4 เทคโนโลยีดิจิทัลที่จะมาช่วยยกระดับธุรกิจโลจิสติกส์ (Logistics) ให้ทันสมัยแม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยจะคลี่คลายลงและประชาชนเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวนอกบ้านกันแล้ว แต่ความนิยมชอปปิงออนไลน์ก็ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าอุตสาหกรรมโลจิสติกส์จะเติบโตกว่า 6% ภายในปี 2026 จนมีมูลค่าตลาดแตะ 61.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเทคโนโลยีหลัก 4 ด้านต่อไปนี้ที่จะช่วยพลิกโฉมให้ธุรกิจโลจิสติกส์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น Show 1. อินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง Internet of Things (IoT) Internet of Things หรือ IoT คืออุปกรณ์และสิ่งของหลากหลายประเภทที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตและส่งผ่านข้อมูลทางระบบไร้สายได้ ยกตัวอย่างในสายงานโลจิสติกส์ เช่น รถบรรทุก กล้องวงจรปิดในคลังสินค้า รวมถึงอุปกรณ์ติดตามขนาดจิ๋วที่เดินทางไปพร้อมกับกล่องขนส่งพัสดุจนถึงมือผู้รับ เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยยกระดับกระบวนการต่าง ๆ ในธุรกิจโลจิสติกส์ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เริ่มจากระบบการบริหารจัดการและดูแลรักษาคลังเก็บสินค้าให้มีระเบียบและปลอดภัยโดยใช้อุปกรณ์ IoT ที่สามารถแจ้งเตือนผ่านสมาร์ตโฟนได้ว่าพัสดุชิ้นใดหายไป มีบุคคลน่าสงสัยแอบลักลอบเข้ามา หรือการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมกับสินค้าแต่ละประเภท เป็นต้น เมื่อพัสดุอยู่ระหว่างการขนส่ง อุปกรณ์ IoT จะช่วยติดตามและแจ้งข้อมูลแบบเรียลไทม์ว่าขณะนี้สินค้ากำลังเดินทางถึงไหนแล้ว ซึ่งช่วยสร้างความสบายใจให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังสามารถรายงานบริษัทโลจิสติกส์หากเกิดเหตุฉุกเฉินขัดข้องอีกด้วย ด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจาก IoT เช่นนี้ นอกจากต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขนส่งจะลดลงแล้ว ประสิทธิภาพการทำงานก็ดีขึ้น และยังได้ข้อมูลเชิงลึกกลับไปพัฒนาธุรกิจต่อในอนาคต 2. ยานพาหนะไร้คนขับ (Driverless Vehicles) นอกจากรถยนต์ไร้คนขับจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการเดินทางคมนาคมของผู้คนในชีวิตประจำวันแล้ว ก็ยังส่งผลกระทบถึงอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ด้วย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งทั่วโลกต่างคิดค้นและพัฒนายานพาหนะสำหรับขนส่งสินค้าแบบอัตโนมัติ โดยเฉพาะสำหรับการเดินทางระยะไกลที่คนขับรถต้องเหนื่อยเป็นพิเศษ หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจ คือ รถขนส่งพัสดุไร้คนขับจาก Neolix บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศจีน ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ไม่ปล่อยมลพิษสู่ชั้นบรรยากาศ อีกทั้งยังสามารถรองรับน้ำหนักได้สูงสุดมากถึง 500 กิโลกรัม ปัจจุบัน FedEx บริษัทโลจิสติกส์ระดับโลกได้จับมือกับ Neolix เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศสหรัฐอเมริกาก็เริ่มหันมาสนใจและพัฒนารถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติแล้ว โดยมีผู้เล่นมากมายทั้งสตาร์ทอัพขนาดเล็ก เช่น TuSimple และบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Teslaและ Amazon โดยคาดว่าหากรถบรรทุกไร้คนขับพัฒนาเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งานจริง ก็จะช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจได้มากถึง 45% เลยทีเดียว รถยนต์ขนส่งสินค้าไร้คนขับจากบริษัท Neolix 3. บล็อกเชน (Blockchain) เทคโนโลยีบล็อกเชน หรือ Distributed Ledger Technology (DLT) คือ ระบบเก็บและประมวลผลข้อมูลแบบกระจายศูนย์ที่ปราศจากคนกลาง แต่อาศัยการยืนยันจากผู้ใช้งานทุกคนในเครือข่ายเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและน่าเชื่อถือของข้อมูล จึงเป็นเรื่องยากที่จะมีใครสามารถแอบปลอมแปลงข้อมูลในระบบบล็อกเชนได้นั่นเอง นอกจากเทคโนโลยีดังกล่าวจะพลิกโฉมอุตสาหกรรมการเงินทั่วโลกแล้ว ยังสามารถนำไปประยุกต์และปรับใช้กับธุรกิจโลจิสติกส์ได้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเก็บรวมรวบและบริหารจัดการข้อมูลของสินค้าประเภทต่าง ๆ จำนวนหลายล้านชิ้น บล็อกเชนยังช่วยเพิ่มความโปร่งใสระหว่างกระบวนการขนส่งให้อุตสาหกรรมนี้ด้วย เพราะสามารถติดตามสถานะและข้อมูลที่เป็น Single Source of Truth (ความจริงหนึ่งเดียว) ได้แบบเรียลไทม์ พร้อมป้องกันการขโมยพัสดุ รวมถึงลดขั้นตอนการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อนให้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย 4. หุ่นยนต์ (Robotics) เทคโนโลยีหลักประเภทสุดท้ายที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์แห่งโลกอนาคต คือ หุ่นยนต์ ที่จะเข้ามาช่วยทุ่นแรงและเพิ่มความปลอดภัยให้พนักงานในกระบวนการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ยกกล่องพัสดุขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก รวมถึงการจัดเรียงและบรรจุสินค้า เป็นต้น การนำส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคหรือที่เรียกกันว่า Last Mile Delivery เองก็มีประสิทธิภาพขึ้นได้ด้วยหุ่นยนต์ที่เดินทางจากศูนย์พัสดุไปยังหน้าประตูบ้านโดยอัตโนมัติ โดยแค่เฉพาะในสหรัฐฯ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้รับเงินลงทุนสนับสนุนรวมกันแล้วคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่น Starship Technologies ที่เริ่มนำหุ่นยนต์อัตโนมัติมาส่งอาหารให้เด็ก ๆ นักศึกษามหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา หุ่นยนต์ขนส่งพัสดุจากบริษัท Starship Technologies โลจิสติกส์นับเป็นอุตสาหกรรมแสนสำคัญที่คอยขับเคลื่อนให้ธุรกิจหลายภาคส่วนสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น นับเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่เราจะได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านี้เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับภาคธุรกิจ และช่วยนำพัสดุไปส่งถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็วและปลอดภัยกว่าที่เคย เทคโนโลยีในงาน โล จิ สติ ก ส์ มี อะไร บางเทคโนโลยีที่จ าเป็นส าหรับโลจิสติกส์ในยุคใหม่ทั้ง 7 ระบบ ในบทความนี้ประกอบด้วย 1) ระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลทาง อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange System: EDI) 2) ระบบบาร์โค้ด (Barcode System) 3) รหัสบ่งชี้โดยใช้ความถี่ ของคลื่นวิทยุ (Radio Frequency Identification: RFID) 4) ระบบ ก าหนดพิกัดที่ตั้งดาวเทียม ( ...
เทคโนโลยีใดที่นำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับการจัดการโลจิสติกส์เทคโนโลยีที่นิยมนำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์ภายในองค์กรธุรกิจให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สำคัญคือ GPS (Global Positioning System) Barcode RFID (Radio Frequency Identification) EDI (Electronics Data Interchange) การวางแผนทรัพยากรวิสาหกิจ (Enterprise Resource Planning: ERP) ระบบการจัดการคลังสินค้า ( ...
เทคโนโลยี โล จิ สติ ก ส์ คืออะไรเทคโนโลยีสารสนเทศสาหรับโลจิสติกส์อาจกล่าวได้ว่าเป็นการนาระบบเทคโนโลยีที่ประกอบไปด้วย วิทยาศาสตร์และคอมพิวเตอร์มาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการทางด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานให้สามารถบริหาร จัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการน าระบบสารสนเทศมาใช้ในงานด้านโลจิสติกส์นั้นต้องสามารถช่วยให้ เป้าหมายที่วางไว้ดีขึ้นจากเดิมทั้งในเรื่อง 1 ...
เทคโนโลยีใดที่นักการจัดการโลจิสติกส์นำมาใช้ในการวางแผนและการจัดการขนส่งสินค้าWarehouse Management System: WMS
เป็นระบบโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยบริหารการจัดการโลจิสติกส์ระบบคลังสินค้า ที่ครอบคลุมกระบวนการต่างๆ ในคลังสินค้า ได้แก่ การรับสินค้า (Receiving) การจัดเก็บ (Putaway) และการจัดและการเติมสินค้า (Picking & Replenishment)
|