คลิกทำแบบทดสอบก่อนเรียน หรือ สแกน QR Code ทำข้อสอบ Show
เทคนิคการขับร้องประสานเสียง1111111111พื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการร้องเพลง คือการหายใจ นักร้องทุกคนควรศึกษาและทำความเข้าใจกับระบบหายใจ และการใช้ลมหายใจเพื่อสร้างเสียง สร้างความก้องกังวานและสร้างเทคนิคต่าง ๆ การหายใจ1111111111เสียงเกิดจาก ลมจากกระบังลมเคลื่อนที่มากระทบเส้นเสียง และทำให้เกิดการสั่นสะเทือน การเกิดเสียงสูงและต่ำ ขึ้นอยู่กับปริมาณของลมที่มากระทบเส้นเสียง คือ ปริมาณลมน้อย เส้นเสียงเกิดการสั่นสะเทือนน้อยทำให้เกิดเสียงต่ำ และปริมาณลมมาก เส้นเสียงเกิดการสั่นสะเทือนมาก ทำให้เกิด เสียงสูง ดังนั้นหน้าที่ของลม คือการทำให้เกิดเสียงสูงต่ำ และอีกหน้าที่คือการทำให้เกิดความดัง-เบาของเสียง
ซึ่งเกิดจากการควบคุมปริมาณลมเช่นเดียวกัน 1111111111พื้นฐานสำคัญที่สุดของการร้องเพลงคือ การหายใจ การหายใจที่ดี ต้องมีความสามารถในการควบคุมการหายใจได้ ควบคุมลมที่จะมากระทบเส้นเสียง ควบคุมลมให้เกิดความดัง-เบาของเสียง ความนิ่งเรียบ และช่วงประโยคเพลงได้ดี ดังนั้นนักร้องจำเป็นต้องฝึกซ้อมการหายใจอย่างถูกวิธีและเป็นประจำ เพื่อให้สามารถใช้ลมสำหรับการขับร้องได้อย่างเต็มศักยภาพ 1111111111ขั้นตอนของการเกิดเสียง เริ่มต้นที่ลมหายใจออกไปผ่านกล่องเสียง เกิดเสียงขึ้นและลมหายใจนั้นได้นำไปก้องกังวานในโพรงหน้า (Mask) หรือในศีรษะและพาเสียงออกไป หากผู้ขับร้องสามารถควบคุมลมหายใจให้ทำงานอย่างราบรื่นก็จะร้องเพลงได้ดี มีเสียงที่ไพเราะ จะเห็นว่าสิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกคือการควบคุมลมหายใจให้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ 1111111111อวัยวะที่สำคัญในการหายใจ ได้แก่ ภาพที่ 12 ภาพแสดงอวัยวะที่ใช้ในการหายใจ กล้ามเนื้อในการหายใจเข้าตามปกติ
การหายใจออกตามปกติ เป็นการคลายตัวของกล้ามเนื้อกระบังลม และถุงลมคลายตัวกลับสู่ภาวะปกติ และความดันในถุง ลมมากกว่าในบรรยากาศจะถูกดันกลับออกมาภายนอก ทำให้ความดันในถุงลมลดลงเหลือ 756 mmHg. น้อยกว่าในบรรยากาศเล็กน้อย ภาพที่ 13 ภาพแสดงอวัยวะที่ใช้ในการหายใจ การหายใจในเพลง ต้องเตรียมพร้อมที่จะหายใจอย่างสมบูรณ์ก่นจะถึงประโยคเพลง หากไม่ลากเสียงโน้ตตัวสุดท้ายของประโยคเพลงก็จะมีเวลาในการหายใจก่อนประโยคเพลงถัดไปอีกมาก การที่ต้องหายใจระหว่างเพลงและต้องหายใจให้เต็มที่นั้น มีเทคนิคพิเศษที่จะทำให้หายใจได้ทันคือ ให้สังเกตในเพลงว่าตรงไหนที่ต้องหายใจอย่างรวดเร็ว ก็ให้ขโมยเวลาจากโน้ตตัวหลังสุดของประโยคเพลงก่อนหน้านั้น และการหายใจเข้าอย่างรวดเร็วต้องเตรียมร่างกายก่อนหายใจ โดยยกอกขึ้นให้ซี่โครงขยายออกได้ก่อนและเตรียมโพรงหน้าให้ถูกต้องด้วย ไม่ให้อัดลมอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้เตรียมร่างกาย 1111111111กระบวนการหายใจประกอบด้วย
2 ลักษณะคือ การหายใจเข้าและการเป่าลมออก การทำงานของอวัยวะเมื่อหายใจเข้า ( ที่มา : การหายใจ, 2558 ) การเป่าลมออก การหายใจออกในชีวิตประจำวันนั้นเป็นเรื่องง่ายเพราะไม่ต้องควบคุมลม ภาพที่ 15 แสดงการทำงานของอวัยวะเมื่อเป่าลมออก แบบฝึกหัดที่ 1 111111111111ฝึกความถูกต้องของการหายใจ 111111111111ข้อควรระวังระหว่างหายใจเข้า ไม่ยกไหล่หรือเกร็งบริเวณต้นคอทุกอย่างอยู่ในลักษณะธรรมชาติ แบบฝึกหัดนี้ จะสังเกตเห็นการขยายตัวของกะบังลมเมื่อหายใจเข้า และการหดตัวของกะบังลมเมื่อหายใจออก ฝึกประมาณวันละ 3 ครั้ง 1111111111111111111111การยืน หายใจเข้า หายใจออก ภาพที่ 16 ภาพแสดงการฝึกความถูกต้องของการหายใจ แบบฝึกหัดที่ 2 1111111111111. หายใจเข้า 4 จังหวะ กลั้นหายใจ 4 จังหวะ เป่าลมออก 4 จังหวะ (หมายเหตุพยายามควบคุมลมให้สม่ำเสมอ) ทำติดต่อกัน 4-5 ครั้ง 1111111111112. หายใจเข้า 4 จังหวะ กลั้นหายใจ 4 จังหวะ เป่าลมออก 8 จังหวะ (หมายเหตุพยายามควบคุมลมให้สม่ำเสมอ) ทำติดต่อกัน 4-5 ครั้ง 1111111111113. หายใจเข้า 4 จังหวะ กลั้นหายใจ 4 จังหวะ เป่าลมออก 12 จังหวะ (หมายเหตุพยายามควบคุมลมให้สม่ำเสมอ) ทำติดต่อกัน 4-5 ครั้ง แบบฝึกหัดที่ 3 นอนหงายชันเข่า โดยเข่าทั้งสองข้างห่างกันพอประมาณ เท้าทั้งสองวางอยู่บนพื้น แล้วดึงลำตัวให้สูงขึ้นเป็นเส้นตรง ระหว่างเข่ากับไหล่ โดยน้ำหนักตกอยู่บนไหล่ทั้งสองข้าง มือทั้งสองข้างวางอยู่บนพื้นขนานกับลำตัว หายใจเข้าช้า ๆ จนเต็มแล้วเป่าลมออกทางปากเหมือนกับเป่าหลอดกาแฟหรือเป่าเทียน ฝึกท่านี้วันละครั้ง ๆ ละไม่เกิน 1 นาที จุดประสงค์ของแบบฝึกหัดนี้เพื่อฝึกการหายใจโดยไม่ให้ยกไหล่ ภาพที่ 17 ภาพแสดงการฝึกการหายใจตามแบบฝึกหัดที่
3 แบบฝึกหัดที่ 4 1111111111111. ยืนด้วยท่าทางสำหรับการขับร้อง แบบฝึกหัดที่ 5 1111111111111. ยืนด้วยท่าทางสำหรับการขับร้อง ข้อสังเกต 11111111111. การหายใจที่ถูกต้องในการเป่า หลอดลมจะเปิดตลอดเวลา สามารถทดสอบได้โดยหายใจเข้าจนเต็มที่ กลั้นลมหายใจแล้วยังสามารถพูดได้แสดงว่าหายใจถูกต้อง ข้อสังเกตความไม่ถูกต้องในขณะฝึกปฏิบัติ 11111111111. หายใจทางจมูก ข้อสังเกตความถูกต้องของการหายใจ 11111111111. เปิดหลอดลมและหายใจทางปาก ค้นคว้าเพิ่มเติม1. การฝึกหายใจ2. การหายใจและการควบคุมลม 3. ตัวอย่างวิธีฝึกหายใจ ธรรมชาติของเสียง111111111111เสียงของมนุษย์จัดอยู่ในประเภทเครื่องดนตรีชนิดเป่าลม เสียงพื้นฐานจะเกิดขึ้นได้จากช่องคอ (Larynx) และมีคลื่นเสียงก้อง (Harmonics) อยู่อย่างสมบูรณ์ เสียงพื้นฐานจะถูกกลั่นกรองหรือเพิ่มกำลังขึ้นโดยช่องปากและโพรงจมูก การกระทำอันนี้จะเพิ่มกำลังให้แก่เสียงสะท้อนตัวอื่นด้วย 111111111111เสียงเกิดจาก ลมจากกระบังลมเคลื่อนที่มากระทบเส้นเสียง และทำให้เกิดการสั่นสะเทือน การเกิดเสียงสูงและต่ำ ขึ้นอยู่กับปริมาณของลมที่มากระทบเส้นเสียง คือ ปริมาณลมน้อย เส้นเสียงเกิดการสั่นสะเทือนน้อยทำให้เกิดเสียงต่ำ และปริมาณลมมาก เส้นเสียงเกิดการสั่นสะเทือนมาก ทำให้เกิด เสียงสูง ดังนั้นหน้าที่ของลม คือการทำให้เกิดเสียงสูงต่ำ และอีกหน้าที่คือการทำให้เกิดความดัง-เบาของเสียง ซึ่งเกิดจากการควบคุมปริมาณลมเช่นเดียวกัน อวัยวะในการเปล่งเสียง ประกอบด้วย 11 1111. เส้นเสียง ภาพที่ 18 เส้นเสียง 11111111111เส้นเสียง เปรียบเหมือนเครื่องดนตรีประจำอยู่ในร่างกายของเรา เส้นเสียงเป็นกล้ามเนื้อบาง ๆ สั้น ๆ มีความยาวประมาณ 1.2-1.7 เซนติเมตร กว้าง 0.2-0.3 เซนติเมตร ขวางอยู่เหนือหลอดลม นอกจากจะทำหน้าที่ทำให้เกิดเสียงแล้ว เส้นเสียงยังทำหน้าที่เป็นประตูไม่ให้สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ผ่านเข้าไปในหลอดลม ภาพที่ 19 แสดงการเคลื่อนไหวของเส้นเสียง 111111. เส้นเสียงขณะหายใจเข้า จะเปิดออกในรูปแบบสามเหลี่ยม มารู้จักเส้นเสียงกันเถอะ 11 1112. ช่องคอ ภาพที่ 20 ช่องคอ 11 1113. ช่องปาก ภาพที่ 21 ช่องปาก การออกเสียงให้ถูกต้องตามอักขระวิธี 11111การออกเสียงคำต่าง ๆ ในการขับร้องต้องประสานกับการฝึกลมหายใจ การเปล่งเสียงและการสร้างเสียงสะท้อน การฝึกการออกเสียงเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้การร้องเพลงได้ดี การออกเสียงพยัญชนะ สระและวรรณยุกต์อย่างไม่ถูกต้อง ยางครั้งทำให้ความหมายของเพลงเปลี่ยนไป ในทางกลับกัน ถ้าผู้ขับร้องออกเสียงภาษานั้น ๆ ได้ถูกต้องตามอักขระวิธีก็จะเพิ่มความประทับใจให้กับผู้ฟัง ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีวรรณยุกต์ และเสียงวรรณยุกต์ที่ต่างกันทั้ง 5 เสียงนั้นทำให้ความหมายของคำต่างกัน ฉะนั้นผู้ขับร้องควรคำนึงและให้ความสำคัญในเรื่องนี้ 11111ส่วนการฝึกร้องเพลงภาษาตะวันตกนั้นมีเสียงสระพื้นฐาน คือการออกเสียงตามอักษรโฟเนติคส์สากล หรือ I.P.A (International Phonetic Alphabet) ทั้งหมดมี 5 ตัวคือ a e i o u 11111รูปปากของการออกเสียงสระทั้ง 5 มีดังนี้ [a] :อ้าปากโดยยกขากรรไกรบนขึ้น ปล่อยขากรรไกรล่างตามสบาย ลิ้นวางราบปล่อยเป็นธรรมชาติ อ้าปากตามสบายแต่อย่ากว้างเกินไป [e] :อ้าปากครึ่งเดียว ลิ้นหดเล็กน้อย ตำแหน่งลิ้นค่อนไปทางด้านหลัง [i] :ฉีกมุมปาก ลิ้นด้านหน้าเกือบแตะเพดานแข็ง [o]:ห่อปาก ตำแหน่งลิ้นค่อนไปทางด้านหลัง ช่องปากครึ่งบนเป็นรูปทรงกระบอก ใช้กำลังเต็มปาก [o]:ห่อปาก ลิ้นส่วนหลังสูงจนเกือบแตะเพดานอ่อน
ภาพที่ 22 ภาพแสดงรูปปากในการออกเสียงสระต่าง ๆ การปิดคำ 1111111ในการร้องเพลงนักร้องต้องออกเสียงสระมากกว่าพยัญชนะ เพราะการออกเสียงของคำแต่ละคำเราจะออกเสียงพยัญชนะสั้นกว่าสระ โดยเฉพาะคำที่ต้องออกเสียงยาว เช่น คำว่า“ปี”เกิดจาก พยัญชนะ ปอ+สระอี ให้ยาวเป็นเวลา 5 วินาที จะสังเกตเห็นว่าลักษณะเสียงที่ออกมาจะเป็นดังนี้ ปอ+อี (เสียง ปอ. จะได้ยินแค่ครั้งแรกเท่านั้นหลังจากนั้นจะเป็นเสียงสระอี) ดังนั้นในการปรุงแต่งคำร้องให้สละสวยจึงขึ้นอยู่กับการออกเสียงสระให้ถูกต้องชัดเจน และมีน้ำหนักซึ่งเกิดจากการขยับขากรรไกร ลิ้น ริมฝีปากและทำรูปปากให้ถูกต้อง 1111111ถ้าเป็นการออกเสียงสระผสม เช่น คำว่า “ใจ” เกิดจาก สระใอ = อา +อี เวลาออกเสียงควรออกเสียงสระอาสั้นกว่าสระอี เป็น จอ + อา…+ อี (จำนวนจุดแทนความยาวของการลากเสียง) เพราะถ้าออกเสียงสระอายาวกว่าสระอี จะกลายเป็น จอ + อา … + อี (จาย…+อี) หรือความว่า “เกลียว” เกิดจาก พยัญชนะ กล. และ สระ อี + อา + อู ควรออกเสียงเป็น กล + อี…+ อา + อูหรือ กล + อี +…+ อา …+ อ แต่ไม่ควรเป็น กล + อี + อา + อู (เพราะเสียงที่ออกมาจะกลายเป็น“กลู”) การร้องคำที่ไม่มีตัวสะกด ไม่ควรออกเสียงสระเป็นเวลานาน เช่น ฉันรักเธอ หากร้องอยู่บนสระนาน ๆ โดยไม่รีบปิดคำ ก็จะออกมาเป็น ฉาน ร้าก เธอ 1111111การออกเสียงวรรณยุกต์ของคำในภาษาไทยนักร้องต้องระวังให้มาก เพราะถ้าออกเสียงวรรณยุกต์ผิดก็จะทำให้ความหมายของคำนั้นมีความหมายต่างไปจากเดิมทันที โดยเฉพาะเนื้อเพลงที่มีโน้ตดนตรีเป็นคนละเสียงกับวรรณยุกต์ของเนื้อเพลง เช่น ชื่นชีวันเมื่อฉันและเธอชิดใกล้ (เพลงหนึ่งมิตรชิดใกล้) ถ้าร้องออกเสียงให้ตรงกับโน้ต จะต้องออกเสียงเป็น ฉื่นชีวันเมื่อชันและเธอชิดใกล่ นอกจากจะไม่ได้สื่อความหมายตามที่ต้องการแล้ว ยังฟังตลกอีกด้วย วิธีถูกต้องคือนักร้องจะต้องออกเสียงวรรณยุกต์ของแต่ละคำให้ถูกต้องเสียก่อน แล้วจึงใช้เทคนิคของการเอื้อนเสียงให้ได้ตัวโน้ตที่ต้องการ (ปิ่นศิริ, 2548: 37-39) เสียงสะท้อน 111111111อวัยวะที่ทำให้เกิดเสียงสะท้อน คืออวัยวะที่กลั่นกรองเสียง ประกอบด้วยช่องคอ โพรงจมูก ช่องปาก เพดานแข็ง ลิ้น ฟัน ริมฝีปาก เป็นต้น
ภาพที่ 23 แสดงอวัยวะในการออกเสียง อวัยวะในการสร้างเสียงสะท้อน ประกอบด้วย 111111. ทรวงอก 11111จุดประสงค์ของการ เสียงสะท้อน คือทำให้เสียงไพเราะ สมบูรณ์ สดใส ชัดเจนมีกังวานทุกเมื่อ การเปล่งเสียงร้องให้เกิดเสียงสะท้อนได้นั้น ต้องอาศัยวิธีการหายใจที่ถูกต้องและเปิดช่องคอให้เป็นธรรมชาติและไม่เกร็ง ปล่อยให้คลื่นเสียงตามธรรมชาติสะเทือนในอวัยวะที่ทำให้เกิดเสียงสะท้อน เกิดเป็นเสียงอันไพเราะ มีกังวาน เสียงสะท้อนแบ่งออกเป็น 111111. เสียงสะท้อนในช่องอก
(Chest Tone) เป็นการขับร้องในระดับเสียงต่ำ เป็นเสียงที่เปล่งออกมาได้ง่ายที่สุด โดยจะรู้สึกสั่นสะเทือนบริเวณหน้าอก เสียงที่ได้จะมีความกังวาน ทุ้ม ใหญ่ เป็นโทนที่แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกสุขุม รอบคอบ เศร้า เหงา โรแมนติก ฯลฯ ลักษณะของเนื้อเสียงจะเหมือนกับเสียงพูดปกติของชาวตะวันตก ตำแหน่งเสียงทางกายภาพจะอยู่ที่บริเวณ หน้าท้องถึงบริเวณริมฝีปากล่างหลักการร้องเพลงเสียงต่ำ ปฏิบัติได้ดังนี้ 111112. เสียงสะท้อนในโพรงปากและจมูก (Mouth Tone) โทนเสียงกลาง เป็นโทนเสียงที่แสดงออกถึงอารมณ์ที่ปกติ สบาย ๆ เมื่อปล่อยเสียงจะรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนบริเวณช่องปากและในโพรงอากาศบริเวณจมูก ลักษณะของเนื้อเสียงจะเหมือนกับเสียงพูดปกติของชาวตะวันออก ตำแหน่งเสียงทางกายภาพจะอยู่ที่บริเวณ ริมฝีปากถึงโหนกแก้ม 111113. เสียงสะท้อนในช่องกะโหลก
(Head Tone) โทนเสียงระดับสูง เป็นเสียงที่แสดงออกถึงอารมณ์ที่ดีใจ เสียใจ สนุกสนาน เป็นการขับร้องในเสียงสูง ระดับเทนเนอร์ และ โซปราโน ขณะเปล่งเสียงจะรู้สึกสั่นสะเทือนก้องบริเวณ เหนือลิ้นไก่และพริ้วไปตามส่วนหลังของศีรษะ เกิดความก้องกังวานในโพรงกะโหลกศีรษะแผ่กระจายมาถึงโพรงอากาศบริเวณหน้าผาก ตำแหน่งเสียงทางกายภาพจะอยู่ที่บริเวณระหว่างคิ้ว หลักการร้องเพลงในโทนเสียงสูง ปฏิบัติได้ดังนี้ คือ ค้นคว้าเพิ่มเติมการออกเสียง Head Tone / การออกเสียง Mount Tone / การออกเสียง Chest Tone การรักษาเสียง111111111สภาพชองเสียง ขึ้นอยู่กับสุขภาพของนักร้องด้วยการรับประทานอาหารที่เหมาะสม นอนหลัยบเพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ควรตะโกน ไม่ควรร้องเสียงดัง หรือกรีดร้องเสียงแหลม เพราะจะเป็นการทำงานเสียง การเชียร์กีฬากลางแจ้งที่จะต้องใช้เสียงตะโกนดัง ๆ
จะทำให้คอเกร็ง กล้ามเนื้อคอถูกบีบทำให้เสียงเสีย การถ่ายทอดความรู้สึกผ่านบทเพลง111111111สามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกถึงความสุข สนุกสนาน หรือความทุกข์เศร้าโศก ผ่านทางคำพูด สีหน้าแววตาหรือท่าทาง เพื่อให้ผู้อื่นรับรู้ว่าเรากำลังรู้สึกอย่างไร เช่นเดียวกันกับบทเพลงที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของคนแต่ง ออกมาได้อย่างละมุนละไม นักแต่งเพลงจึงต้องทำผลงานเพลงให้ดี สามารถแสดงถึงความต้องการทางอารมณ์ ที่อยากสื่อสารให้ผู้ฟังได้รับรู้อย่างชัดเจน ถึงแม้จะเป็นเรื่องราวที่ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิง แต่ก็ต้องมีความจริงใจในเนื้อหาด้วย เพื่อที่ผู้ฟังจะได้รู้สึกว่า เพลงนี้สามารถสัมผัสถึงหัวใจของเขาได้อย่างแท้จริง คลิกทำแบบทดสอบหลังเรียน หรือ สแกน QR Code ทำข้อสอบการร้องประสานเสียงที่ดีควรมีลักษณะอย่างไรการร้องประสานเสียง หมายถึง เสียงร้องเพลงของผู้ร้องหลายคนที่เปล่งเสียงออกมาพร้อมๆกันโดยมีระดับเสียงที่ต่างกัน โดยที่เสียงที่เปล่งออกมานั้นจะต้องมีความกลมกลืนผสมผสานกันฟังแล้วไม่ขัดหู
คนที่จะฝึกหัดขับร้องได้ดีคือคนที่มีคุณสมบัติอย่างไรผู้เรียนจะต้องมีใจรัก มีความอดทน ขยัน หมั่นฝึกฝน การร้องเพลงไทย นั้นประกอบด้วยการออกอักขระ ทำนอง จังหวะ ลีลา และอารมณ์ การหมั่น ฝึกฝนเป็นเนืองนิจจะช่วยให้การขับร้องเพลงไทยดีขึ้น หัวใจสำคัญของศิลปะ การขับร้องอยู่ที่ผู้เรียนมีใจรัก มีความพยายาม ขยัน อดทนไม่ท้อถอย เมื่อได้ รับความสำเร็จแล้วต้องไม่ทะนงตนว่าเก่งแล้วเลิศแล้ว ...
การประสานเสียงมีแบบใดบ้างสำหรับการขับร้องประสานเสียง โดยทั่วไปจะมีหมู่ขับร้องที่ใช้อยู่คือหมู่ขับร้อง ประสานเสียง 4 แนว ได้แก่ แนว โซปราโน และแนว อาลโต ซึ่งจะเป็นผู้หญิงร้อง และ แนว เตเนอร์ กับ เบส เป็นหมู่นักขับร้องชาย ถ้าเป็นหมู่ขับร้องชายล้วน มีชื่อว่า “MALE CHOIR” ประกอบด้วยแนว เตเนอร์ 1 เตเนอร์ 2 และ แนว เบส ถ้าเป็นหมู่ขับร้องหญิงล้วน มี ...
การประสานเสียง 3 เสียงขึ้นไปเรียกว่าอะไร6.2 คอร์ด (Chords) หมายถึงกลุ่มเสียงตั้งแต่ 3 เสียงขึ้นไป เรียงกันในแนวตั้งและเปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน คอร์ดมีมากมายหลายชนิดแล้วแต่ลักษณะการใช้นำไปใช้ในที่นี้จะขอกล่าวถึงคอร์ด 3 ชนิด ใหญ่ ๆ รวมถึงวิธีการสร้างคอร์ด (Chord Construction) ดังนี้
|