ลวดเชื่อม E6013 เป็นลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ชนิดใด

ลวดเชื่อม
4.1 ชนิดของลวดเชื่อม
ลวดเชื่อม เป็นโลหะเติมซึ่งใช้เติมลงในบ่อหลอมละลายขณะเชื่อม เพื่อเพิ่มปริมาณของเนื้อโลหะเชื่อม เพิ่มประสิทธิภาพในการ

เชื่อม และเป็นโลหะประสานรอยต่อของชิ้นงานเชื่อมให้แข็งแรงและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ลวดเชื่อมมีทั้งชนิดที่ใช้ในกระบวนการ

เชื่อมด้วยไฟฟ้า และชนิดที่ใช้กระบวนการเชื่อมด้วยแก๊ส ลักษณะและชนิดของลวดเชื่อมในปัจจุบันที่นิยมใช้กันแบ่งได้เป็น
2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
1. Electrode หมายถึง ลวดเชื่อมที่ใช้ในกระบวนการเชื่อมด้วยไฟฟ้า ลวดเชื่อมชนิดนี้ทําหน้าที่เป็นขั้วไฟฟ้าส่วนมากจะให้กับ

การเชื่อมอาร์ค สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่
1.1 Consumable หมายถึง ลวดเชื่อมที่เป็นขั้วไฟฟ้าและเป็นโลหะเติมทั้งสองอย่างลวดเชื่อมชนิดนี้เป็นแบบสิ้นเปลือง เช่น ลวด

เชื่อมของการเชื่อม SMAW
1.2 Non Electrode หมายถึง ลวดเชื่อมที่ไม่เกี่ยวข้องกับขั้วไฟฟ้าอย่างเดียว โดยที่ไม่หลอมละลายไปกับโลหะเชื่อม ลวดเชื่อม

ชนิดนี้จะเป็นแบบไม่สิ้นเปลือง เช่น ลวดเชื่อมของการเชื่อม GTAW , PAW ที่เชื่อมด้วยมือ เป็นต้น
2. Non Electrode หมายถึง ลวดเชื่อมที่ไม่เกี่ยวกับขั้วไฟฟ้า โดยจะใช้สําหรับเป็นโลหะอย่างเดียว สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 2 ชนิด

ได้แก่
2.1 Filler Rod หมายถึง ลวดเชื่อมที่เป็นแท่ง เช่น ลวดเชื่อมของการเชื่อมแก๊สเป็นต้น
2.2 Filler Wire หมายถึง ลวดเชื่อมที่เป็นเส้นลวด เช่น ลวดเชื่อมของการเชื่อม PAWที่ทําการเชื่อมโลหะโดยเครื่องจักร เป็นต้น
1. ชนิดของลวดเชื่อมไฟฟ้าหุ้มฟลักซ์
ลวดเชื่อมไฟฟ้า ที่ใช้สําหรับกระบวนการเชื่อมแบบอาร์คด้วยไฟฟ้า ตามมาตรฐานของAWS จําแนกออกตามชนิดของโลหะที่

เชื่อมได้หลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะใช้กับโลหะที่แตกต่างกันออกไป ชนิดที่นิยมใช้กันมากได้แก่
1. AWS-A 5.1 ลวดเชื่อมเหล็กกล้าคาร์บอน
2. AWS-A 5.3 ลวดเชื่อมอะลูมิเนียมและอะลูมิเนียมผสม
3. AWS-A 5.4 ลวดเชื่อมเหล็กกล้าโครเมียม และเหล็กกล้าโครเมียม
นิกเกิล หรือลวดเชื่อมสแตนเลส

4. AWS-A 5.5 ลวดเชื่อมเหล็กกล้าผสมต่ำ
5. AWS-A 5.6 ลวดเชื่อมทองแดงและทองแดงผสม
6. AWS-A 5.11 ลวดเชื่อมนิกเกิลและนิกเกิลผสม
7. AWS-A 5.15 ลวดเชื่อมเหล็กหล่อ
2. โครงสร้างของลวดเชื่อมไฟฟ้า
ลวดเชื่อมไฟฟ้าหุ้มฟลักซ์จะมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ซึ่งจะมีลักษณะโครงสร้างที่เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตาม ซึ่งลักษณะ

โครงสร้าง ดังแสดงในรูปที่ 4.1

ลวดเชื่อม E6013 เป็นลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ชนิดใด

รูปที่ 4.1 แสดงลักษณะโครงสร้างของลวดเชื่อมไฟฟ้าหุ้มฟลักซ์
3. ลวดเชื่อมเหล็กกล้าคาร์บอน ตามมาตรฐาน AWS
ลวดเชื่อมเหล็กกล้าคาร์บอนเป็นลวดเชื่อมที่นิยมใช้กันมาก โดยเฉพาะในงานโครงสร้างทั่วไป มาตรฐานสัญลักษณ์ของลวด

เชื่อมไฟฟ้าของสมาคมกา รเชื่อมสหรัฐอเมริกา (AWS A .1-91) ได้กําหนดเป็นตัวอักษรและตัวเลขดังนี้

ลวดเชื่อม E6013 เป็นลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ชนิดใด

ตัวอย่าง E6011
E (ตัวอักษรตัวหน้า) หมายถึง ลวดเชื่อมไฟฟ้า
60 (เลข 2 ตัวหน้า) หมายถึง 60 x 1,000 = 60,000 มีหน่วยเป็นปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) ซึ่ง60,000 PSI ก็คือ ค่าความต้านทานแรงต่ำสุด
1 (ตัวเลขที่ 3) หมายถึง ท่าเชื่อมที่เหมาะสมกับลวดเชื่อมนั้น ๆ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
เลข 1 หมายถึง ท่าราบ ท่าตั้ง ท่าขนานนอน ท่าเหนือศีรษะ
เลข 2 หมายถึง ท่าขนานนอน และท่าราบเท่านั้น (E6020)
เลข 3 หมายถึง ท่าราบเท่านั้น (E6020)
1 (เลขตัวที่ 4,5) หมายถึง คุณสมบัติต่าง ๆ ของลวดเชื่อม ดังรายละเอียดจากตาราง 4.1
(เลข 1 ของตัวเลขที่ 4 หมายถึง ใช้ไฟ AC&DCEP)

ลวดเชื่อม E6013 เป็นลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ชนิดใด

4. ลวดเชื่อมเหล็กกล้าผสมต่ํา ตามมาตรฐาน AWS
มาตรฐานสัญลักษณ์ของลวดเชื่อมไฟฟ้าของสมาคมการเชื่อมสหรัฐอเมริกา (AWS A5.5-81) ได้กําหนดเป็นตัวอักษรและตัวเลขดังนี้

ลวดเชื่อม E6013 เป็นลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ชนิดใด

5. ประเภทของฟลักซ์หุ้ม
ชนิดของวัสดุสารพอกหุ้ม วัสดุสารพอกหุ้มมีหน้าที่ประสารรอยต่อแนวให้ได้ดี ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด แต่ที่มีการนําไปใช้งานกันอย่างกว้างขวางคือ
1. สารพอกหุ้มไทเทนียมไดออกไซต์ (ตัวย่อ R) ลวดเชื่อมชนิดใช้สารพอกหุ้มทําจากไทเทเนียมไดออกไซด์ซึ่งเป็นพวกรูไทล์ เป็นชนิดที่นํามาใช้เชื่อมมากที่สุด ทําให้เกิดประกายอาร์คและระยะอาร์คสม่ําเสมอ ประสานรอยต่อแนวได้ดีเหมาะสําหรับเชื่อมเหล็กเหนียวเชื่อมได้ง่าย เชื่อมรอยต่อแผ่นเหล็กบาง ๆ รอยต่อแนวเกิดรอยร้าวได้ง่ายกว่าลวดเชื่อมชนิดสารพอกหุ้มกรดแร่เล็กน้อย เหมาะสําหรับการเชื่อมท่ายาก ๆ ทุกท่าเชื่อม เคาะสแลกเชื่อมออกได้ง่ายให้ความแข็งแรงของแนวเชื่อมปานกลาง สามารถตีแนวเปลี่ยนรูปได้ ไม่เสื่อมคุณสมบัติเมื่อได้รับความชื้น เกล็ดแนวเชื่อมหยาบปานกลางเกล็ดสม่ําเสมอหน้าแนวนูนโค้งเล็กน้อย
2. สารพอกหุ้มด่างหินปูน (ตัวย่อ B) สารพอกหุ้มประกอบด้วยด่างหินปูนและใยหิน เมื่อทําการเชื่อมให้เกิดอาร์ค หินปูนจะถูกเผาไหม้และเกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะทําหน้าที่ป้องกันไม่ให้อากาศเข้าไปทําปฏิกิริยากับโลหะในบ่อหลอมละลายหินปูนและใยหินจะรวมตัวกับสารมลทินในเนื้อวัสดุขณะหลอมเหลวเกิดเป็นขี้ตะกรันเหลวเหนียวเกาะผิวหน้างานแน่น และคลุมแนวเชื่อมไว้จนกว่าแนวเชื่อมจะเย็นตัวลง สารดีออกซิเดชั่นทําให้เกิดปฏิกิริยาในเนื้อโลหะ มีผลทําให้แนวเชื่อมมีความแข็งแรงสูง มีอัตราการยืดตัวดีทนต่อแรงกระแทก เนื้อโลหะมีออกซิเจน ไนโตรเจนและไฮโดรเจนน้อยมาก ในประเทศสหรัฐอเมริกาจึงเรียกลวดเชื่อมสารพอกหุ้มด่างหินปูนว่าเป็นลวดพวกไฮโดรเจนต่ํา (low hydrogen) แนวเชื่อมไม่เกิดรอยร้าว ฉะนั้นจึงเหมาะที่จะใช้เชื่อมงานที่ต้องการแนวเชื่อมหนาและเชื่อมเหล็กที่มีเปอร์เซ็นต์คาร์บอนมากกว่า 0.25 เปอร์เซ็นต์ เหมาะสําหรับงานที่เตรียมและจับยึดอย่างแน่นหนา เช่นโครงสร้างที่ยึดแน่นยืดหยุ่นไม่ได้ เป็นลวดเชื่อมที่มีคุณสมบัติดีกว่าลวดเชื่อมชนิดอื่น ๆ จึงมีการนิยมใช้ค่อนข้างมาก ข้อเสียของลวดเชื่อมชนิดนี้คือ ดูดความชื้นได้ง่ายทําให้เสื่อมคุณภาพก่อนที่จะเชื่อม ดังนั้นจึงควรนําไปอบที่อุณหภูมิไม่น้อยกว่า 300 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 0.5-1 ชั่วโมงจนกว่าสารพอกหุ้มลวดเชื่อมจะแห้งดี เครื่องเชื่อมที่มีแรงเคลื่อนในขณะที่ไม่มีภาระ 70 ถึง 80 โวลต์ สารพอกหุ้มต้องใช้ส่วนผสมของด่างหินปูนและไทเทเนียม นําไปเชื่อมกับไฟฟ้ากระแสสลับได้ แนวเกล็ดหยาบเกล็ดแนวไม่สม่ําเสมอสันแนวโค้ง เคาะขี้ตะกรันออกยาก
3. สารพอกหุ้มเซลลูโลส (ตัวย่อ C) ลวดเชื่อมชนิดที่ใช้สารพอกหุ้มออแกนิค ซึ่งมีควันมากเมื่อเผาไหม้ ระยะอาร์คสม่ําเสมอดีมาก เหมาะสําหรับการเชื่อมท่าเชื่อมยาก ๆ ใช้เชื่อมท่าตั้งเชื่อมลง ใช้ไฟฟ้ากระแสตรงและกระแสสลับ ใช้เชื่อมท่อหรือโครงสร้างที่จําเป็นต้องเชื่อมท่าตั้งเชื่อมลง การใช้ลวดเชื่อมชนิดนี้ทําการเชื่อมถ้าเตรียมงานเชื่อมดีสามารถทําการเชื่อมได้โดยไม่ต้อง
มองแนวการหลอมละลายคงที่สม่ําเสมอ กระแสไฟฟ้าที่ใช้คงที่ มีขี้ตะกรันเชื่อมน้อย แต่เนื่องจากมีควันแก๊สมากจึงนําไปใช้งานน้อย
4. สารพอกหุ้มกรดแร่ (ตัวย่อ A) เป็นลวดเชื่อมที่มีสารพอกหุ้มทําจากโลหะหนักประเภทแร่ ซิลิเกด หรือสารดีออกซิเดชั่น โดยเฉพาะพวกเฟอโรแมงกานีส มีอัตราเร็วในการหลอมละลายสูง ลวดเชื่อมหลอมตัวขณะร้อนรวดเร็วมาก ใช้ระยะอาร์คยาวเหมาะสําหรับการเชื่อมเหล็ก เพราะทําการเชื่อมได้ง่ายโดยเฉพาะไม่ควรเชื่อมกับเหล็ก ซึ่งผ่านการหลอมด้วยเตาโทมัส ใช้เชื่อมท่าราบและท่าตั้ง ระยะอาร์ค ควรคุมระยะอาร์ค เหมาะสําหรับเชื่อมงานเร็ว ๆหน้าแนวเชื่อมเรียบ ผิวแนวโค้งเล็กน้อย ความหนาแนวเชื่อมไม่มากเชื่อมแนวยาว ๆ เคาะสแลกเชื่อมออกง่าย แต่นําไปใช้งานน้อยมาก เนื่องจากเกิดรอยร้าวได้ง่าย
5. สารพอกหุ้มออกไซด์ (ตัวย่อ Ox) ลวดเชื่อมชนิดนี้สารพอกหุ้มทําด้วยเหล็กออกไซด์ มีส่วนผสมของแมงกานีสออกไซด์เพียงเล็กน้อย เนื่องจากปฏิกิริยาของสารออกไซด์จึงทําให้เกิดการเผาไหม้ของคาร์บอนและแมงกานีส ฉะนั้นเนื้อวัสดุรอยเชื่อมจึงเกิดรอยร้าวมากกว่าลวดเชื่อมชนิดอื่น ๆ คุณสมบัติทางกลต่ํา แนวเชื่อมมีเกล็ดแนวละเอียด เรียบมัน ใช้เชื่อมทั้งไฟฟ้า
กระแสตรงและไฟฟ้ากระแสสลับเหมาะสําหรับเชื่อมท่าราบ ถ้าใช้เชื่อมกับกระแสไฟฟ้าสูงๆ ทําให้สิ้นเปลืองกระแสไฟฟ้ามาก ปัจจุบันลวดเชื่อมชนิดนี้แทบจะไม่มีผู้ผลิตแล้ว เนื่องจากมีการใช้งานในวงแคบใช้เชื่อมเฉพาะท่าราบเท่านั้น

6. สารพอกหุ้มชนิดพิเศษ (ตัวย่อ S) ลวดเชื่อมชนิดนี้ หมายถึงลวดเชื่อมที่มีสารพอกหุ้มที่ไม่สามารถจัดอยู่ในสารพอกหุ้มข้างต้นได้
6. หน้าที่ของฟลักซ์
1. ป้องกันบรรยากาศภายนอกมารวมตัวกับโลหะแนวเชื่อมขณะทําการเชื่อม
2. ขจัดออกไซด์ และสิ่งสกปรกออกจากน้ําโลหะเชื่อม
3. กลายเป็นสแลกปกคลุมแนวเชื่อมเพื่อป้องกันการรวมตัวของออกซิเจนกับแนวเชื่อม
4. มีธาตุที่ทําให้อาร์คคงที่สม่ําเสมอ
5. มีธาตุผสมช่วยทําให้แนวเชื่อมมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น
6. มีผงเหล็ก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตลวดเชื่อม
7. ทําให้เชื่อมตําแหน่งท่าต่าง ๆ ได้สะดวก และเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อม
8. สแลกปกคลุมแนวเชื่อมทําให้แนวเชื่อมเย็นลงอย่างช้า ๆ เป็นผลดีทางโลหะวิทยา
9. ทําให้แนวเชื่อมมีประสิทธิภาพ ได้รูปร่างที่ดี และการซึมลึกสมบูรณ์ถูกต้อง
10. ช่วยลดการกระเด็นของเม็ดโลหะ

7. อิทธิพลของฟลักซ์ต่อคุณภาพแนวเชื่อม
ฟลักซ์หุ้มแกนลวดเชื่อมประเภทต่าง ๆ หลังจากการเชื่อมจะมีผลกับแนวเชื่อมต่างกัน
ดังแสดงในตางรางที่ 4.2

ลวดเชื่อม E6013 เป็นลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ชนิดใด
8. หลักการพิจารณาเลือกลวดเชื่อมไฟฟ้า
การเลือกชนิดของลวดเชื่อม การเลือกลวดเชื่อมที่ถูกต้องกับงาน จะมีความสําคัญเช่นเดียวกับความสําคัญในด้านอื่น ๆ ที่ต้องปฏิบัติสําหรับการเชื่อม ปัจจุบันลวดเชื่อมที่ใช้สําหรับงานเชื่อมมีหลากหลายชนิด หลายยี่ห้อ จําเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องมีความรู้ในรายละเอียดเพื่อเลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง ดังนี้
1. ความแข็งแรงของชิ้นงาน ก่อนเชื่อมจะต้องรู้คุณสมบัติเชิงกลของโลหะงาน ถ้าเป็นเหล็กกล้าผสมต่ำ ควรเลือกจากค่าความแข็งแรง โดยให้ใกล้เคียงกับโลหะงานมากที่สุด ถ้าเป็นเหล็กกล้าละมุน (เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ) ควรเลือกลวดเชื่อมในกลุ่ม 60xx ซึ่งเป็นลวดเชื่อมที่มีคุณสมบัติเชิงกลใกล้เคียงกับโลหะงาน
2. ส่วนผสมของโลหะชิ้นงาน จะต้องเลือกลวดเชื่อมที่มีส่วนผสม เหมือนกันกับโลหะชิ้นงาน ถ้าเป็นเหล็กกล้าผสมสูง ต้องพิจารณาจากตัวอักษรที่ต่อท้ายสัญลักษณ์ แต่ถ้าเป็นเหล็กกล้าละมุน ควรเลือกลวดเชื่อมในกลุ่ม 60xx
3. ท่าเชื่อม ให้ดูจากสัญลักษณ์ที่กําหนดในลวดเชื่อม เช่น ระบบ AWS จะกําหนดตัวเลขตัวที่ 3 เป็นการบอกถึงตําแหน่งท่าเชื่อมไว้ว่าสามารถเชื่อมได้ในท่าเชื่อมใด
4. ชนิดของกระแสไฟที่ใช้ ควรเลือกให้เหมาะสมกับกระแสไฟเชื่อม เพราะลวดเชื่อมบางชนิดจะเชื่อมได้ผลดีกับไฟกระแสตรงเท่านั้น หรือบางชนิดจะเชื่อมได้ผลดีกับไฟกระแสสลับเท่านั้น ให้พิจารณาตัวเลขตัวที่ 4 สําหรับมาตรฐาน A.W.S.
5. ลักษณะของแนวต่อ และรอยต่อประชิด เช่น รอยต่อที่ไม่มีการบากหน้างาน ควรเลือกลวดเชื่อมที่มีการอาร์คนิ่มนวล เพราะจะให้การซึมลึกน้อย และยังเหมาะกับงานบางด้วย ส่วนงานหนา จะต้องเลือกลวดเชื่อมที่มีการอาร์ครุนแรง โดยพิจารณาจากตัวเลขตัวที่ 4 สําหรับมาตรฐานA.W.S.
6. ความหนาและรูปร่างของชิ้นงาน ควรเลือกใช้ลวดเชื่อมที่มีความเหนียวสูง กับงานที่มีความหนาและซับซ้อน เพื่อหลีกเลี่ยงการแตกร้าว ได้แก่ ลวดเชื่อมไฮโดรเจนต่ำ ตามมาตรฐานA.W.S. XX15,EXX16, EXX18, EXX28
7. ข้อกําหนดเกี่ยวกับงาน ควรพิจารณาส่วนผสมให้ตรงกับคุณสมบัติ การใช้งานของชิ้นงาน เช่น งานที่รับแรงกระแทก งานเชื่อมที่นําไปใช้งานในที่อุณหภูมิต่ำ หรืออุณหภูมิสูงนอกจาก จะพิจารณาส่วนผสมของลวดเชื่อมแล้ว จะต้องพิจารณาถึงความเหนียวและความต้านทานต่อแรงกระแทก ซึ่งลวดเชื่อมที่เหมาะแก่สภาพการใช้งานดังกล่าว ได้แก่ ลวดไฮโดรเจนต่ำ
8. ข้อกําหนดเกี่ยวกับงาน ควรพิจารณาส่วนผสมให้ตรงกับคุณสมบัติ การใช้งานของชิ้นงาน เช่น งานที่รับแรงกระแทก งานเชื่อมที่นําไปใช้งานในที่อุณหภูมิต่ำหรืออุณหภูมิสูง

ลวดเชื่อม

เหล็กกัลวาไนซ์ใช้ลวดเชื่อมแบบไหน

เหล็กกัลวาไนซ์สะดวกใช้ ใช้ลวดเชื่อมธรรมดาเชื่อมได้เลย แต่ยังมีอันตรายที่ต้องระวังด้วย เหล็กกัลวาไนซ์สะดวกใช้ ใช้ลวดเชื่อมธรรมดาเชื่อมได้เลย แต่ยังมีอันตรายที่ต้องระวังด้วย …

ลวดเชื่อม E6013 มีความหมายอย่างไร

ลวดเชื่อมไฟฟ้าเหล็กเหนียว เกรด E6013 เป็นลวดเชื่อมส าหรับการเชื่อมเหล็กเหนียวแผ่นบาง และงานโครงสร้างต่างๆ เช่นงานสร้างเรือ, รถไฟ, ยาน ยนต์ และงานโครงสร้างอาคารต่างๆ ที่ท าด้วยเหล็ก เหนียวที่ทนแรงดึงได้60 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

ลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทมีอะไรบ้าง

1) ลวดเชื่อม ลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ หุ้มฟลักซ์ชนิดกรด ิดกรด 2) ลวดเชื่อม ลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ หุ้มฟลักซ์ชนิดรูิดรูไทล์์ 3) ลวดเชื่อม ลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ หุ้มฟลักซ์ชนิดเซลลูโลส ชนิดเซลลูโลส 4) ลวดเชื่อม ลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ์ หุ้มฟลักซ์ชนิดด่างหรือไฮโดรเจนต่า ชนิดด่างหรือไฮโดรเจนต่า

ข้อใดเป็นหน้าที่ของฟลักซ์หุ้มแกนลวดเชื่อม

ฟลักซ์หรือสารพอกหุ้ม ที่หุ้มแกนลวดเชื่อมมีหน้าที่หลายอย่างที่สำคัญ ดังนี้ 1) สร้างแก๊สเพื่อป้องกันบรรยากาศบริเวณอาร์ก 2) สร้างสแลกปกคลุมแนวเชื่อม เพื่อป้องกันไม่ให้ออกซิเจนรวมตัวในโลหะที่ กำลังหลอมเหลว 3) ช่วยในการจุดอาร์ก (Arc ignition) ทำให้การอาร์กคงที่และมีเสถียรภาพ 4) เติมโลหะผสม (Alloying) ที่ต้องการลงในรอยเชื่อม ...