เทคนิคศิลปิน ประเทือง เอมเจริญ เป็นศิลปะแบบใด

ประเทือง เอมเจริญ เกิดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2478 ที่กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาจากโรงเรียนเทศบาลวัดสุทธาราม สำเหร่ ธนบุรี พร้อมทั้งศึกษาศิลปะด้วยตนเอง สร้างผลงานมากมาย ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ด้วยการศึกษาค้นคว้าเพื่อสร้างผลงานทางศิลปะ พร้อมทั้งศึกษาปรัชญาชีวิตทั้งศิลปะของอินเดีย จีน และศึกษาธรรมชาติโดยเฉพาะดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของพลังแห่งแสงสว่าง

เทคนิคศิลปิน ประเทือง เอมเจริญ เป็นศิลปะแบบใด
ถ้าความรักเปรียบได้กับการดูแลรักษา ท้องทะเลจะอิ่มเต็มด้วยความรัก ดวงตะวัน แดดอุ่น และสายลมเย็น ย่อมเป็นความรักของท้องฟ้า เมื่อมนุษย์ตระหนักได้ถึงความรัก ความงดงามจะปรากฏในดวงใจของเขา ภาพและบทกวีโดย ประเทือง เอมเจริญ

เทคนิคศิลปิน ประเทือง เอมเจริญ เป็นศิลปะแบบใด
ความดี ไม่ทำขณะที่มีชีวิต อย่าหวังได้ทำเมื่อตายไปแล้ว ภาพและบทกวีโดย ประเทือง เอมเจริญ

ด้วยความหลงใหลในพระอาทิตย์จึงเกิดมุมมองในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่เป็นรูปแบบของตนเอง มองโลกในแง่ดี เชื่อในคุณความดี โดยสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่ผสมผสานระหว่างสิ่งที่รับรู้จากธรรมชาติ กับสิ่งที่มีอยู่ในตัวตนของเขาจนถ่ายทอดความงามที่มีอยู่ในธรรมชาติออกมาอย่างมีพลังซึ่งได้กลายมาเป็นผลงานชุดจักรวาลอันมีชื่อเสียง

เทคนิคศิลปิน ประเทือง เอมเจริญ เป็นศิลปะแบบใด
ภาพบทเพลงแห่งจักรวาล เป็นหนึ่งในบรรดางานชิ้นเอกที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทือง เอมเจริญ

นอกจากนี้ ยังสร้างศิลปสถานเอมเจริญ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางศิลปะและเผยแพร่ผลงานศิลปะของศิลปินต่างๆ แก่ประชาชนผู้สนใจได้เข้าชมและศึกษางานด้านศิลปะ พร้อมทั้งได้รับเกียรติเป็นประธานเปิดงานต่างๆ ทั่วประเทศ เป็นศิลปินรับเชิญเขียนภาพเพื่อการกุศลมากมาย เป็นผู้ถ่ายทอดงานศิลปะให้แก่ผู้สนใจตามโรงเรียน มหาวิทยาลัยต่างๆ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน จึงได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ในปี 2548

ผลงานของ ประเทือง เอมเจริญ

สำหรับผลงานของประเทือง เอมเจริญ ได้ถูกแบ่งออกเป็น 5 ยุคด้วยกัน ซึ่งแต่ละยุคจะมีความสวยงามและความหมายแตกต่างกันไป

ยุคที่ 1 : เริ่มต้นค้นคว้า ทดลอง แสวงหา (2501-2509)

เทคนิคศิลปิน ประเทือง เอมเจริญ เป็นศิลปะแบบใด
จากขุนเขาที่มั่นคงสูงเทียมฟ้า ปล่อยวางตัวเองมาสู่ก้อนหิน จากก้อนหินสู่กรวดทราย กลายเป็นสัจจะแห่งธุลีดิน ภาพและบทกวีโดย ประเทือง เอมเจริญ

ยุคที่ 2 : พบธรรมะในธรรมชาติ สื่อผ่านนามธรรม (พ.ศ.2510-2520)

เทคนิคศิลปิน ประเทือง เอมเจริญ เป็นศิลปะแบบใด
ถ้าความรักเปรียบได้กับการดูแลรักษา ท้องทะเลจะอิ่มเต็มด้วยความรัก ดวงตะวัน แดดอุ่น และสายลมเย็น ย่อมเป็นความรักของท้องฟ้า เมื่อมนุษย์ตระหนักได้ถึงความรัก ความงดงามจะปรากฏในดวงใจของเขา ภาพและบทกวีโดย ประเทือง เอมเจริญ

ยุคที่ 3 : สังคม ชีวิต การเมือง…กัมปนาท กึกก้อง (พ.ศ. 2516-2519)

ยุคที่ 4 : ดอกผลสุกงอม สมบูรณ์ กลมกลืน (พ.ศ. 2521-2535)

ยุคที่ 5 : หลุดพ้น ทดลอง แสวงหา สร้างสรรค์โลกใหม่ (พ.ศ. 2536 จนถึงปัจจุบัน)

เทคนิคศิลปิน ประเทือง เอมเจริญ เป็นศิลปะแบบใด
เมฆฝนลอยมาเงียบเชียบ โอบกอดยอดภูผาอ่อนโยน สายฝนตกกระหน่ำไปไม่นานนัก พฤกษชาติบนขุนเขาชอุ่มเขียว หินผาเปียกชุ่มสงบเย็น ทอดเงาสู่สายน้ำล้ำลึก ผู้สูงอายุนั่งมองภาพอันรื่นรมย์ ภาพและบทกวีโดย ประเทือง เอมเจริญ

สำหรับผู้ที่สนใจและชื่นชอบผลงานของประเทือง เอมเจริญ สามารถเดินทางไปชมได้ที่พิพิธภัณฑ์หอศิลป์เอมเจริญ ที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งรวมผลงานด้านจิตรกรรม บทกวี และงานเขียนต่างๆ ของศิลปินแห่งชาติผู้ล่วงลับท่านนี้ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบงามของริมแม่น้ำแม่กลอง

นอกจาก นิยายออนไลน์ สนุกๆ แล้ว อ่านเอา ยังมีคอลัมน์ ‘หลงรูป’ บทความแสดงมุมมอง เล่าเรื่อง บอกต่อ สารพัดความรู้และเรื่องราวใน แวดวงศิลปะ โดย ตัวแน่น ที่อยากแนะนำให้คุณได้ อ่านออนไลน์

…………………………………………………………………………

“งานที่ทำอยู่ถึงแม้จะทำให้ชีวิตสุขสบายด้วยเงินเดือนมหาศาล

แต่ก็เป็นแค่การรับจ้าง ไม่มีจิตวิญญาณ

ไม่ได้ช่วยยกระดับจิตใจใคร

ไม่ได้สร้างสรรค์คุณค่าอะไรทิ้งไว้ให้มวลมนุษย์

เหมือนใช้ชีวิตแค่เกิดมาแล้วตายไปอย่างไร้ความหมาย”

 

ตอนที่พระเจ้าตากยกทัพไปตีเมืองจันทบุรี พระองค์ทรงสั่งให้ไพร่พลกินข้าวกินปลาให้อิ่มแปล้ แล้วจัดการทุบหม้อข้าวหม้อแกงให้หมด ถ้าบุกเมืองได้ มื้อต่อไปก็ไปหุงหาอาหารในเมืองกัน แต่ถ้าไม่สำเร็จก็ให้อดตายไปพร้อมๆ กัน ได้ยินเรื่องนี้ทีไรก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องราวของศิลปินไทยท่านหนึ่ง ที่รักศิลปะอย่างกับพระเจ้าตากรักชาติ เลือกใช้ยุทธวิธีไปตายเอาดาบหน้าจนเกือบจะได้ตายไปเลยจริงๆ ทุ่มแบบหมดหน้าตักขนาดนี้คงมีแต่ ประเทือง เอมเจริญ เท่านั้นที่กล้าทำ

ประเทือง เอมเจริญ เกิดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2478 ณ บ้านริมคลองบางไส้ไก่ จังหวัดธนบุรี ถิ่นพระเจ้าตาก ปัจจุบันจังหวัดนี้ไม่มีในแผนที่เพราะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกรุงเทพฯ ไปแล้ว ท่านเป็นบุตรคนที่ 2 จาก 3 คนของนายชิต และ นางบุญช่วย ที่ฐานะทางครอบครัวไม่สู้จะดีซักเท่าไร ประเทืองเข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนเทศบาลวัดสุทธาวาสใกล้ๆ บ้าน แต่พอจบ ป.4 บิดาของท่านผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวก็ถึงแก่กรรม ประเทืองจึงจำใจต้องออกจากโรงเรียนเพื่อมาช่วยที่บ้านทำงานหารายได้ แทนที่จะได้เรียนหนังสือวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ตามประสาเด็ก ประเทืองต้องกระเสือกกระสนทำงานหนักทั้งทำสวน ขายขนม แบกหาม ตีเหล็ก เสิร์ฟกาแฟ และอาชีพจิปาถะอื่นๆ อีกร้อยแปด

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ประเทืองและพี่ชายงอนแม่ที่มีสามีใหม่ เลยพากันหนีออกจากบ้านไปเป็นคนร่อนเร่พเนจร ชำนาญ เอมเจริญ พี่ชายของประเทือง จบจากเพาะช่างจึงมีความรู้ด้านศิลปะ พาประเทืองไปตระเวนรับจ้างออกแบบเขียนป้ายโฆษณา ทาสีศาลพระภูมิ ไม่เกี่ยงแม้กระทั่งล้างรถหรืองานอะไรก็ได้ถ้ามีคนจ้าง วันไหนมีงานก็มีรายได้แค่พอซื้อข้าวซื้อน้ำประทังชีวิต วันไหนไม่มีงานก็ต้องอดข้าวดื่มน้ำคลองไป ไม่มีเงินพอที่จะไปเช่าห้องหับที่ไหนให้ซุกหัวนอน กลางค่ำกลางคืนเลยต้องอาศัยนอนกับคนอนาถา หมา และยุงตามสวนสาธารณะอยู่อย่างนั้นครึ่งปีจนทั้งคู่ซูบผอมใกล้ตาย ถึงได้ตัดสินใจบากหน้ากลับไปหาแม่ที่บ้านตามเดิม

หลังกลับมาอยู่บ้าน พี่ชายของประเทืองได้งานทำที่บริษัททำป้ายชื่อว่า ‘เอสจันโฆษณา’ เลยพาน้องชายซึ่งมีวุฒิแค่ ป.4 ไปฝากงานด้วย ประเทืองเริ่มงานประจำที่บริษัทในตำแหน่งพนักงานทำความสะอาด และเป็นลูกมือเตรียมสีให้ช่างเขียน ได้รับเงินเดือนเดือนแรก 80 บาท ประเทืองทำงานอย่างขยันขันแข็งเคียงคู่ไปกับการเรียนรู้เทคนิคการเขียนป้ายจนได้เลื่อนตำแหน่งไปเป็นช่างใหญ่เงินเดือนนับพันบาทได้อย่างรวดเร็ว บริษัทเอสจันโฆษณามีเจ้าของเป็นคนจีนที่ทุกคนเรียกว่า ‘ซิงแซ’ ซึ่งประเทืองนับถือเป็นครูศิลปะคนแรกในชีวิต เมื่อว่างจากงาน ซิงแซมักจะนั่งวาดภาพเป็นงานอดิเรก ส่วนประเทืองก็ชอบไปยืนดูและคอยรับใช้ล้างพู่กัน เสิร์ฟน้ำ ซิงแซชอบปาดสีเร็วๆ หนาๆ ลงไปบนภาพตามสไตล์อิมเพรสชั่นนิสม์ ทั้งๆ ที่ใช้พู่กันป้ายสีออกมาเป็นภาพเหมือนกัน แต่ภาพวาดของซิงแซนั้นช่างให้ความรู้สึกแตกต่างกับป้ายโฆษณาที่ประเทืองเขียนอยู่ทุกวัน สิ่งที่เห็นจึงแปลกใหม่และตื่นตาตื่นใจสำหรับประเทืองผู้ไม่เคยเล่าเรียนศิลปะมาก่อนเลยเป็นอย่างมาก

เทคนิคศิลปิน ประเทือง เอมเจริญ เป็นศิลปะแบบใด
“ดวงตาแห่งจักรวาล” พ.ศ. 2514 เทคนิคสีน้ำมันบนกระดานไม้ขนาด 103 x 101 เซนติเมตร

ระหว่างที่ทำงานอยู่ที่เอสจันโฆษณา ประเทืองมักใช้เวลาในวันหยุดไปช่วยงานน้องชาย ประเสริฐ เอมเจริญ ที่ทำอาชีพวาดภาพประกอบในโรงหนังและมีงานล้นมือจนทำไม่ทัน หนังเรื่องใหม่ออกฉายแต่ละทีก็ต้องวาดภาพใหม่ยกชุด หนังใหม่เข้าโรงเดือนละหลายๆ เรื่อง แถมโรงหนังใหม่ๆ ก็ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด ประเทืองช่วยไปช่วยมาจนเวลาที่มีในวันหยุดไม่พอ ก็เลยตัดสินใจลาออกมาเป็นช่างเขียนภาพประกอบหนังเหมือนน้องชายด้วยอีกคน ประเทืองฝีมือดี งานไว ทำให้ค่อยๆ เป็นที่รู้จักในวงการ ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำถึงเดือนละหลักหมื่น ซึ่งไม่เรียกว่าเยอะแต่ต้องเรียกว่าโคตรเยอะในสมัยเมื่อ 60 ปีที่แล้วที่ทองยังราคาบาทละแค่ 400 บาท

หนุ่มติสท์ มีชื่อเสียง หน้าที่การงานดี ก็ย่อมจะฮ็อตเป็นธรรมดา ท่านพบภรรยาในเวลาไล่เลี่ยกันถึง 2 ท่าน คือ ‘คำยอด’ กับ ‘นิตยา’ ครอบครัวที่ขยายใหญ่มี 2 ศรีภรรยาบวกกับลูกๆ ที่ทยอยเกิดขึ้นมาถูกจัดสรรให้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันได้อย่างปกติสุขโดยมีประเทืองเป็นที่พึ่งของบ้าน

ในช่วงนั้นประเทืองใช้เวลาว่างจากงานและครอบครัวไปกับการศึกษาศิลปะด้วยตนเองโดยการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้รู้ ดูนิทรรศการ ดูหนังสือจากต่างประเทศ ดูคอนเสิร์ต ดูละคร และดูหนัง ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่เสียค่าตั๋วเพราะเป็นคนวาดภาพประกอบเอง ประเทืองชอบดูหนังเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพราะดูฟรีแต่เพราะคิดว่าภาพยนตร์เป็นการนำศิลปะทุกแขนง ทั้งวรรณกรรม จิตรกรรม ดนตรี การแสดง มารวมไว้ในที่เดียว ถ้าตั้งใจดูดีๆ ก็จะช่วยเปิดมุมมองทางศิลปะได้มาก จนวันหนึ่งประเทืองได้ดูหนังฝรั่งเรื่อง Lust for Life ที่จั่วหัวเป็นภาษาไทยว่า ‘แรงปรารถนา เพื่อชีวิต’ นำแสดงโดย เคิร์ก ดักลาส เนื้อเรื่องเกี่ยวกับชีวประวัติของ วินเซนต์ แวนโก๊ะ ศิลปินชาวดัตช์ผู้ซึ่งมีชีวิตอันอาภัพแต่กลับมาโด่งดังคับฟ้าเมื่อเจ้าตัวลาโลกไปแล้ว ประเทืองชอบหนังเรื่องนี้มากถึงขั้นคลั่งไคล้ ดูซ้ำไปซ้ำมาจนแทบจะแสดงแทนเคิร์กได้เลยเพราะจำบทได้ครบทุกฉาก

เทคนิคศิลปิน ประเทือง เอมเจริญ เป็นศิลปะแบบใด
ประเทือง เอมเจริญ ในวัยหนุ่ม (ภาพจากหนังสือเส้นสีแห่งชีวิต ประเทือง เอมเจริญ)

ชีวิตของแวนโก๊ะสะกิดใจให้ประเทืองหันกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า จุดมุ่งหมายหลักในชีวิตที่แท้จริงคืออะไร? ประเทืองมองว่างานที่ทำอยู่ถึงแม้จะทำให้ชีวิตสุขสบายด้วยเงินเดือนมหาศาล แต่ก็เป็นแค่การรับจ้าง ไม่มีจิตวิญญาณ ไม่ได้ช่วยยกระดับจิตใจใคร ไม่ได้สร้างสรรค์คุณค่าอะไรทิ้งไว้ให้มวลมนุษย์ เหมือนใช้ชีวิตแค่เกิดมาแล้วตายไปอย่างไร้ความหมาย คิดได้ดังนั้นแล้วเลยกลับบ้านไปกอดแม่กอดเมียเพื่อประกาศว่า ต่อไปนี้จะเลิกอาชีพวาดภาพประกอบหนังอย่างเด็ดขาด และจะเริ่มเป็นศิลปินขนานแท้ที่สร้างสรรค์เฉพาะศิลปะบริสุทธิ์อย่างเต็มตัว ได้ยินได้ฟังดูแล้วที่บ้านก็คงงงๆ อยู่ว่ากินยาผิดซองหรือเปล่าแต่ก็สนับสนุนความตั้งใจอย่างเต็มที่

ปีนั้นเป็นปี พ.ศ. 2505 ประเทืองมีอายุได้ 27 พอดี การตัดสินใจมุ่งมั่นเป็นศิลปินอย่างปัจจุบันทันด่วนเรียกได้ว่าเป็นการเอาชีวิตไปเดิมพันขนานแท้ ทั้งๆ ที่งานเดิมที่ทำก็ดีอยู่แล้ว ปากท้องลูกเมียและแม่ที่แก่ชราก็ยังต้องเลี้ยงดู อีกทั้งวงการศิลปะสมัยใหม่ในประเทศไทยตอนนั้นก็เพิ่งจะเริ่มต้น หอศิลป์สักแห่งก็ไม่มี ศิลปะยังเป็นเรื่องแปลกใหม่ห่างไกลจากชีวิตผู้คนส่วนใหญ่ ผลงานศิลปะไม่ได้มีราคาไม่เป็นที่นิยมซื้อหากันเหมือนสมัยนี้ จะวาดภาพไปขายใครยังแทบจะนึกไม่ออก

พอประเทืองเริ่มเป็นศิลปินที่สร้างสรรค์แต่ผลงานศิลปะ อุปสรรคก็ค่อยๆ มีเข้ามาทีละเรื่องสองเรื่องจนมากมายอีรุงตุงนังเกินคาด แรกๆ หวังจะเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ข้างบ้านชื่อ ‘อาร์ต แอนด์ จอย’ ไว้หารายได้พอเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ถึงสตาร์บัคส์ยังไม่มาแต่รอบๆ ก็มีคู่แข่งเยอะเหลือเกิน เปิดได้สักพักก็ทนขาดทุนไม่ไหว เจ๊งไปตามระเบียบ วันหนึ่งลูกชายที่ยังเล็กก็ร้องไห้กระจองอแงไม่หยุดหย่อน พอพาไปหาหมอ ก็พบว่าเป็นมะเร็งและอยู่ได้ไม่นานก็เสียชีวิต แม่ของประเทืองพออายุมากขึ้นก็เริ่มมีอาการป่วยทางจิต วันดีคืนดีเอามีดทิ่มคอตัวเองเลือดสาดต้องหามส่งโรงพยาบาล ด้วยปัญหาที่ประดังเข้ามา ผลงานภาพวาดของประเทืองในยุคแรกเริ่มนี้เลยดูดำเมี่ยม มืดตึ๊ดตื๋อ แต่ละฝีแปรงเปรียบประดุจรอยเลือดและน้ำตาของคนวาด เวลาล่วงเลยไปหลายปีผลงานสไตล์แรงๆ ล้ำๆ สะท้อนอารมณ์เศร้าที่ประเทืองสร้างขึ้นมานั้นขายไม่ได้เลยสักชิ้น

เทคนิคศิลปิน ประเทือง เอมเจริญ เป็นศิลปะแบบใด
ประเทือง เอมเจริญ ในยุคเริ่มแรกบนเส้นทางศิลปะ (ภาพจากหนังสือ จิตวิญญาณศิลปะ ประเทือง เอมเจริญ)

พอไม่มีรายได้นานเข้าครอบครัวที่เคยมีกินมีใช้ก็เริ่มอัตคัดเข้าขั้นยากจน ผักบุ้งจิ้มน้ำพริกแทบจะเป็นอาหารหลักในทุกมื้อจนลูกเมียขาดสารอาหาร บ้านช่องก็เริ่มผุพัง ประตูแหว่ง หลังคาโหว่ กลางค่ำกลางคืนก็อยู่กันแบบมืดๆ เพราะโดนตัดไฟ จะออกไปไหนก็ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ เพราะรอบๆ บ้านมีแต่เจ้าหนี้คอยตามทวงเงิน ไม่นานบ้านที่คลองบางไส้ไก่ที่เอาไปค้ำประกันเงินกู้ก็หลุดจำนอง ทั้งครอบครัวต้องพากันย้ายไปอยู่ที่ใหม่แถวๆ บางแค

ประเทืองปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่เนี้ยบเหมือนสมัยทำงานประจำ ผมเผ้าหนวดเครายาวรกรุงรัง ใส่ชุดสีดำซอมซ่อชุดเดิมซ้ำๆ ไปที่ไหนก็ถูกรังเกียจด้วยรูปลักษณ์ มิหนำซ้ำยังถูกเหยียดหยามจากคนในแวดวงศิลปะหลายต่อหลายคนที่มองประเทืองว่าเป็นพวกไม่มีการศึกษา ไม่มีปริญญาศิลปะจากสถาบันไหนติดตัว ดูถูกว่ายังไงชาตินี้ประเทืองคงจะไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากได้ในฐานะศิลปินได้ พอเป็นอย่างนี้เพื่อจะให้เป็นที่ยอมรับ ประเทืองเลยต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่าเพราะไม่มีก๊กไม่มีเหล่าคอยช่วยผลักดัน

ซวยซ้ำซวยซ้อนเสียขนาดนี้ที่ประเทืองยังไม่เป็นบ้าหรือฆ่าตัวตาย แต่ยังมีความหวังก้มหน้าก้มตาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่อไป เพราะตลอดชีวิตของท่านตั้งแต่ยังเล็กได้พบเจอความทุกข์ยากผ่านร้อนผ่านหนาวมามากจนมีจิตใจที่กล้าแกร่ง และถึงชีวิตจะยากลำบากแสนสาหัสอย่างไร ก็ยังมีครอบครัว พี่น้อง และเพื่อนศิลปินร่วมอุดมการณ์อย่าง จ่าง แซ่ตั้ง, กมล ทัศนาญชลี, สมเกียรติ ปานะสิริศิลป์, สมชัย หัตถกิจโกศล, สุชาติ วัจนดิลก คอยเป็นกำลังใจ และหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ตามกำลัง

เทคนิคศิลปิน ประเทือง เอมเจริญ เป็นศิลปะแบบใด
ประเทือง เอมเจริญ รับพระราชทานประกาศนียบัตรเกียรตินิยมศิลปะ ในงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 17 จากในหลวงรัชกาลที่ 9 (ภาพจากหนังสือชีวิตและผลงานประเทือง เอมเจริญ)

บนเส้นทางศิลปะอันมืดมิดของประเทือง แสงสว่างแห่งความสำเร็จเริ่มจะมองเห็นอยู่รำไรเมื่อท่านส่งผลงานเข้าประกวดในงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 17 ประจำปี พ.ศ. 2510 ผลงานที่ส่งไปเป็นภาพแนวนามธรรมที่มีชื่อว่า ‘เลือด ทอง คอนกรีต’ ปรากฏว่าสามารถคว้ารางวัลเหรียญเงินมาได้ พร้อมเงินรางวัลอีก 5,000 บาท ที่ถูกเอาไปใช้ปลดหนี้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นในปีต่อๆ ไปประเทืองก็ส่งผลงานเข้าประกวดอีกและได้รับรางวัลอีกหลายรางวัลจนสาธารณชนเริ่มรู้จัก ประเทืองค่อยๆ มีลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่สนใจศิลปะแวะเวียนมาขอความรู้ที่บ้านเพิ่มขึ้น จนวันหนึ่งมีคณะครูมาดูงาน ประเทืองได้พบกับครูสาวนามว่า ‘บุญยิ่ง’ ทั้งคู่รักใคร่ชอบพอกัน จนตกลงปลงใจเป็นสามีภรรยา ครอบครัวที่ใหญ่อยู่แล้วของประเทืองจึงมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกคน

ประเทืองเริ่มมีชื่อเสียงและค่อยๆ ขายผลงานศิลปะได้ จากภาพวาดสมัยอดมื้อกินมื้อที่ดูมืดๆ ทึมๆ ประเทืองพัฒนาผลงานชุดต่อๆ มาให้มีสีสันสว่างไสวยิ่งขึ้นโดยใช้ดวงอาทิตย์เป็นแรงบันดาลใจ ประเทืองตื่นแต่ไก่โห่เพื่อไปแหงนคอรอดูดวงอาทิตย์ตั้งแต่แสงแรกของรุ่งอรุณ พิจารณาดูความเปลี่ยนแปลงของเฉดสีของแสงในแต่ละช่วงเวลาของวัน จนพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าไป เพ่งดูแสงอาทิตย์จนตาแทบบอดแล้วจำเอามาวาดเป็นภาพนามธรรมของจักรวาล ดาวฤกษ์ และรูปทรงต่างๆ ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดยุบยิบและสีสันจัดจ้านน่าประทับใจ

เทคนิคศิลปิน ประเทือง เอมเจริญ เป็นศิลปะแบบใด
ประเทือง เอมเจริญ ในวัย 81 (ภาพจากหนังสือประเทือง เอมเจริญ รอยริ้วสรรพสีสรร ตำนานชีวิตและสังคม)

ต่อมาเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่รัฐบาลออกมาปราบปรามนักศึกษาในวันที่ 14 ตุลาคม 2516 จนมีผู้เสียชีวิตมากมาย ประเทืองก็เริ่มสร้างผลงานที่สะท้อนความรู้สึกเกี่ยวกับการเมืองออกมาหลายชิ้น ภาพธงชาติ กะโหลก หยดเลือด ปืน รูกระสุน ถูกสร้างสรรค์ออกมาเพื่อเตือนสติผู้ชมให้ระลึกถึงวันมหาวิปโยคนั้นและช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมอีก ภาพชุดนี้กลายเป็นภาพชุดประวัติศาสตร์ในวงการศิลปะไทยที่มักถูกหยิบยกมากล่าวถึงเสมอในเรื่องความสำนึกรับผิดชอบของศิลปินที่มีส่วนช่วยในการจรรโลงสังคม

เมื่อบ้านเมืองกลับมาสงบอีกครั้ง ประเทืองก็กลับไปค้นหาแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ก้มหน้าก้มตามองรายละเอียดของกรวด หิน ดิน ทราย หยดน้ำ ใบไม้ ใบหญ้า เดินทางไกลออกไปซึมซับความรู้สึกของป่าเขา ทุ่งนา แม่น้ำ และทะเล ถ่ายทอดความประทับใจจากสรรพสิ่งรอบตัวสร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงานศิลปะที่สมบูรณ์แบบ ภาพวาดของประเทืองถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นแนวนามธรรม แต่ก็เป็นภาพที่ตีความได้ไม่ยาก องค์ประกอบ รายละเอียด สีสัน ดูสวยงามอย่างไม่ต้องลังเลใจ

ควบคู่ไปกับการวาดภาพ ประเทืองมักประพันธ์บทกวีพรรณนาความรู้สึกนึกคิดต่างๆ ที่พรั่งพรูออกมา ท่านเคยเปรียบตนเองดั่งดอกไม้เล็กจิ๋วริมทาง ที่จะใช้กำลังทั้งหมดที่มีชูช่อผลิบานให้กว้างให้สวยที่สุด ก่อนที่วันหนึ่งดอกไม้นั้นจะหมดแรงเหี่ยวแห้งไป ไม่สนว่าใครจะเดินมาเจอะมาสนใจหรือไม่ แค่ได้ทำเต็มที่และดีที่สุดในวันที่ยังทำได้ก็ภูมิใจแล้ว

เหมือนว่าดอกไม้ดอกจิ๋วดอกนั้นวันนี้จะเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่าน ชื่อเสียงของประเทืองโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ จนขึ้นชั้นเป็นศิลปินแถวหน้าของประเทศที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แม้กระทั่งผู้ที่ในอดีตเคยดูถูกเหยียดหยามก็ต้องยอมศิโรราบ จากความสำเร็จในการใช้ชีวิตแบบทุ่มหมดตัวให้กับศิลปะ ท่านได้รับยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ จิตรกรรม เมื่อปี พ.ศ. 2548

ปัจจุบันประเทืองในวัยทะลุ 80 ยังคงสร้างผลงานศิลปะอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ท่านย้ายจากกรุงเทพฯ ไปอยู่กาญจนบุรี และเปิด ‘หอศิลป์เอมเจริญ’ เอาไว้บนที่ดินริมแม่น้ำแม่กลองเพื่อใช้จัดแสดงผลงานศิลปะให้สาธารณชนได้มีโอกาสชื่นชมดื่มด่ำ

รับรู้เรื่องราวชีวิตอันสุดวิบากของ ประเทือง เอมเจริญ กันแล้ว บอกไว้ก่อนว่าทั้งหมดนี้เป็นความสามารถที่แสนพิเศษเฉพาะตัว ถ้าไม่ชัวร์อย่าลอกเลียนแบบ ที่เตือนนี่เพราะเป็นห่วง กลัวว่าอ่านเสร็จจะด่วนตัดสินใจไปลาออกจากงาน แล้วเดินตามความฝันอันแสนหวานกันหมด ใจเย็นๆ ก่อนนะจ๊ะ

อาจารย์ประเทือง เอมเจริญ ทำงานแบบไหน

สิ่งเหล่านี้ ประเทือง เอมเจริญ ได้ปฏิบัติมาอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปกับการทำงานศิลปะ นับเป็นศิลปินที่สร้างผลงานศิลปะอย่างสืบเนื่องยาวนานตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี จึงได้รับยกย่องเคารพด้วยคำว่า “อาจารย์” และได้รับการเชิดชูเกียรติเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปีพ.ศ.2548.

เทคนิคศิลปิน ประเทือง เอมเจริญ เป็นศิลปะแบบใด *

ในวัยหนุ่มนั้น อาจารย์ประเทือง เอมเจริญ สร้างสรรค์ผลงานในลักษณะที่หลากหลาย ทั้ง Semi Abstract และ Abstract. ด้วยงาน Abstrac นั้นเป็นงานศิลปะที่ถือว่าเป็นศิลปะชั้นสูง นิยมมากในยุโรปและอเมริกา ไม่ได้สร้างสรรค์กันได้โดยง่าย ผู้สร้างสรรค์ส่วนใหญ่ก็ผ่านการศึกษาศิลปะในแนวทางศิลปะบริสุทธิ์ด้วยกันทั้งสิ้น

เทคนิคที่สําคัญของพีตมอนดรีอันคืออะไร

เทคนิคสีน้ำมันบนผ้าใบ (พ.ศ.2472) ผลงานของ พีต มอนดรีอัน (Piet Mondrian) เน้นการออกแบบโดยเส้นที่ตัดกันเป็นมุมฉากระหว่างเส้นนอนกับเส้นตั้ง เกิดเป็นบริเวณว่างให้มีความสัมพันธ์กันภายในกรอบสี่เหลี่ยม

อ.ประเทือง เอมเจริญ เรียนศิลปะจากที่ใด

นายประเทือง เอมเจริญ จึงได้รับยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) พุทธศักราช ๒๕๔๘ การศึกษา ปีที่สำเร็จการศึกษา วุฒิการศึกษาที่จบ สถานที่ศึกษา ๒๔๙๐ ประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนเทศบาลวัดสุทธาราม สำเหร่ ธนบุรี