CPR (Cardiopulmonary Resuscitation) คือปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพด้วยวิธีปั๊มหัวใจ เป็นการปฐมพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตแบบหนึ่ง มีประโยชน์ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ผู้ป่วยหยุดหายใจกะทันหันหรือหัวใจหยุดทำงาน เช่น หัวใจวาย จมน้ำ หรือขาดออกซิเจนนาน ซึ่งเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสมองอย่างถาวรภายใน 4 นาที และอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตภายในเวลา 8-10 นาที Show การปั๊มหัวใจจึงอาจช่วยยื้อเวลาและช่วยฟื้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดที่หยุดกะทันหัน ทำให้หัวใจกลับมาเต้นได้ตามปกติ มีออกซิเจนหล่อเลี้ยงสมองและอวัยวะสำคัญอื่น ๆ อีกครั้ง จนกว่าจะได้รับการช่วยเหลือทางการแพทย์ การปั๊มหัวใจสำคัญเช่นไร ? จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่าโรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งในผู้ใหญ่ และมักทำให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหันขณะที่อยู่นอกโรงพยาบาล การปั๊มหัวใจอย่างถูกต้องจึงจำเป็นสำหรับผู้ที่อยู่ใกล้กับผู้ป่วย เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้มากขึ้น การทำ CPR ทันทีหลังจากที่ผู้ป่วยอยู่ในภาวะหัวใจหยุดเต้น อาจเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้มากขึ้นได้มากถึง 2-4 เท่า สำหรับผู้ช่วยเหลือที่เคยผ่านการฝึกอบรมปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพมาก่อน หรือมีทักษะพร้อมประสบการณ์ให้ปั๊มหัวใจควบคู่ไปกับการผายปอด ส่วนผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนควรติดต่อผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ให้แนะนำวิธีปั๊มหัวใจผู้ป่วยอย่างถูกต้องเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องผายปอด จนกว่าผู้เชี่ยวชาญจะมาถึงที่เกิดเหตุ ในกรณีที่บริเวณเกิดเหตุมีเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยกระแสไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) ผู้ช่วยเหลือสามารถปฏิบัติการกู้ชีพร่วมกับการกระตุ้นหัวใจด้วยกระแสไฟฟ้าได้ ทั้งนี้การกู้ชีพที่รวดเร็วภายใน 3-5 นาทีหลังจากที่ผู้ป่วยเกิดอาการ ควบคู่กับการดูแลผู้ป่วยที่ชีพจรฟื้นคืนกลับมาอย่างเหมาะสม อาจเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้ถึง 50-70 เปอร์เซ็นต์ แต่หากเกิดความล่าช้าโอกาสรอดชีวิตอาจลดลง 10-20 เปอร์เซ็นต์ต่อ 1 นาที อุปกรณ์ในการปั๊มหัวใจ ผู้ช่วยเหลือสามารถปั๊มหัวใจแบบพื้นฐานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ใด ๆ แต่ควรสวมหน้ากาก เสื้อคลุม หรือถุงมือกันเชื้อโรค แม้จะยังไม่เคยมีรายงานว่าการปั๊มหัวใจจะทำให้เกิดการติดต่อของโรคจากผู้ป่วยสู่ผู้ให้ความช่วยเหลือก็ตาม ควรทำอย่างไรก่อนการปั๊มหัวใจ ก่อนการปั๊มหัวใจควรสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยของพื้นที่และสภาพแวดล้อม หรือการสังเกตว่าผู้ป่วยมีสติอยู่หรือกำลังหมดสติ ซึ่งหากผู้ป่วยกำลังหมดสติให้ลองจับตัวหรือเขย่าที่หัวไหล่หรือพูดถามเสียงดัง ๆ ด้วยประโยคง่าย ๆ ว่า “คุณ ๆ ตื่น ๆ เป็นอะไรหรือเปล่า” หากยังไม่มีการโต้ตอบกลับมา ให้รีบเรียกขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นที่อยู่ในบริเวณนั้น เนื่องจากการช่วยเหลือผู้ที่หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น ควรมีผู้ช่วยมากกว่า 1 คน เพื่อจะได้ช่วยโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการฉุกเฉินเช่นโทร 191 หรือโทรเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินที่ 1669 ก่อนเริ่มปั๊มหัวใจ สำหรับในกรณีที่พบว่าผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นจากการจมน้ำ ให้เริ่มปั๊มหัวใจก่อนแล้วค่อยติดต่อขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการฉุกเฉิน วิธีการปั๊มหัวใจ การปั๊มหัวใจสำหรับผู้ป่วยผู้ใหญ่ ขั้นตอนการปั๊มหัวใจสำหรับผู้ป่วยผู้ใหญ่ มีดังนี้
การปั๊มหัวใจสำหรับผู้ป่วยเด็กและทารก ขั้นตอนการปั๊มหัวใจสำหรับผู้ป่วยเด็ก มีดังนี้
การปั๊มหัวใจร่วมกับใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ ในกรณีที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) ในบริเวณเกิดเหตุ ผู้ช่วยเหลือสามารถนำมาใช้ร่วมกับการปั๊มหัวใจ โดยปฏิบัติดังนี้
ภาวะแทรกซ้อนจากการปั๊มหัวใจ การปั๊มหัวใจอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนคือ กระดูกซี่โครงหรือกระดูกสันอกแตกหักจากการปั๊มหัวใจ แต่เป็นกรณีที่พบได้ยาก สถานที่สอนวิธีการปั๊มหัวใจอย่างถูกต้อง ผู้ป่วยที่สนใจการปฐมพยาบาลด้วยการปั๊มหัวใจ เข้าเรียนหลักสูตรการอบรมพิเศษได้จาก
อัตราส่วนในการนวดหัวใจต่อการช่วยหายใจคือข้อใดการดูแลเบื้องต้น การช่วยหายใจหลังขึ้นจากน ้า (AHA Class I, LOE C) ให้ใช้วิธีดั้งเดิมคือ A-B-C. การช่วยหายใจในครั้งแรก แนะน าให้ช่วย 5 ครั้ง (ตาม European Resuscitation Council; ERC) ตามต่อด้วยการกดนวดหน้าอก 30 ครั้ง และเข้าวงรอบ 30:2.
จังหวะในการกดหน้าอกควรทำนาทีละกี่ครั้งเริ่มทำการกดหน้าอก โดยจับผู้ป่วยนอนหงาย นั่งคุกเข่าข้างผู้ป่วย วางสันมือข้างหนึ่งตรงครึ่งล่างกระดูกหน้าอก (ตำแหน่งตรงกลางระหว่างหน้าอก ระดับเดียวกับหัวนมพอดี) และวางมืออีกข้างทับประสานกันไว้ เริ่มการกดหน้าอกด้วยความลึกอย่างน้อย 5 เซนติเมตร ในอัตราเร็ว 100-120 ครั้งต่อนาที สามารถปั๊มหัวใจตามจังหวะเพลง “สุขกันเถอะเรา” ...
การใช้ 2 นิ้วเชยชายคางเพื่ออะไรการเปิดทางเดินหายใจด้วยวิธีแหงนหน้าเชยคาง ทำได้โดยวางมือข้างหนึ่งบนหน้าผากของทารก แล้วค่อย ๆ เงยศีรษะไปทางด้านหลัง ใช้นิ้วมือ 2 นิ้วยกคางให้เชิดขึ้น การทำแบบนี้จะช่วยทำให้ลิ้นไม่ไปกีดขวางทางเดินหายใจ การช่วยให้หายใจ
การกระตุ้นหัวใจต้องกดกระดูกหน้าอกให้ยุบลงไปเท่าใดผู้ช่วยเหลือเริ่มด้วยการกดหน้าอก โดยให้ยืดไหล่และแขนเหยียดตรง จากนั้นปล่อยน้ำหนักตัวผ่านจากไหล่ไปสู่ลำแขนทั้งสอง ลงไปสู่กระดูกหน้าอกในแนวตั้งฉากกับลำตัวของผู้ป่วยผู้ใหญ่และเด็กโต กดลงไปลึกประมาณ 1.5-2 นิ้ว ในแนวดิ่ง โดยปั๊มในอัตราเร็ว 100-120 ครั้งต่อนาที (1-2 ครั้งต่อวินาที) ให้ปั๊มหัวใจไปเรื่อย ๆ จนกว่าหน่วยฉุกเฉินจะ ...
|