงประมาณไม่เกิน 5  เปอร์เซ็นต์ของ lymphocyte ทั้งหมด เป็นเซลล์ที่ทำลายเซลล์แปลกปลอมหรือเชื้อโรคที่มีภูมิ antibodies หรือมีสารอื่นที่บอกให้เซลล์ Natural killer cells ทราบ ในกรณีที่เซลล์แปลกปลอมอันเป็นเซลล์เป้าหมายนั้นได้ถูกตรวจพบโดย macrophage หรือ Helper T-cells ไว้ก่อนแล้ว คราวนี้ NK cells จะทำการ "เบ่ง" ตัวเองให้พองโตมากขึ้นกว่าปกติแล้วจึงจะเข้าโจมตีต่อเซลล์เป้าหมายNatural killer cells จะมีสารสำหรับทำลายเซลล์แปลกปลอมจำนวนมาก

Typical recognition markers for lymphocytesชนิดเซลล์หน้าที่อัตราส่วนMarkerNK cellsทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อและมะเร็ง7% (2-13%)CD16 CD56 but not CD3Helper T cellsหลั่งสาร cytokines เพื่อเร่งการแบ่งตัว46% (28-59%)TCRαβ, CD3 and CD4Cytotoxic T cellsสลายเซลล์ติดเชื้อ มะเร็ง19% (13-32%)TCRαβ, CD3 and CD8γδ T cellsควบคุมการสร้างเซลล์และภูมิคุ้มกัน5% (2%-8%)TCRγδ and CD3B cellsสร้างภูมิคุ้มกัน23% (18-47%)MHC class II, CD19 andCD21

ภาวะผิปกติของ Lymphocytes

มี Lymphocytes น้อย lymphocytopenia สาเหตุ

  • ร่างกายได้รับการฉายรังสีบำบัด
  • ร่างกายได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด (chemotherapy)
  • ร่างกายได้รับเชื้อ HIV
  • เกิดโรคร้ายแรง เช่น วัณโรคระยะลุกลาม โรคหัวใจ โรคไต ฯลฯ
  • ร่างกายตกอยู่ภายใต้ความเครียดอย่างหนัก
  • อาจกำลังเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemia)
  • อาจมีภาวะพิษจากเหตุติดเชื้อ (sepsis)

มี Lymphocytes มาก lymphocytosis สาเหตุ

  • ร่างกายกำลังได้รับเชื้อแบคทีเรียชนิดเชื้อรัง
  • โรคตับอักเสบจากการติดเชื้อ
  • ร่างกายกำลังติดเชื้อจากบางโรค เช่น โรคคางทูม โรคอีสุกอีใส โรคหัด โรควัณโรค

Hemoglobin | Hematocrit | Red blood cell | Inclusion body | เม็ดเลือดแดง | Reticulocyte count | MCV | MCHC | MCH | ลักษณะเม็ดเลือดแดง | เกล็ดเลือด | เม็ดเลือดขาว | Neutrophil | Lymphocyte | Eosinophil | Monocyte | Basophil | Rh | กรุปเลือด

เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดใดมีหน้าที่ทำลายพยาธิที่เข้าสู่ร่างกาย

2.3 โมโนไซท์ (Monocyte) เป็นเม็ดเลือดขาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ทำหน้าที่ทำลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งมีประสิทธิภาพในการจับกินเชื้อโรคได้สูงกว่านิวโทรฟิลด์ มักมีปริมาณเพิ่มขึ้นตอบสนองต่อภาวะติดเชื้อไวรัส วัณโรค หรือเชื้อรา รวมถึงโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด

เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดใดสามารถทำลายพยาธิได้ในระดับหนึ่ง

เม็ดเลือดขาวชนิดโมโนไซต์ (Monocyte) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดที่ทำหน้าที่กำจัดจุลินทรีย์ สิ่งแปลกปลอม และเซลล์ที่ตายแล้ว

เซลล์เม็ดเลือดขาวถูกทำลายที่ใด

โดยในธรรมชาติ เม็ดเลือดขาวจะมีอายสั้นกว่าเม็ดเลือดเเดง คือเพียงแค่ 3-7 วัน และจะถูกกำจัดที่ตับเเละม้ามเช่นเดียวกับเม็ดเลือดเเดง

White blood cell มีอะไรบ้าง

เม็ดเลือดของคนเรานั้นประกอบไปด้วย เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด ซึ่งเม็ดเลือดขาวปกตินั้น แบ่งเป็นหลายชนิด ได้แก่ เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์(lymphocyte) นิวโทรฟิลล์ (neutrophil) เบโซฟิลล์ (basophil) อีโอซิโนฟิลล์ (eosinophil)และโมโนไซต์ (monocyte) ซึ่งสัดส่วนของปริมานเม็ดเลือดขาวแต่ชนิดในเลือดก็มีความแตกต่างกัน ...